นับตั้งแต่เกิดเหตุรุมโทรมอันน่าพรั่นพรึงที่ทำให้อินเดียช็อกไปทั้งประเทศ ผู้หญิงแดนภารตะพากันลุกขึ้นเรียกร้องสิทธิและเริ่มได้รับการปกป้องจากการคุกคาม และ ความรุนแรงต่อสตรี ในที่สาธารณะมากขึ้นแล้ว
————————————————
หญิงสาวทั้งหกคนเข้าแถวเป็นรูปครึ่งวงกลมไม่เป็นระเบียบ พลางดึงชายเสื้อคลุมยาวและจัดผ้าคลุมศีรษะ พวกเธอเลือกใส่กางเกงยีนแทนที่จะเป็นกางเกง ศัลวาร์ ตัวหลวมโพรกตามประเพณีนิยมในอินเดีย นับเป็นการแสดงออกซึ่งการต่อต้านอย่างพองาม ในฐานะนักข่าว ฉันติดตามความคืบหน้าของโครงการที่มุ่งสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสวัสดิภาพและ ความรุนแรงต่อสตรี ในเขตเมืองของอินเดีย และตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงต้นปี 2019 ฉันพาอาคันตุกะต่างชาติมาที่นี่เพื่อรับฟังความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมโครงการเมืองปลอดภัยสำหรับผู้หญิง
ฉันเดินทางมาแล้วทั่วอินเดียเป็นเวลาเกือบ 20 ปี โดยมากตามลำพัง เรื่องราวที่ผู้หญิงเหล่านี้บอกฉัน และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวันเกี่ยวกับชีวิตฉันเอง เป็นเรื่องราวของสังคมซึ่งพื้นที่สาธารณะถูกตีตราว่าเป็นดินแดนของบุรุษเพศเท่านั้น
สำหรับผู้หญิงในอินเดียแล้ว สถิติด้านความปลอดภัยในชีวิตนั้นถือว่าต่ำนัก เมื่อปี 2011 สำนักงานสถิติอาชญากรรมแห่งชาติของอินเดียรายงานว่า มีเหตุความรุนแรงต่อสตรี ในรูปแบบต่างๆ เกิดขึ้นถึง 228,650 ครั้ง ซึ่งมีทั้งฆาตกรรม การข่มขืนกระทำชำเรา การลักพาตัว และการล่วงละเมิดทางเพศ ในปีนั้น การสำรวจระดับนานาชาติครั้งหนึ่งจัดอันดับให้อินเดียเป็นประเทศที่อันตรายสำหรับผู้หญิงเป็นอันดับสี่ของโลก รองจากอัฟกานิสถาน สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และปากีสถาน การปฏิบัติต่อผู้หญิงในที่สาธารณะเป็นสิ่งที่คนหลายชั่วรุ่นไม่พอใจกันมานานแล้ว แต่คดีของชโยติ ซิงห์ หรือหญิงสาวที่รู้จักกันในชื่อ นิรภยา กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายของแนวคิดหนึ่งที่ยึดถือกันมานานในอินเดีย นั่นคือ ความรุนแรงต่อสตรี ถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
สิ่งที่น่าทึ่งคือปฏิกิริยาของสังคมอินเดียต่อการทำร้ายร่างกายผู้หญิงที่รู้จักกันในชื่อ นิรภยา เพราะวันแล้ววันเล่าที่ผู้หญิงออกมาประท้วงบนท้องถนนโดยตะโกนคำว่า “เสรีภาพที่ปราศจากความกลัว!” ซึ่งอาจนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในที่สุด
