ในการเสด็จประพาสยุโรป ครั้งแรกของในหลวงรัชกาลที่ 5 เมื่อพ.ศ. 2440 หรือ ค.ศ.1897 เดนมาร์กเป็นประเทศสำคัญลำดับต้นๆ ที่เป็นเป้าหมายของพระองค์ โดยการเสด็จประพาสที่เดนมาร์กในครั้งนั้นพระองค์ทรงได้รับการต้อนรับจากพระเจ้าคริสเตียนที่ 9 ณ พระราชวัง Amalienborg ในกรุงโคเปนเฮเกนอย่างสมพระเกียรติ
บุคคลที่ประสานงานอยู่เบื้องหลังในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนั้น ก็คือ พลเรือโท พระยาชลยุทธโยธินทร์ นามเดิม อ็องเดร ดูว์ แปลซี เดอ รีเชอลีเยอ (ฝรั่งเศส: André du Plessis de Richelieu) หรือที่คนไทยอาจเคยได้ยินชื่อท่านว่า “นายพลริชลิว” บุคคลผู้นี้ ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงไว้วางใจ และได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็น “นายพลเรือ” คนแรก และคนเดียวที่มิใช่ชาวสยามโดยกำเนิด นั่นเพราะนายพลท่านนี้ได้ทำความดีเป็นวีรกรรมร่วมกับอาสาสมัครชาวเดนมาร์ก ยืนหยัดรับมือเรือปืนของฝรั่งเศส ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ ปากน้ำ ในวิกฤติการณ์ รศ.112
พลเรือโท พระยาชลยุทธโยธินทร์ หรือ “ริชลิว” เมื่อครั้งนั้น รวมกลุ่มนักธุรกิจชาวเดนมาร์ก มีบทบาทอย่างสูงในสัมปทานกิจการสาธารณูประโภคพื้นฐานของสยามในยุคนั้น ทั้งรถราง และโรงไฟฟ้ายุคแรก, โรงแรม, กิจการด้านการเดินเรือ และค้าขาย ภายใต้บรรษัทยักษ์ใหญ่ East Asiatic และตลอดระยะเวลาร่วม 4 ศตวรรษ นับแต่พ่อค้าเดนมาร์กเดินทางมาถึงกรุงศรีอยุธยาเป็นครั้งแรก ในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรม จวบจนสถาปนาความสัมพันธ์ของสองประเทศในสมัยรัชกาลที่4 โดยยึดมั่นในนโยบายด้านการค้า ภายใต้ท่าทีที่เป็นมิตร ปราศจากการคุกคาม
ณ กรุงโคเปนเฮเกน ปีเศษหลังการเสด็จประพาสยุโรป นายพลริชลิว ได้พบกับนักธรรมชาติวิทยาหนุ่มวัย 21 เพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท จากโคเปนเฮเกน
อาจเป็นเพราะสังคมเดนมาร์กมีการปลูกฝังกันมาอย่างลึกซึ้งตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ในด้านธรรมชาติวิทยา โดยเฉพาะพฤกษศาสตร์ และโลกเขตร้อนก็เป็นหนึ่งในความใฝ่ฝันของนักธรรมชาติวิทยาเดนที่จะต้องสำรวจสักครั้งในชีวิต
การพบปะอย่างเป็นกันเองระหว่างนายพลเรือผู้ทรงอิทธิพล กับเด็กหนุ่มนักธรรมชาติวิทยาจึงได้บทสรุปตามข้อเสนอที่เรียบง่ายของท่านนายพล นั่นคือ การออกเดินทางไปยังสยาม เพื่อสำรวจพืชพันธุ์ ณ เกาะช้าง เกือบสุดปลายแดนเขตตะวันออก
โครงการดังกล่าวนี้มีระยะเวลา 3 เดือน โดยได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยมูลนิธิคาร์ลสเบิร์ก ส่วนอีสต์เอเชียติก ออกค่าเรือโดยสารกรุงเทพฯ – โคเปนเฮเกน หลังจากนั้น ทีมสำรวจก็ได้มุ่งหน้าสู่เกาะช้าง ประเทศไทย รวมทั้งการอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงการันตีความปลอดภัย โดยราชนาวีไทย
