อาณาจักรของอิสตรี

อาณาจักรของอิสตรี

เรื่อง เจเรมี เบอร์ลิน
ภาพถ่าย แคโรลิน คลุพเพิล

ผืนป่าเขียวขจีทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ติดกับพรมแดนบังกลาเทศ คือที่ตั้งของหมู่บ้านเล็กๆซึ่งมีระเบียบทางสังคมไม่เหมือนใคร ชนพื้นเมืองเผ่ากะสิราว 500 คนในหมู่บ้านมูลินนงยังคงสืบสานประเพณีการสืบทอดทางแม่ซึ่งมีมาแต่โบราณ  ณ ชุมชนแห่งนี้  ทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง เงินทอง ทรัพย์สิน หรืออำนาจ ล้วนตกทอดจากแม่สู่ลูกสาว พูดอีกนัยหนึ่งคือเพศหญิงคือผู้เป็นใหญ่นั่นเอง

คลุพเพิลสร้างสรรค์ภาพถ่ายภาพบุคคลโดยอาศัยบริบททางวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมของเด็กผู้หญิงเหล่านี้” นั่นหมายความว่า เครื่องมือตากปลาสามารถใช้เป็นสร้อยคอสำหรับเด็กหญิงเกรซ ทังซง วัยเจ็ดขวบ

แคโรลิน คลุพเพิลช่างภาพจากเบอร์ลินใช้เวลาเก้าเดือนในช่วงสองปีพำนักอยู่กับครอบครัวชาวกะสิครอบครัวแล้วครอบครัวเล่าในหมู่บ้านที่ “สงบสุขและสะอาดอย่างไม่น่าเชื่อ” เธอได้พบกับวัฒนธรรมที่ลูกสาวคนสุดท้อง (เรียกว่า คัดดูห์) เป็นผู้รับมรดก สามีย้ายเข้าไปอยู่บ้านภรรยา และลูกๆใช้นามสกุลผู้เป็นแม่

เบสลินดา คงดัป วัยสิบสองปี ก้มลงคว้าขาวัว ซึ่งบางครั้งชาวกะสิก็นำมาทำซุป ชาวอินเดียส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านมูลินนงเป็นชาวคริสต์จึงรับประทานเนื้อได้

เด็กผู้หญิงเข้าเรียนที่โรงเรียนในหมู่บ้านจนโตเป็นสาว แต่บางคนก็ย้ายไปเรียนต่อในเมืองหลวงของรัฐเมื่ออายุได้สิบเอ็ดหรือสิบสองปีหลังจากนั้นจึงเข้าเรียนในวิทยาลัยหรือกลับคืนสู่มูลินนงเพื่อดูแลพ่อแม่ พวกเธอจะแต่งงานกับใครก็ได้ที่พวกเธอเลือก การหย่าร้างหรือเลือกใช้ชีวิตโสดไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย แต่การไม่มีลูกสาวอาจเป็นปัญหาใหญ่ เพราะมีเพียงลูกสาวเท่านั้นที่จะสืบทอดตระกูลต่อไปได้ ครอบครัวที่ไม่มีลูกสาวจึงได้ชื่อว่า เอียป-ดูห์ หรือ “สูญพันธุ์” วาเลนตินา แพคินไทน์ นักมานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์นฮิลล์ กล่าวและเสริมว่า ธรรมเนียมนี้มีมา “แต่โบราณ” แล้ว โดยอาจเป็นสมัยที่ชาวกะสิมีหลายคู่หลายคน จึงยากจะระบุได้ว่าใครเป็นพ่อของลูกที่เกิดมา หรืออาจเป็นครั้งที่บรรพบุรุษฝ่ายชายต้องออกไปทำศึกจึงไม่อาจดูแลเครือญาติหรือครอบครัวได้

อีบาพินต์เงน คงจี วัยแปดขวบ ซ่อนหน้าอยู่ในมุ้ง คลุพเพิลกล่าวว่า เด็กผู้หญิง “ที่มีความเชื่อมั่นและทรงอำนาจ” เหล่านี้ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย “แต่ในยามว่าง พวกแกก็คือเด็กๆ เนื้อตัวมอมแมมที่ชอบวิ่งเล่นเหมือนเด็กวัยเดียวกัน”

ทุกวันนี้ ผู้ชายเป็นผู้นำในสภาหมู่บ้านมูลินนง แต่แทบไม่ได้ครอบครองทรัพย์สิน คลุพเพิลกล่าวว่า บางคนซึ่งไม่พอใจกับสถานะพลเมืองชั้นสองของตนถึงกับเรียกร้องความเสมอภาคทางเพศด้วยซ้ำไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว เธอทึ่งกับ “การยอมรับนับถือที่ชายชาวกะสิมีต่อผู้หญิง” ซึ่งเป็นหัวใจของสารคดีภาพชุดนี้

Recommend