ทหารหญิง กำลังมีบทบาทเชิงรุกมากขึ้นในภารกิจทางทหารต่างๆ โดยออกปฏิบัติหน้าที่
ในแนวหน้าทั้งในสมรภูมิความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธและในฐานะกองกำลังรักษาสันติภาพ
ในเมืองทะเลทรายแห่งหนึ่งทางตะวันออกตอนกลางของซีเรีย เชลยสองคนนั่งอยู่บนพื้น มีชายชาวเคิร์ดสิบกว่าคนควบคุมอยู่ ชายทั้งสองเข้ามอบตัวกับกลุ่มวายพีจี (YPG) กองกำลังซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นชาวเคิร์ด ระหว่างกลุ่มดังกล่าวเข้ากวาดล้างนักรบไอซิสจากเมืองบากูซ ฐานที่มั่นสุดท้ายในซีเรียของกลุ่มไอซิส เชลยทั้งสองอยู่ระหว่างรอส่งตัวไปยังค่ายกักกัน ซึ่งมีผู้สวามิภักดิ์และผู้อยู่ใต้การอุปถัมภ์ของไอซิสถูกกักกันอยู่ก่อนแล้วหลายหมื่นคน กลุ่มผู้คุมยืนตระหง่านค้ำหัวผู้เป็นเชลย ความกระหยิ่มในชัยชนะฉายฉานชัดเจน
ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตร กลุ่มนักรบหญิงชาวเคิร์ดสะพายปืนอาก้าทำหน้าที่ควบคุมพวกผู้หญิงและเด็ก ซึ่งน่าจะเป็นภรรยาและลูกๆของสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรง ระหว่างที่นักรบหญิงซึ่งมีชื่อว่ากองกำลังวายพีเจ (YPJ) พูดคุยเรื่อยเปื่อยกันอยู่นั้น หลายคนยกบุหรี่ขึ้นสูดยาวๆ (ผู้หญิงถูกห้ามสูบบุหรี่ภายใต้การปกครองของไอซิส) ขณะที่คนอื่นๆปรับแต่งทรงผมโดยใช้โทรศัพท์มือถือต่างกระจก (หากอยู่ภายใต้ไอซิส สตรีที่ไม่คลุมศีรษะและใบหน้าจะถูกเฆี่ยน)
ขณะที่ยามเช้าเคลื่อนคล้อยอย่างเชื่องช้า นักรบวายพีเจจำนวนหนึ่งตัดสินใจเข้าไปดูศัตรูในระยะประชิด กลุ่มนักรบหญิงเดินไปที่เชลยสองคนนั้นเกือบเหมือนปกติธรรมดาในตอนแรก แต่แล้วพวกเธอกลับกระชับวงล้อมเข้าไปอย่างช้าๆและจงใจ พร้อมกับจ้องหน้าพวกเขาตรงๆ ไม่นานก่อนหน้านี้ ผู้หญิงในเมืองอาจถึงกับถูกประหารชีวิตหากแสดงพฤติกรรมเยี่ยงนั้น แต่ไอซิสล่มสลายไปแล้ว และนักรบหญิงแห่งกองกำลังป้องกันของชาวเคิร์ดในซีเรีย กำลังแสดงออกถึงความเสมอภาคกับสหายฝ่ายชายของพวกเธอ ทุกคนอยู่ในแนวหน้าด้วยกัน กำลังดื่มด่ำชัยชนะอยู่ด้วยกัน
จากทะเลทรายในซีเรียและทุ่งหญ้าในเซาท์ซูดาน จนถึงผืนป่าย่อยยับเพราะสงครามในแถบตะวันตกของโคลอมเบีย มีผู้หญิงจำนวนมากขึ้นที่ออกรบในแนวหน้าของความขัดแย้งทางการทหาร แม้เครื่องแบบและสถานการณ์อาจผิดแผกกัน แต่พวกเธอบอกเล่าเหตุผลคล้ายคลึงกันในการเข้าร่วมกับกองกำลังติดอาวุธ พวกเธออยากรับใช้ประเทศชาติ อยากแสดงให้เห็นความมั่นใจ ความสามารถ และความแข็งแกร่ง เพื่อเป็นตัวอย่างให้ลูกหลาน พร้อมกับพิสูจน์อะไรบางอย่างกับตัวเอง บางคนเอ่ยถึงจุดมุ่งหมายยิ่งใหญ่กว่านั้น ซึ่งเหล่านักรบชายไม่ได้นึกถึง นั่นคือ พวกเธออยากเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงในประเทศ ในภูมิภาคของพวกเธอ และทั้งโลก
