แคนยอนเร้นลึกแห่งออสเตรเลีย

แคนยอนเร้นลึกแห่งออสเตรเลีย

แคนยอน
กุ้งเครย์ฟิชตัวยาว 30 เซนติเมตรว่ายน้ำหลบนักปีนหุบผาที่ลุยลำธารช่วงตื้นๆ ในคลอสตรัลแคนยอน สีเปลือกของกุ้งน้ำจืดที่เรียกขานกันในหมู่นักปีนหุบผาว่า “แย็บบี” เหล่านี้ยังคงเป็นปริศนา เพราะในลำธารบางสาย เปลือกของพวกมันเป็นสีส้ม ขณะที่บางสายซึ่งมีน้ำใสสะอาดที่สุดเปลือกมักเป็นสีฟ้า

การโรยตัวอีกสามช่วงที่ตามมาน่าอัศจรรย์ไม่แพ้กันและพาเรามาสู่แอ่งน้ำเล็ก ๆ ที่เย็นเฉียบกลางชะง่อนผาราวกับสระว่ายน้ำที่ผุดขึ้นตรงกลางตึกระฟ้าไม่มีผิด เวลา 10.00 น. เรานั่งกินมื้อเที่ยงกันบนก้อนหินใหญ่ท่ามกลางแสงแดด โดยมีกิ้งก่าหน้าตาคล้ายไดโนเสาร์ตัวยาวร่วมครึ่งเมตร พร้อมหงอนสวยแปลกตาคอยเป็นเพื่อน และดื่มน้ำใสไหลเย็นแสนสดชื่นจากน้ำตกดานาอี เมื่อจุ่มศีรษะลงใต้ผืนน้ำสีเขียวมรกต ผมเห็นแย็บบีเปลือกสีฟ้าซึ่งเป็นกุ้งเครย์ฟิชพื้นเมืองคลานอยู่ตามก้นบ่อ เราจัดแจงถอดชุดดำน้ำออก

โรเบนส์ดูจะสบายอกสบายใจที่จะไปต่อในชุดวันเกิดแต่ผมเลือกสวมกางเกงไนลอนเนื้อหนาแทน สองสัปดาห์ก่อนตอนปีนหุบผาอีกแห่ง ผมพลาดชนเข้ากับต้นสติงกิง (ตำแยชนิดหนึ่ง) ซึ่งฝากรอยผื่นคันและปวดแสบปวดร้อนนานร่วมเดือน ในกรณีของผม เหตุเกิดในจุดที่ไม่สามารถให้ใครเห็นได้

หลังจากนั้นเป็นการโรยตัวสั้น ๆ หลายช่วง ตามด้วยการกระโดดยาว ๆ อีกสองครั้ง โรเบนส์ทิ้งตัวจากก้อนหินส่งเสียงก้องอย่างเบิกบานใจ กางแขนขากว้างกลางอากาศก่อนจะหุบเข้าราวผีเสื้อเตรียมร่อนลงสัมผัสผืนน้ำที่อยู่ต่ำลงไปราวหกเมตร

เมื่อเรามาถึงด้านล่าง ดานาอีบรูกแคนยอนกลายเป็นที่โล่งดารดาษไปด้วยก้อนหินใหญ่สูงชัน ซึ่งโรเบนส์ผู้นุ่งลมห่มฟ้า เว้นแต่มีเป้สะพายหลังและสวมรองเท้าเทนนิส วิ่งลัดเลาะข้ามไปอย่างแคล่วคล่องราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ขณะที่ผมล้มลุกคลุกคลานครั้งแล้วครั้งเล่า

แคนยอน
นักปีนหุบผาโรยตัวฝ่ากระแสน้ำตกเชี่ยวกรากในเอมเพรสแคนยอน พวกเขาเล่าว่า แม้แต่การโรยตัวง่ายๆ เช่นนี้ก็ทำให้รู้สึกเหมือนจมน้ำกลางอากาศได้

เมื่อมาถึงจุดที่ดานาอีบรูกบรรจบกับคานันกราครีก  การไต่ลงสู่หุบผาของเราก็สิ้นสุดลง แต่เรายังไม่สามารถเฉลิมฉลองได้ นักปีนเขาไต่ขึ้นไปถึงยอดแล้วต้องกลับลงมาฉันใด นักปีนหุบผาเมื่อลงมาแล้วก็ต้องไต่กลับขึ้นไปฉันนั้น เราเดินข้ามลำธาร หยุดพักราวสิบนาที ก่อนจะเริ่มไต่ฝ่าดงไม้ขึ้นไปอย่างลำบากยากเย็น อันที่จริงจะขึ้นทางร่องธารเมอร์เดอริงที่ลาดเอียงก็ได้ แต่เราเลือกทางที่เต็มไปด้วยปุ่มหิน ซึ่งมีชื่อเล่นว่า “แมนสลอเตอร์ริดจ์” หรือสันเขาสังหารแทน ทางที่ปีนขึ้นตัดตรงตั้งฉากเสียจนเราต้องดึงตัวเองขึ้นไปตามกิ่งไม้ทีละกิ่ง

เนื้อตัวเราชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อตอนที่มาถึงที่ราบตรงปลายแหลมของทิวเขาแกงเกอแรง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับดานาอีบรูกแคนยอนพอดี ได้เวลาจับไม้จับมือและโห่ร้องกันพอให้สาแก่ใจ จากจุดนี้เราสามารถเดินตามเส้นทางคิลแพทริกคอสเวย์ ซึ่งเดินง่ายทีเดียว (แม้จะมีนักเดินเขาตกจากหน้าผาสูง 70 เมตรบนเส้นทางนี้และเสียชีวิตเมื่อปี 2006 ก็ตาม)

แคนยอน
ลำแสงยามเที่ยงวันที่สาดส่องลงมาช่วยเติมบรรยากาศขรึมขลังมลังเมลืองให้ร็อกกีครีกแคนยอน ขณะแทรกตัวผ่านไทเกอร์สเนก

ระหว่างที่เดินทอดน่องกันมา พระอาทิตย์ส่องแสงไล่หลังเรา ผมฝันหวานถึงแจฟเฟิลไส้อะโวคาโด มะเขือเทศ แฮม และเนยแข็งที่จะทำเมื่อถึงแคมป์คืนนี้ ผมทั้งร้อนและเหนื่อยแต่ร่างกายและห้วงคำนึงกลับได้รับการชำระล้างจากการไต่ลงดานาอีบรูกแคนยอน แล้วผมก็เห็นโรเบนส์บ่ายหน้าเข้าไปในทุ่งข้างทาง “จะให้ดูอะไรหน่อย” เขาตะโกนมาโดยไม่เหลียวหลัง

เราเดินอ้อมปุ่มหินทรายที่ยื่นจากชะง่อนผา ทันใดนั้น สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าเราคือศิลปะบนผนังหินของชาวอะบอริจิน เป็นภาพโครงร่างมนุษย์สีแดงอมส้ม เห็นชัดว่านุ่งลมห่มฟ้า กางแขนกางขา แลดูเบิกบานกันถ้วนหน้า

เรื่อง มาร์ก เจนกินส์

ภาพถ่าย คาร์สเทน ปีเตอร์

 

อ่านเพิ่มเติม

ถ้ำหลวงในเวียดนามที่แสนลึกล้ำยากหยั่งถึง

Recommend