นักชีววิทยาชาวเดนมาร์กชื่อ โยฮันเนส ชมิดต์ (Ernst Johannes Schmidt) ออกเดินทางโดยเรือกลไฟสยาม กำหนดเวลาให้ตรงกับช่วงที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้อ่อนกำลังลงแล้ว จากทะเลเหนือมาถึงปากอ่าวสยาม ตอนกลางเดือนธันวาคม และสัปดาห์ต่อมาเรือหลวงจำเริญ ก็พาเขามุ่งหน้าสู่เกาะใหญ่ที่ห่างไกล ซึ่งในห้วงเวลานั้นถูกปกคลุมด้วยชะตากรรมอันไม่อาจคาดเดา ผลพวงอันยืดเยื้อจากวิกฤติการณ์ร.ศ.112 ซึ่งเพียง 3 ปีเศษหลังการสำรวจของชมิดต์ ตราด ก็ถูกควบคุมโดยฝรั่งเศสเป็นระยะเวลาสั้นๆ
อย่างไรก็ตาม ในท่ามกลางสถานการณ์อันไม่เป็นปกตินี้ เกาะช้าง เป็นจุดหมายเดียวของเมืองไทยที่รัชกาลที่ 5 โปรดปรานเป็นที่สุด ถึงกับเสด็จประพาสถึง 12 ครั้ง ในช่วง 30 ปี และระหว่างเสด็จประพาสครั้งแรกๆ ยังมีการกล่าวถึงข่าวลือเรื่องการปรากฎของเรือรบฝรั่งเศส ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่แฝงอยู่
ความน่าสนใจที่ชวนให้คิดวิเคราะห์ก็คือ ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองอันไม่สู้ปกตินี้ กลับมีการริเริ่มสำรวจทางพฤกษศาสตร์อย่างจริงจัง และการมาของชมิดต์ ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์แสดงความไม่วางใจในสังคมชาวอังกฤษในพระนคร ถึงกับคิดว่า พวกเขาคือสายลับรัสเซีย ที่แฝงตัวเข้ามาสำรวจทรัพยากรมีค่าเพื่อหวังผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง
ตลอด 3 เดือน จากปลายเดือนธันวาคม 1899 จนถึงกลางเดือนมีนาคม 1900 ชมิดต์ทำงานเก็บตัวอย่างทุกวัน ในท่ามกลาง สภาพอากาศร้อนชื้น เหนียวเหนอะหนะที่เขาไม่คุ้นเคย อุปสรรคต่างๆ จากการเดินทางที่ยากลำบาก ทั้งสูงชัน และรกทึบจนแทบจะเป็นไม่ได้เลยที่จะเดินเท้าจากสถานีของเขาทางฟากฝั่งตะวันออกไปยังฝั่งตะวันตกของเกาะ ซึ่งมีภูมิประเทศที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จนกระทั่งได้รับการสนับสนุนเรือขนาดกลาง พร้อมเสบียงอาหารสำหรับการทำงานอย่างยืดเยื้อเริ่มจากหาดคลองสนตอนเหนือสุดของเกาะ ไปถึงคลองพร้าว เกาะสุวรรณ และเกาะบริวารอื่นๆ ซึ่งชื่อที่สถานที่ต่างๆบนเกาะที่ระบุถึงในบันทึกของชมิดต์ ก็ยังเป็นชื่อที่เรียกกันอยู่ในปัจจุบันนี้
การเก็บตัวอย่างพันธุ์ไม้ดำเนินไปอย่างอดทน ซึ่งพบว่าชมิดต์ทำงานอย่างละเอียด ครอบคลุมพืชนับสิบวงศ์จากพืชอิงอาศัย ไม้ต้นขนาดใหญ่ จนถึงสาหร่ายและแพลงก์ตอน จำนวนมากถึง 1,500 ตัวอย่าง หมายความว่าชมิดต์ ต้องเก็บตัวอย่างอย่างน้อย 15 ตัวอย่างทุกวัน ตลอด 3 เดือน จึงไม่น่าแปลกใจที่ภายหลังการศึกษาจากตัวอย่างพืชทั้งหมดที่ได้จากเกาะช้าง มีพิชที่ตั้งชื่อเป็นเกียรติให้กับเขามากกว่าสิบชนิด
หากสอบถามจากคนเก่าแก่ในละแวกบ้านด่านใหม่ จนถึงปากคลองนนทรีย์ อันเป็นจุดที่ชมิดต์ใช้เวลาเก็บตัวอย่างนานที่สุดเพราะอยู่ไม่ไกลจากที่พักของเขาที่แหลมด่าน พบว่า ยังพอมีความทรงจำอันบางเบาจากเรื่องเล่าที่เล่าต่อๆ กันมาว่า มีชาวบ้านไปรับจ้างแบกสัมภาระให้กับฝรั่งขึ้นไปสำรวจ และเก็บตัวอย่างต้นไม้บนเขาต้นน้ำของน้ำตกคลองนนทรีย์ ซึ่งในบันทึกของ ชมิดต์เรียกว่า Klong Munse’
