ทวงคืน สมบัติแผ่นดิน ที่ชาติอาณานิคมตะวันตกยึด และส่งคืนประเทศเดิม

ทวงคืน สมบัติแผ่นดิน – การคืนสมบัติที่ฉกชิงมาไม่ทำให้พิพิธภัณฑ์ปิดตัว หากเป็นการเปิดประตูบานใหม่ๆ

ในช่วงเวลาที่เรียกกันว่า ลัทธิอาณานิคมในแอฟริกา ตั้งแต่ปี 1884 ถึง 1914 มหาอำนาจยุโรปยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ ในทวีปแอฟริกาเป็นอาณานิคม และรวบรวมของสะสมทางชาติพันธุ์เพื่ออนุรักษ์ ศึกษา และจัดแสดงศิลปวัตถุทางวัฒนธรรมที่ได้จากอาณานิคมใหม่ๆของตน แม้การสะสมจะเป็นแรงกระตุ้นที่หยั่งรากลึกในประวัติศาสตร์มนุษย์ พิพิธภัณฑ์ที่เรารู้จักส่วนใหญ่เพิ่งถือกำเนิดในศตวรรษที่สิบเก้า โดยได้รับการออกแบบเพื่อแบ่งปันผลพวงจากการสำรวจและการพิชิตของชาวยุโรป

ลัทธิอาณานิคมทำให้การสะสมกลายเป็นความบ้าคลั่งอย่างหนึ่ง เจ้าอาณานิคมไม่ได้ส่งนักสำรวจไปทำแผนที่ ซอกมุมใหม่ๆของโลกเพื่อความรู้ล้วนๆ ฉันใด สิ่งต่างๆก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์เฉยๆ ฉันนั้น บรรดานักมานุษยวิทยา มิชชันนารี พ่อค้า และทหาร จับมือกับพิพิธภัณฑ์เพื่อขนสิ่งของล้ำค่าน่าอัศจรรย์กลับยุโรป ภัณฑารักษ์ถึงกับส่งรายการ สิ่งที่อยากได้ให้คณะสำรวจดินแดนอาณานิคมติดอาวุธด้วยซ้ำ

สุลต่านนาบิล เอ็นโจยา ผู้ปกครองชาวบามุมในแคเมอรูน ประทับบนบัลลังก์ที่พระปัยกา (ภาพด้านหลัง) ทรงสั่งให้ทำขึ้น นี่คือบัลลังก์จำลองจากองค์ที่เจ้าหน้าที่อาณานิคมเยอรมันได้ไปเมื่อปี 1908 ในสถานการณ์ที่กำลังเป็นปัญหาขณะนี้ บัลลังก์มันดูเยนูองค์จริงจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในเบอร์ลิน
รูปสลักหินอ่อนพาร์เทนอน วิหารพาร์เทนอนบนเนินสูงเหนือกรุงเอเธนส์ ถือเป็นวิหารสำคัญที่สุดในเมืองโบราณแห่งนี้ ประดับตกแต่งด้วยประติมากรรมหินอ่อนและลวดลายสลักแสดงเทศกาลเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นเพื่อบูชาเทพีอธีนา โดยมีเหล่าทวยเทพและวีรบุรุษอยู่ในขบวนแห่ กรีซอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิออตโตมันในช่วงต้นศตวรรษที่สิบเก้า ตอนที่ทอมัส บรูซ เอิร์ลแห่งเอลกิน เอกอัครราชทูตอังกฤษ ได้รับอนุญาต ให้ขน “หินที่มีจารึกเก่าแก่และรูปสลักบางชิ้น” ออกไป ลอร์ดเอลกิน ขนรูปสลักที่เหลืออยู่เกือบครึ่งและลายสลักตกแต่งจำนวนมากลงเรือกลับลอนดอน กรีซเรียกร้องให้ส่งสิ่งเหล่านี้คืนมานานแล้วโดยอ้างว่า ข้อตกลงที่เอลกินทำกับมหาอำนาจที่ยึดครองดินแดนไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ภัณฑารักษ์และผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ซึ่งมักถูกนักเคลื่อนไหวและผู้นำทาง การเมืองกดดัน พากันขุดลึกลงไปเพื่อสืบหาว่าสิ่งของต่างๆเข้ามายังพิพิธภัณฑ์ของตนได้อย่างไร และทำต่อไปอีกขั้น มากขึ้นเรื่อยๆ ในกระบวนการที่เรียกว่า การส่งกลับประเทศเดิมหรือการคืนสมบัติวัฒนธรรม พวกเขานำงานศิลปะ ของใช้ประกอบพิธีกรรม และซากศพมนุษย์ ออกจากตู้จัดแสดงและห้องเก็บของ แล้วส่งคืนไปยังชุมชนอันเป็นต้นทาง

