คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจฟังไจมากนักซึ่งส่วนใหญ่มักเห็นสิ่งมีชีวิตนี้อยู่บนขนมปัง ข้าว หรือเห็ดบนพิซซ่า แต่อันที่จริงแล้วฟังไจโดยเฉพาะขนาดเล็กนั้นมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ตามปกติแล้วพวกมันไม่สามารถอยู่รอดได้ในอุณหภูมิที่ค่อนข้างอุ่น เช่นอุณหภูมิร่างกายมนุษย์
ทำให้มีฟังไจไม่กี่สายพันธุ์ที่สามารถก่อโรคได้ อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์หลายคนเริ่มแสดงความกังวลว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอาจทำให้ฟังไจเหล่านี้ปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิสูงได้ดีขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การก่อโรคใหม่ ๆ ที่สามารถอยู่รอดในร่างกายมนุษย์ได้
ตัวอย่างเช่น แคนดิดา ออริส (Candida auris) ซึ่งเป็นยีสต์ที่แยกได้จากผู้ป่วยมนุษย์ครั้งแรกในปี 2009 แต่ในปัจจุบันกลับก่อให้เกิดการติดเชื้อหลายพันครั้งต่อปีแค่ในสหรัฐอเมริกาประเทศเดียว C. auris กลายเป็นฟังไจที่ดื้อยาหลายชนิดและมีอัตราการเสียชีวิตที่สูง
นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าพวกมันมีความสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงได้อย่างผิดปกติ และนั่นอาจทำให้เราเห็นการติดเชื้อจากฟังไจอีกหลายชนิด โดยเฉพาะในภาวะโลกร้อนเช่นนี้
“อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ฟังไจส่วนใหญ่ไม่สามารถแพร่เชื้อสู่มนุษย์ได้ก็คือ พวกมันไม่สามารถเจริญเติบโตได้ที่อุณหภูมิร่างกาย (37°C) ได้” ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์กล่าว “แต่ภาวะโลกร้อนและเหตุการณ์ความร้อนสูงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งอาจก่อให้เกิดแรงกดดันในการคัดเลือก ที่ทำให้เชื้อราปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิสูงขึ้นได้”
เพื่อตอบคำถามนี้ ทีมวิจัยจึงทดสอบมันด้วยแนวทางการศึกษาแบบพิสูจน์หลักการ (proof-of-principle study) ซึ่งออกแบบมาเพื่อตรวจสอบว่าฟังไจชนิดต่าง ๆ ปรับตัวแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ภายในเมืองเดียวกันหรือไม่? ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่ากังวล
ในการศึกษานี้ ทีมวิจัยได้เก็บตัวอย่างฟังไจจากทางเท้าผ่านลูกอมที่มีลักษณะคล้ายทอฟฟี่ใน 4 พื้นที่ที่แตกต่างกันของเมืองบัลติมอร์คือ พื้นที่อุ่น พื้นที่ที่อุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ย พื้นที่อุณหภูมิเฉลี่ย และพื้นที่เย็น
ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าฟังไจที่เก็บได้จากพื้นที่ที่ค่อนข้างอุ่นนั้นมีเม็ดสีที่อ่อนกว่า ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะเป็นลักษณะที่ช่วยป้องกันความร้อน และเป็นสัญญาณว่าพวกมันกำลังปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิที่อุ่นขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเชื้อราดังกล่าวมีความต้านทานต่อความร้อนในห้องปฏิบัติการได้ดีกว่าเชื้อราชนิดเดียวกันที่แยกได้จากพื้นที่เย็นกว่า
“ผลการศึกษาของเราแสดงให้เห็นว่าฟังไจที่แยกได้จากพื้นที่ที่มีอากาศอบอุ่นกว่า มีความทนทานต่อความร้อนมากกว่าและมีเม็ดสีอ่อนกว่าเมื่อเทียบกับฟังไจชนิดเดียวกันจากพื้นที่ที่มีอากาศเย็นกว่า ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการปรับตัวในท้องถิ่น” ทีมวิจัยเขียน
ผลลัพธ์นี้สอดคล้องกับการศึกษาจากห้องปฏิบัติการคาซาเดวอลล์ค้นพบในปี 2018 ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าฟังไจน่าจะสามารถปรับตัวแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อช่วยให้พวกมันอยู่รอดในสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกัน โดยการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ดูดซับความร้อนได้มากขึ้น
สิ่งที่น่ากังวลก็คือฟังไจหลายชนิดที่เก็บรวบรวมมานี้เป็นที่ทราบกันดีว่ามีศักยภาพก่อโรคในมนุษย์ เช่นฟังไจ Rhodotorula mucilaginosa ที่แยกได้จากบริเวณที่อุ่นที่สุดนั้นเป็นยีสต์ที่พบได้ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม ทว่าก็ยังก่อโรคในมนุษย์ แม้จะยังยากอยู่ในปัจจุบัน
เช่นเดียวกับฟังไจ Cystobasidium minutum ที่มาจากทางเท้าอุณหภูมิ 38.4°C ก็พบว่าสามารถต้านทานความเครียดจากความร้อนในการทดลองได้ดีที่สุด และสามารถเจริญเติบโตได้ที่อุณหภูมิ 37°C ซึ่งเป็นอุณหภูมิร่างกายมนุษย์
ทีมวิจัยเน้นย้ำว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมตามเมืองต่าง ๆ เพื่อรวมปัจจัยอย่างปริมาณแสงแดด ปริมาณการสัญจรของสิ่งต่าง ๆ ทั้งผู้คนและสัตว์ป่า จะช่วยให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น
“การค้นพบเหล่านี้สอดคล้องกับแนวคิดที่ว่าอุณหภูมิสูงในสภาพแวดล้อมเมืองสามารถกระตุ้นให้ฟังไจปรับตัวเข้ากับความร้อนได้ ซึ่งจะทำให้กำแพงความร้อนที่ต้านทานการติดเชื้อในมนุษย์แคบลง” อาร์ตูโร คาซาเดวอลล์ (Arturo Casadevall) ผู้เขียนอาวุโสของรายงาน กล่าว
“ข้อมูลเหล่านี้ยังเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น และเราต้องการการศึกษาประเภทนี้เพิ่มเติมและมีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อช่วยให้เราเข้าใจว่าฟังไจปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิที่สูงขึ้นได้อย่างไร”
สืบค้นและเรียบเรียง
วิทิต บรมพิชัยชาติกุล
ที่มา