ทุกคนย่อมอยากมีสุขภาพที่ดี หากในยามที่ชีวิตถึงคราวเจ็บป่วย ซึ่งเป็นสิ่งคนเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ขอให้มีโอกาสรักษากับหมอที่เชี่ยวชาญ มีโรงพยาบาลที่เข้าถึงง่าย ไม่ต้องเดินทางลำบาก ก็ถือเป็นยอดปรารถนาของชีวิต
ในเมืองใหญ่ๆ การที่คนหนึ่งคนเจ็บป่วยแล้วมีโอกาสได้พบหมอในโรงพยาบาลที่ใกล้บ้าน ถือเป็นมาตรฐานชีวิตที่เราพอจินตนาการได้ไม่ยาก และถ้าหากคนๆ นั้น มีฐานะมากพอ การบริการทางการแพทย์ในยามเจ็บป่วยก็จะยิ่งมีคุณภาพสูง มีโอกาสใช้เครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ มีแพทย์ในระดับ ‘เฉพาะทาง’ ที่ช่วยวินิจฉัยเพื่อให้โรคภัยของคนๆ นั้นได้รับการบำบัดรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะยังไม่หายขาดจากโรคภัย การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่เพียบพร้อมเช่นนี้ อย่างน้อยก็ทำให้จิตใจของผู้ที่ป่วยไข้มาได้รับการบรรเทาให้หายกังวลใจ
อย่างไรก็ตาม การบริการทางการแพทย์ที่เพียบพร้อมเช่นนี้ มิอาจเข้าถึงได้กับคนไทยทุกคน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลเขตเมือง เช่นในพื้นที่ทุรกันดาร แนวป่าเขา หรือบนพื้นที่ดอยสูงที่เข้าถึงได้ยาก เมื่อพวกเขาถึงคราวเจ็บป่วย หากเป็นการเจ็บป่วยเล็กน้อยก็ใช้วิธีรักษาแบบพื้นบ้าน ต้มยาสมุนไพรประคองอาการจนหาย แต่เมื่อถึงคราวเจ็บป่วยหนัก หรือโรคประจำตัวที่ต้องรักษากับ ‘หมอใหญ่’ ในโรงพยาบาลศูนย์ประจำพื้นที่ ก็ต้องใช้เวลาในการเดินทางเป็นวันๆ บนเส้นทางที่ยากลำบาก และถ้าเป็นพื้นที่ที่ขาดแคลนหมอหรือพยาบาลก็ต้องใช้เวลานาน จนกว่าการตรวจรักษาจะเสร็จสิ้น เราจึงกล่าวได้ว่า การเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดีในชาวบ้านพื้นที่ห่างไกลได้อย่างสม่ำเสมอ ยังเป็นเรื่องที่ยากเกินฝันสำหรับพวกเขา แม้กระทั่งในยุคปัจจุบัน
หน่วยแพทย์เคลื่อนที่สิงห์อาสา โดยมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี กับภารกิจเพิ่มโอกาสการรักษาพยาบาลเพื่อชาวบ้านพื้นที่ห่างไกลมามานานกว่า 35 ปี
แม้เรายังไม่สามารถคาดหวังถึงการบริการทางการแพทย์ที่ดี สะดวกสบาย ได้มาตรฐานสำหรับทุกคนในทุกพื้นที่อันห่างไกลในตอนนี้ แต่ยังมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่เห็นถึงปัญหาเหล่านี้ และกล้าฝันกล้าลงมือทำเพื่อให้คนไทยในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล ก็ต้องได้รับการรักษาสุขภาพที่ดี
สิงห์อาสา โดยมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เป็นเครือข่ายอาสาสมัครที่มีเครือข่ายกระจายอยู่ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ได้ทำกิจกรรมดูแลสังคมที่ครอบคลุมทั่วประเทศมาตลอดทั้งปี ทั้งการช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน อาทิ ไฟป่า ภัยแล้ง น้ำท่วม รวมทั้งภารกิจที่ทำให้“องค์กร ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม มีความสุขร่วมกันอย่างยั่งยืน” โดยร่วมกับเครือข่ายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ และในครั้งนี้ ทีมงาน National Geographic Thailand ได้เดินทางร่วมกับสิงห์อาสาอีกครั้ง สู่ภารกิจดูแลสุขภาพพี่น้องประชาชนในพื้นที่ห่างไกล กับโครงการ “ไกลแค่ไหน…. จะไปให้ถึง” 35 ปีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่สิงห์อาสา
สำหรับในครั้งนี้ ได้เล็งเห็นถึงปัญหาด้านการเข้าถึงบริการทางสุขภาพของชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล จึงได้ร่วมมือกับ 8 คณะแพทยศาสตร์ 3 คณะทันตแพทยศาสตร์จาก 8 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ได้แก่ สำนักวิชาแพทยศาสตร์ , สำนักวิชาทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, คณะแพทยศาสตร์, คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, คณะแพทยศาสตร์ , คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, วิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช จัดโครงการ “ไกลแค่ไหน จะไปให้ถึง” 35 ปี หน่วยแพทย์เคลื่อนที่สิงห์อาสา โดยหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 35