เฉพาะในปีที่ผ่านมา เยอรมนีโอนสิทธิถือครองสิ่งของหลายร้อยรายการให้คณะกรรมการบริหารพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไนจีเรีย ฝรั่งเศสส่งมอบศิลปวัตถุ 26 ชิ้นคืนแก่เบนิน และพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิแทนในนิวยอร์กบรรลุข้อตกลง โอนกรรมสิทธิ์ถือครองประติมากรรมหลายสิบรายการให้แก่กรีซ

กลุ่มศิลปินและนักวิจัยกำลังสร้างรูปสลักหินอ่อนพาร์เทนอนจำลองที่เหมือนจริงอย่างยิ่ง เพื่อผลักดันให้พิพิธภัณฑ์อังกฤษยอมคืนผลงานจริงให้กรีซ ในภาพนี้ เฟเดรีโก อากอสตีเนลลี กำลังทำหัวม้าที่โรงงานในเมืองการ์รารา ประเทศอิตาลี
พิพิธภัณฑ์พิตต์ริเวอร์สที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด จัดแสดงสิ่งของกว่าห้าแสนรายการจากทั่วโลก ที่นี่ส่งซากร่างชนพื้นเมืองอะบอริจินจากออสเตรเลียและสิ่งอื่นๆ คืนบ้างแล้ว และกำลังหารือเรื่องการคืนสมบัติวัฒนธรรมกับกลุ่มต่างๆ ในแอฟริกา เอเชีย และที่อื่นๆ “นั่นคือจุดที่ความสัมพันธ์เริ่มขึ้นอย่างแท้จริงค่ะ” ลอรา ฟาน บรุกโฮเวน ผู้อำนวยการ บอก

“ราวปี 1900 ชาติต่างๆในยุโรปแข่งกันว่าใครจะมีของสะสมทางชาติพันธุ์ในครอบครองมากที่สุดค่ะ” เบเนดิกต์ ซาวัว ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ศิลปะที่มหาวิทยาลัยเทคนิคเบอร์ลิน บอกและเสริมว่า “ตอนนี้ฉันคิดว่าเราแข่งกันเป็นชาติแรกที่ส่งของเหล่านั้นคืนค่ะ”

ภัณฑารักษ์จำนวนมากหวังว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นยุคใหม่แห่งการร่วมมือระหว่างพิพิธภัณฑ์กับชุมชนและประเทศที่เป็นแหล่งกำเนิดของในคลังสะสมของตน ขณะเดียวกัน นักวิจารณ์พากันวิตกว่า การส่งคืนอาจ จุดประกายปฏิกิริยาลูกโซ่ที่จะทลายความเป็น “สากล” ของพิพิธภัณฑ์ซึ่งอาศัยสิ่งจัดแสดงจากนานาชาติช่วยอธิบาย ความเชื่อมโยงกันของโลกได้อย่างแจ่มชัด

รูปสลักครึ่งตัวของเนเฟอร์ตีติ ในตู้กันกระสุนของพิพิธภัณฑ์นอยเอสในเบอร์ลิน รูปสลักครึ่งตัวอันงามสง่าของเนเฟอร์ตีตินี้เป็นทั้งสัญลักษณ์ของอียิปต์โบราณและหนึ่งในสิ่งจัดแสดงที่มีชื่อที่สุดในเมืองหลวงของเยอรมนี ดึงดูดผู้มาเยือนปีละหลายแสนคน รูปสลักนี้จัดแสดงครั้งแรกในเบอร์ลินเมื่อปี 1924 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง รูปสลักถูกนำไปซ่อนในห้องใต้ดิน ก่อนจะย้ายไปยังหลุมหลบภัย จากนั้นก็เหมืองเกลือ ซึ่ง “ผู้ฟื้นฟูอนุสรณ์สถาน” ของกองทัพฝ่ายพันธมิตรไปพบเข้า บ้างอ้างว่ารูปสลักนี้ได้มาอย่างไม่ถูกจริยธรรม โดยบอกว่าผู้นำคณะสำรวจตีค่าสิ่งที่ขุดพบผิดไป เยอรมนียืนยันว่าได้รูปสลักนี้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย และบอกว่า จากผลการสแกน รูปสลักนี้บอบบางเกินกว่าจะเดินทางกลับไคโรได้
ชิ้นงานทองสำริดเบนินซึ่งคาดว่าอายุราว 400 ปี ที่พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยาในฮัมบูร์ก เยอรมนี แสดงภาพนักรบที่ลากศัตรูลงจากหลังม้า เครื่องทองสำริดหลายชิ้นบันทึกเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์เบนิน