นิรภยาเป็นภาษาฮินดี แปลว่า “ปราศจากความกลัว” เธอเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในปี 2012 เมื่อนักศึกษาแพทย์สาวคนนี้ถูกรุมโทรมบนรถประจำทาง โดยผู้ก่อเหตุเป็นชายเมาสุราหกคนซึ่งใช้แท่งเหล็กแทงเข้าไปในอวัยวะเพศของเธอหลังกระทำชำเรา จากนั้นจับเธอโยนลงจากรถ เธอเสียชีวิตในเวลาต่อมา ฆาตกรที่บรรลุนิติภาวะแล้วถูกจับกุม ดำเนินคดี และได้รับโทษประหารชีวิต ซึ่งเป็นผลลัพธ์อันผิดแผกไปจากปกติวิสัยในประเทศที่คดีข่มขืนเพียงหนึ่งในสี่คดีลงเอยด้วยการพิพากษาลงโทษ สิ่งที่น่าทึ่งกว่าคือปฏิกิริยาของสังคมอินเดียที่มีต่อการทำร้ายร่างกายนิรภยา เพราะวันแล้ววันเล่าที่ผู้หญิงออกมาประท้วงบนท้องถนนโดยตะโกนคำขวัญว่า “เสรีภาพที่ปราศจากความกลัว!” ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในที่สุด
หน่วยงานท้องถิ่นและระดับชาติทุ่มเม็ดเงินให้โครงการริเริ่มใหม่ๆเกี่ยวกับความปลอดภัยของสตรี เมื่อปี 2013 รัฐบาลอินเดียในขณะนั้นกันเงิน 145 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อดำเนินมาตรการส่งเสริมความปลอดภัยของผู้หญิง รัฐบาลปัจจุบันให้คำมั่นว่าจะจัดสรรเงินเกือบสามเท่าของทุนประเดิมนั้น เพื่อเปลี่ยนเมืองหลักๆแปดเมือง รวมถึงเดลี ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น มีแสงสว่างมากขึ้น และเป็นสถานที่ที่เป็นมิตรต่อสตรีมากขึ้น
งานขั้นแรกๆ กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ กล่าวคือ ทุกวันนี้ในเดลีตำรวจจัดโครงการอบรมป้องกันตัวฟรี 10 วันให้แก่ผู้หญิง จากนั้นจะขยายให้ครอบคลุมทั้งเมือง โดยจัด “ฝึกอบรมถึงประตูบ้าน” ให้คนกลุ่มใหญ่ขึ้น ในรัฐเกรละทางตอนใต้ หน่วยตำรวจหญิงล้วนที่เรียกว่า ตำรวจสีชมพู (Pink Police) จัดกองกำลังลาดตระเวนไปตามท้องถนนและตอบรับการโทรศัพท์แจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายจากผู้หญิง
ชมพูเป็นสีที่กำหนดไว้สำหรับบริการขนส่งมวลชนสาธารณะส่วนใหญ่ในเขตเมืองที่จัดให้แก่สตรีโดยเฉพาะ สามล้อเครื่องสีชมพูมีไว้สำหรับผู้โดยสารหญิง ตอนนี้ รถไฟใต้ดินมีตู้โดยสารของผู้หญิงแยกต่างหาก และที่จุดตรวจความปลอดภัยของสถานีชุมทางต่างๆ ผู้หญิงจะยืนในแถวของตัวเอง และได้รับความคุ้มครองจากผู้ชายที่พยายามกระแซะเข้ามาใกล้
ฉันยอมรับว่าไม่เชื่อมั่นกับโครงการเหล่านี้มากนัก การแบ่งแยกทางเพศโดยรัฐบาลอย่างนั้นหรือ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ผู้หญิงรู้สึกปลอดภัยและสบายใจในพื้นที่สาธารณะพอๆ กับผู้ชายอย่างนั้นหรือ แต่แล้วฉันก็เห็นแคมเปญติดแฮชแท็กของผู้หญิงอินเดียและรู้สึกใจชื้นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น #TakeBackTheNight อันเป็นความพยายามระดับโลกที่รวมเหล่าหญิงกล้าหาญในอินเดียมาเดินด้วยกันนอกบ้านหลังอาทิตย์ตกดิน หรือ #MeetToSleep เมื่อปีกลายที่จัดให้ผู้หญิง 600 คนทั่วประเทศมานอนกลางแจ้งด้วยกันในตอนกลางคืนอย่างปลอดภัย เช่นเดียวกับที่ผู้ชายชาวอินเดียชอบทำ
เรื่อง นิลัญชนา โภว์มิก
ภาพถ่าย สมญา ขันเทลวัล
*อ่านสารคดีฉบับเต็มได้ในนิตยสาร เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย เดือนพฤศจิกายน 2562
สารคดีแนะนำ