โดยในปีนี้ สิงห์อาสาได้เริ่มออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในพื้นที่ห่างไกลมาแล้ว 2 แห่ง ได้แก่ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 และที่ อ.เชียงของ จ. เชียงราย ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่เหล่านี้ล้วนมีความยากลำบากในการเดินทางไปรักษายังโรงพยาบาล นำโดยอาจารย์ทีมแพทย์อาสา พร้อมเจ้าหน้าที่และนักศึกษาแพทย์หลายร้อยชีวิต
การออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในพื้นที่ห่างไกลครั้งนี้ ให้บริการดูแลสุขภาพชาวบ้านเชิงรุก มุ่งคัดกรองและรักษาโรคร้ายก่อนลุกลาม เช่น มะเร็งปากมดลูก เบาหวาน ซึมเศร้า ทันตกรรม ฝังเข็ม ตรวจหู ตรวจเลือด ตรวจสุขภาพทั่วไป ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนออกตรวจสุขภาพแก่ผู้สูงอายุและ ผู้ป่วยติดเตียงในชุมชนให้แก่ชาวบ้าน ทั้งยังให้ความรู้การทำ CPR การห้ามเลือด การทำแผล การดาม เป็นต้น พร้อมกับมอบเสื้อกันหนาวให้กับชาวบ้านซึ่งอยู่บนดอยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยหนาว
ในปีนี้ยังได้ร่วมกับ 3 คณะทันตแพทย์ นำรถทันตกรรมเคลื่อนที่ พร้อมด้วยอุปกรณ์ทันตกรรมที่ทันสมัย ลงพื้นที่ ซึ่งปัญหาสุขภาพฟันและช่องปากถือเป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งของชาวบ้านในพื้นที่ที่ห่างไกล ที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้
โดยการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ถือเป็นภารกิจหลักที่ทางมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี ทำต่อเนื่องมากว่า 35 ปี โดยเริ่มต้นที่จ.เชียงราย เป็นครั้งแรก เมื่อปี 2530 จนในปี 2565 ได้ขยายสู่โครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่สิงห์อาสา ที่ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ 8 มหาวิทยาลัยและคณะทันตแพทย์ 3 มหาวิทยาลัย ทำให้สามารถนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยได้หลายพื้นที่มากขึ้น ช่วยให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงระบบสาธารณสุข มีสุขภาพดีขึ้นพร้อมที่จะออกไปดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขต่อไป
นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เผยว่า “การออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ถือเป็นภารกิจหลักที่ทางบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัดและมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดีได้ทำต่อเนื่องมากว่า 35 ปี จนปีนี้ได้รับความร่วมมือจากคณะแพทยศาสตร์ 8 มหาวิทยาลัยและคณะทันตแพทย์ 3 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่สิงห์อาสา ช่วยดูแลสุขภาพพี่น้องประชาชนในพื้นที่ห่างไกล
ศ.ทพ.ดร.สิทธิชัย วนจันทรรักษ์ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า “ปัญหาสุขภาพส่วนใหญ่ของผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล คือ มะเร็งปากมดลูก เบาหวาน สุขภาพในช่องปาก ภาวะขาดสารอาหาร โรคติดเชื้อ โรคระบบทางเดินหายใจ ปีนี้ทางคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีการจัดเตรียมทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง นำหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ ที่จะมีการออกหน่วยตรวจและบริการรักษาสุขภาพในช่องปากให้กับพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ก็ได้มีโอกาสพานักศึกษาแพทย์ออกหน่วยด้วย เพื่อให้พวกเขาเหล่านี้ได้เรียนรู้วิถีการเป็นหมออาสา ได้ประสบการณ์มากขึ้น”
อดีตแพทย์ชนบทดีเด่น หวนคืนถิ่นที่เริ่มอุทิศตนให้ชาวบ้านที่ห่างไกลร่วมกับสิงห์อาสา