หากห้าปีที่ผ่านมาคือช่วงเวลาปฏิวัติมุมมองที่พิพิธภัณฑ์มีต่อคลังสะสมของตน ก็สมควรแล้วที่ประกายความคิดนั้นเกิดขึ้นในฝรั่งเศส ประเทศที่การปฏิวัติมากมายเริ่มต้นขึ้น เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2017 ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง เดินทางไปเยือนวากาดูกู เมืองหลวงของบูร์กินาฟาโซ อดีตอาณานิคมของฝรั่งเศสในแอฟริกาตะวันตก ต่อหน้านักศึกษาเต็มหอประชุม เขายอมรับ “อาชญากรรม” ในยุคล่าอาณานิคมของฝรั่งเศส จากนั้นสุนทรพจน์ก็พลิกไปอย่างคาดไม่ถึง

“ผมไม่อาจยอมรับได้ที่มรดกวัฒนธรรมจำนวนมากของหลายประเทศในแอฟริกา เก็บอยู่ในฝรั่งเศส” มาครงบอกผู้ฟัง “เรื่องนี้มีคำอธิบายทางประวัติศาสตร์ แต่ไม่มีเหตุผลรองรับที่ฟังขึ้น ยั่งยืน และปราศจากเงื่อนไข” เขาเสริมว่า ภายในห้าปี “ผมต้องการให้เกิดเงื่อนไขต่างๆที่รองรับการส่งคืนมรดกแอฟริกันสู่แอฟริกา ไม่ว่าจะเป็นการชั่วคราวหรือถาวร”

กลุ่มช่างหล่อสำริดในเบนินซิตีของไนจีเรียเป็นผู้สืบทอดทางสายเลือดของสมาคมช่างที่มีอายุหลายร้อยปี ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยทำงานในพระราชวัง ทุกวันนี้ เอทิโนซา ไอก์เบ และช่างฝีมือของสมาคมคนอื่นๆ สร้างรูปหล่อออกมาจำหน่าย เช่น รูปหล่อทหารโปรตุเกสขนาดเท่าจริงนี้ (ตรงกลาง)
อาฮายู: ดาของชาวซูนี สำหรับชนเผ่าซูนีในปวยโบล รัฐนิวเม็กซิโก รูปสลักไม้ที่เรียกว่า อาฮายู:ดา คือตัวแทนแห่งเทพสงครามและผู้พิทักษ์ในโลกวิญญาณ ในศตวรรษที่สิบเก้าและยี่สิบ รูปสลักไม้จำนวนมากถูกขโมยไปขายให้นักสะสมและพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ในทศวรรษ 1970 ผู้นำชนเผ่าซูนีเริ่มกดดันให้ส่งคืน โดยฟ้องร้องคดีจริยธรรมที่กลายเป็นต้นแบบการฟ้องร้องคดีส่งคืนสมบัติวัฒนธรรมที่ประสบความสำเร็จ ศาลบูชาลี้ลับที่เก็บรักษาอาฮายู:ดาอยู่บน โดวายาลันเน หรือ “ภูเขาเก่าแก่” ที่ราบสูงตระหง่านเหนือปวยโบลของชาวซูนี

มารี-เซซิล ซินซู ผู้บริหารมูลนิธิซินซูที่เน้นศิลปะแอฟริกันร่วมสมัย ชมสุนทรพจน์ดังกล่าวที่หอศิลป์ของเธอในเบนิน อดีตอาณานิคมฝรั่งเศสอีกแห่ง และตะลึงไป “ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ค่ะ” เธอบอก “มันปุบปับราวกับพายุฝนฟ้าคะนอง” เพียงหนึ่งปีก่อนหน้านั้น คำขอคืนสมบัติวัฒนธรรมที่ทหารฝรั่งเศสยึดไปในทศวรรษ 1890 ของประธานาธิบดีเบนินถูกปฏิเสธอย่างทันทีทันควัน “ฝรั่งเศสปฏิเสธมาตลอดค่ะ” ซินซูเสริม

ไม่นานหลังมาครงกล่าวสุนทรพจน์นั้น ปาทรีซ ตาลง ประธานาธิบดีเบนิน ก็ยื่นคำขอคืนสมบัติวัฒนธรรมอีกครั้ง สภานิติบัญญัติฝรั่งเศสผ่านกฎหมายเฉพาะที่ให้อำนาจคืนสิ่งของเหล่านั้นเมื่อปี 2020 ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 ของต่างๆก็ส่งถึงทำเนียบประธานาธิบดีในเมืองโกโตนู “มรดกของเบนินกลับคืนมาแล้ว” ตาลงบอกกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ร่วมอยู่ในพิธีเปิด