ประเทศอุตสาหกรรมอย่างน้อย 16 ประเทศอนุญาตให้ผู้หญิงเข้าประจำการในแนวหน้า หรือรับบทบาทในการสู้รบได้ แม้นโยบายจะอนุญาตให้ผู้หญิงรับบทบาทเชิงการสู้รบได้ แต่บรรดาผู้บังคับบัญชาก็อาจลังเลที่จะส่งพวกเธอออกไปรบ แต่ในยุคที่เต็มไปด้วยการโจมตีของผู้ก่อการร้ายและการปะทะระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ ทหารหญิงที่ประจำการอยู่ทุกหนแห่งอาจพบว่า ตัวเองกำลังอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ เพราะสนามรบไม่ได้ถูกจำกัดความด้วยนิยามแบบเดิมๆ อีกต่อไป
โจเซฟีน มูฮาเวนีมานา คุณแม่ลูกสองชาวรวันดา กลายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะชื่นชม “ท่าทางที่ดูแข็งแกร่งของตำรวจ และ…เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ” ปัจจุบัน เธอเป็นจ่าสิบเอกหญิงในกองกำลังรักษาสันติภาพหน่วยหนึ่งขององค์การสหประชาชาติในเซาท์ซูดาน ประเทศซึ่งนองเลือดจากสงครามกลางเมืองและความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ “ฉันยังจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นค่ะ” มูฮาเวนีมานาพูดถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดาเมื่อปี 1994 ที่เธอหนีรอดมาได้ และหวังว่ากองกำลังรักษาสันติภาพจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการนองเลือดเยี่ยงนั้นขึ้นอีกในเซาท์ซูดาน
ในโคลอมเบีย นักรบหญิงที่รู้จักกันในชื่อ โกมันดันเต เยเซเนีย ใช้เวลายี่สิบปีที่ผ่านมาฝังตัวอยู่กับกองกำลังอีแอลเอ็น (ELN) กลุ่มกองโจรฝ่ายซ้ายที่ทำสงครามต่อต้านรัฐบาลโคลอมเบีย เธอคลอดบุตรสาวคนหนึ่งในป่า และกะเตงทารกน้อยที่ยังไม่หย่านมติดตัวไปด้วยหลายเดือน เยเซเนียบอกว่า เธอต่อสู้เพื่อความเสมอภาคของคนจน ชนพื้นเมือง และผู้หญิง “แต่ละคนต่อสู้ด้วยเหตุผลต่างกันค่ะ” เธอบอกและเสริมว่า “แต่ถึงจะมีพื้นเพต่างกันอย่างไร พวกเราล้วนต่อสู้เหมือนๆกันค่ะ”
ย้อนกลับไปที่ทะเลทรายในซีเรีย ขณะที่นักรบไอซิสผู้ถูกจับกุมรอการส่งตัวไปยังค่ายกักกัน นักรบวายพีเจชื่อ นูดา ซากรอส กำลังวาดภาพถึงอนาคต “ที่ไหนก็ตามที่มีการกดขี่ผู้หญิง เรายินดีไปที่นั่นค่ะ” เธอบอกก่อนจะทิ้งท้ายว่า “เราอยากต่อสู้เพื่อความเสมอภาค เราไม่ได้อยากอยู่เหนือใคร แต่เราก็ไม่อยากให้ใครอยู่เหนือเรา เราทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน”
เรื่องและภาพถ่าย ลินซีย์ แอดดารีโอ
***อ่านสารคดีฉบับเต็มได้ในนิตยสาร เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย เดือนพฤศจิกายน 2562
สารคดีแนะนำ