ย้อนไปเมื่อปีพ.ศ. 2534 นายแพทย์สมปราถน์ หมั่นจิต เริ่มต้นชีวิตแพทย์จบใหม่ผู้มุ่งหวังทำงานเพื่อชุมชนห่างไกลโดยเลือกมาประจำที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เชียงของ อ. เชียงของ จ. เชียงราย ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ห่างไกลที่สุดของประเทศในขณะนั้น โดยนายแพทย์สมปราถน์ได้ทุ่มเทรักษาชาวบ้านทั้งพื้นที่ใกล้ไกลในบริเวณ อ. เชียงของ รวมไปถึงชาวบ้าน สปป. ลาว ที่ข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาพึ่งพิงการรักษา มีผลงานดีเด่นเป็นที่ยอมรับ จนได้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมื่อปี พ.ศ. 2545 และได้รับรางวัลแพทย์ดีเด่นในชนบท ประจำปี 2555 จากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เนื่องจากเป็นแพทย์ชนบทตัวอย่างที่ควรได้รับการยกย่อง และเชิดชูเกียรติในคุณงามความดี
นายแพทย์สมปราถน์ ได้ทุ่มเทชีวิตเพื่อการแพทย์ในพื้นที่ห่างไกล จนถึงวัยเกษียณเมื่อปีพ.ศ. 2560 หลังจากนั้นเขาได้เริ่มบทบาทเป็นอาจารย์แพทย์ให้กับ สำนักวิชาแพทยศาสตร์ ม.แม่ฟ้าหลวง ในตำแหน่งหัวหน้างานส่งเสริมสุขภาพชุมชน
นายแพทย์สมปราถน์ มาได้ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ อ.เชียงของ จ. เชียงราย ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นการหวนคืนถิ่นที่ได้เริ่มต้นอุทิศชีวิตให้แพทย์กับชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกลอีกครั้ง ร่วมกับสิงห์อาสา และมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี
นายแพทย์สมปราถน์ ได้เผยถึงความรู้สึกว่า ทางสำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้นำอาจารย์แพทย์และนักศึกษาแพทย์ ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อดูแลรักษาสุขภาพให้ชาวบ้านในพื้นที่ที่ห่างไกลมาโดยตลอด โดยหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของทางสำนักวิชาฯ ก็ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับทีมสิงห์อาสามาหลายปีก่อนหน้านี้
“แม้ทางสิงห์อาสา จะไม่ใช่หน่วยงานด้านสุขภาพโดยตรง แต่การมีจิตใจแห่งการให้เพื่อช่วยเหลือผู้คน เป็นการเพิ่มโอกาสการรักษาและเข้าถึงแพทย์ให้กับชาวบ้านที่ห่างไกล ผมจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับสิงห์อาสา ซึ่งก็ร่วมงานกันมาหลายปีแล้ว โดยการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ร่วมกับสิงห์อาสาแต่ละครั้งสามารถช่วยเหลือประชาชนที่เจ็บป่วยได้เป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว และยังเป็นการคัดกรองผู้ป่วยให้เข้ารับการรักษาที่จำเป็นได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ ชาวบ้านจะได้เรียนรู้การป้องกันก่อนที่จะเกิดโรคร้ายแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก”
“โดยในปีนี้ได้มีการจัดเตรียมทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเพิ่มเติมให้สามารถคัดกรองโรคได้มากขึ้น ที่สำคัญยังเป็นการสร้างประสบการณ์ รวมถึงปลูกจิตสำนึกในการดูแลสังคมให้กับนักศึกษาแพทย์ที่เข้าร่วมกิจกรรมเมื่อเรียนจบไปประกอบอาชีพจะได้เป็นแรงสำคัญที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป”
หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ โดยมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ที่เข้าสู่ปีที่ 35 ยังคงมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งในช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนการรักษาทางการแพทย์ให้กับชาวบ้านที่พื้นที่ที่ห่างไกลอย่างต่อเนื่อง และมุ่งหวังที่จะทำประโยชน์เช่นนี้ไปอย่างต่อเนื่องยาวนาน ตราบใดที่ยังมีผู้ที่ทุกข์ร้อน รอความหวังในการช่วยเหลือเพื่อให้พวกเขาเข้าถึงการรักษาโรคภัยที่ดีทัดเทียมกับทุกคนในสังคม เพราะสิงห์อาสามีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า “การให้” และ “การช่วยเหลือผู้คน” จะทำให้สังคมไทยน่าอยู่ขึ้นได้