อาฮายู:ดาที่วางไว้ ณ ศาลบูชากลางแจ้งเช่นที่เห็นในภาพถ่ายตีพิมพ์เมื่อปี 1904 นี้ ค่อยๆ ผุพังไป เช่นเดียวกับบทบาททางจิตวิญญาณ
(ภาพถ่าย: จอห์น เวสลีย์ พาวล์, ALAMY STOCK PHOTO)
อ็อกเทเวียส เซโวเตวา ผู้อาวุโสชาวซูนี ไปเยือนถ้ำตูลาโรซา สักการสถาน ณ ที่ดินดั้งเดิมของชนเผ่าในรัฐนิวเม็กซิโก ชาวซูนี มีบทบาทสำคัญในความพยายามอ้างสิทธิเหนือศิลปวัตถุของชนเผ่า รวมถึงผลักดันการออกกฎหมายคืนสมบัติวัฒนธรรมแห่งชาติ ซึ่งประสบผลสำเร็จในปี 1990

ตลอดหลายชั่วโมงที่ชนชั้นนำของเบนินเดินกระทบไหล่พูดคุยท่ามกลางศิลปวัตถุที่กลับคืนมาและผลงานจัดแสดงของศิลปินร่วมสมัยชาวเบนิน ภายในห้องโถงเพดานสูงคลาคล่ำไปด้วยคณะทูตานุทูต แม่หมอวูดูไม่สวมรองเท้า และเจ้าหน้าที่ทหารสวมเครื่องแบบสีดำทอง เหล่าเชื้อพระวงศ์ดาโฮมีย์ที่สวมสร้อยคอปะการังแดงเดินอาดๆผ่านสมบัติของบรรพบุรุษที่อยู่ในตู้กระจก

ตลอดสี่เดือนจากนั้น มีผู้เข้าชมนิทรรศการดังกล่าวเกือบ 200,000 คน บางครั้งต้องเข้าแถวหลายชั่วโมงเพื่อรอโอกาสเข้าชมศิลปวัตถุที่ได้คืนมา ผู้เยี่ยมชมส่วนใหญ่เป็นชาวเบนิน เป็นการตอกกลับความคิดที่ว่า ชาวแอฟริกันไม่สนใจในประวัติศาสตร์ของตนหรือพิพิธภัณฑ์

ซาวัวก็อยู่ในงานเลี้ยงที่โกโตนูคืนนั้นด้วย ดวงตาเธอเป็นประกายขณะมองไปรอบๆ ห้องจัดแสดงอันคลาคล่ำ “ก่อนที่การส่งคืนทั้งหมดนี้จะเริ่มขึ้น คนจำนวนมากพูดว่า ถ้าเราคืนสิ่งหนึ่งไป พิพิธภัณฑ์ของเราจะว่างเปล่า” เธอบอก “ฉันคิดว่าไม่เป็นแบบนั้นหรอกค่ะ”

เสาไม้สูง วีกันโก แกะสลักโดยชนเผ่ามิจิเคนดาในเคนยาเพื่อบรรจุจิตวิญญาณของหัวหน้าเผ่า พิพิธภัณฑ์หลายแห่งในตะวันตกส่งคืนเสา วีกันโกหลายสิบต้นให้เคนยาเมื่อปีที่แล้ว กระนั้น วีกันโกยังคงเป็นที่ต้องการของนักสะสมงานศิลปะ เมื่อคืนสู่ชุมชนมิจิเคนดาแล้วก็ต้องป้องกันขโมย ในชาลานี หมู่บ้านทางตะวันออกของเคนยา เฟสตุส ทิงกา สร้างกรงเหล็กปกป้องเสาบรรพบุรุษของตน

เรื่อง แอนดรูว์ เคอร์รี

ภาพถ่าย ริชาร์ด บาร์นส์

แปล ศรรวริศา เมฆไพบูลย์

ติดตามสารคดี ทวงคืนสมบัติแผ่นดิน ฉบับสมบูรณ์ได้ที่ นิตยสาร เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย เดือน มีนาคม 2566 

สั่งซื้อนิตยสารได้ที่ https://www.naiin.com/product/detail/571854


อ่านเพิ่มเติม การกลับบ้านของ โบราณวัตถุไทย ย้อนรอบการทวงคืน ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์

© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.