นอกจากไม้ในวงศ์ยางอันเป็นไม้เด่นสูงใหญ่ในป่าดิบชื้นดึงดูดความสนใจให้กับเขา พืชพันธุ์ที่น่ามหัศจรรย์ในป่าชายเลน เป็นระบบนิเวศที่นักพฤกษศาสตร์หนุ่มสำรวจอย่างตั้งใจ พร้อมเก็บตัวอย่างรวม 8 ชนิด การศึกษาอย่างลึกซึ้งได้กลายมาเป็น Contributions to the knowledge to the shoots of the Mangrove trees of the Old World วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิตที่ได้รับการรับรองจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ตีพิมพ์เป็นภาษาเดนมาร์กเมื่อปี 1903
ชมิดต์เดินทางกลับถึงบ้านเกิดในเดือนพฤษภาคม 1900 ตัวอย่างพืชจากเกาะช้างได้รับการจัดจำแนกและศึกษาต่อโดยนักพฤกษศาสตร์ 37 คน จาก 12 ประเทศในยุโรป นับเป็นความร่วมมือทางวิชาการระดับนานาชาติเกินความคาดหมาย ที่เกิดขึ้นบนความพากเพียรของนักสำรวจรุ่นใหม่ เมื่อศตวรรษก่อน
ผลการจำแนกชนิดทยอยตีพิมพ์ต่อเนื่อระหว่างปี ค.ศ. 1901–1916 ในชื่อ Flora of Koh Chang: Contributions to the Knowledge of the Vegetation in the Gulf of Siam นับเป็นเอกสารวิชาการฉบับแรกที่เผยแพร่ผลการสำรวจทางพฤกษศาสตร์ในสยามอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ตัวอย่างพืชที่เก็บได้ถูกส่งไปเก็บรักษาในหอพรรณไม้ชั้นนำของยุโรป อาทิ สวนพฤกษศาสตร์แห่งเดนมาร์ก, สวนพฤกษศาสตร์คิว ณ กรุงลอนดอน สวนพฤกษศาสตร์เบอร์ลิน เป็นต้น
“นี่คือความสำเร็จอันน่าทึ่งของนักวิทยาศาสตร์หนุ่มผู้ซึ่งไม่มีประสบการณ์การสำรวจในภูมิภาคเขตร้อนมาก่อน”
Dr. Anton F. Bruun นักสมุทรศาสตร์ และนักมีนวิทยาอาวุโส ชาวเดนมาร์ก เขียนถึงชมิดต์ไว้ในหนังสือ Danish Naturalists in Thailand 1900–1960
“ไม่เพียงฐานรากที่มั่นคงในการศึกษาด้านธรรมชาติวิทยา สำหรับนักวิจัยภาคสนามรุ่นใหม่ที่สนใจระบบนิเวศเขตร้อนแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เขตร้อน การสำรวจของชมิดต์ คือแรงบันดาลใจชิ้นสำคัญ”
ชมิดต์ กลับมาเยือนเกาะช้างอีกครั้งในปี ค.ศ. 1929 หรือ 30 ปีต่อมา ในฐานะนักสมุทรศาสตร์ และหัวหน้าคณะสำรวจทางสมุทรศาสตร์จากแอตแลนติกเหนือสู่แปซิฟิก แต่เหตุผลหนึ่ง ก็คือ เพราะเกาะช้างเป็นความทรงจำที่สำคัญของเขา
สำหรับประเทศไทย Flora of Koh Chang เรื่องราวการสำรวจทางพฤกษศาสตร์ครั้งแรกของสยาม เป็นที่รับรู้อย่างจำกัด ไม่เคยถูกเปิดเผยต่อสาธารณะมาก่อน ทั้งๆ ที่เป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญที่ส่งผลต่อการศึกษาพฤกษศาสตร์ และความหลากหลายทางชีวภาพในบ้านเราโดยตรง นำมาซึ่งโครงการศึกษาฐานข้อมูลทางชีวภาพที่สำคัญ Flora of Thailand ซึ่งเป็นความร่วมมือทางพฤกษศาสตร์ระดับนานาชาติ ริเริ่มขึ้นบนความร่วมมือระหว่างไทย และเดนมาร์กที่เกิดขึ้นเมื่อ 60 ปีที่แล้ว และยังคงดำเนินการสืบเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยมีศาสตราจารย์เกียรติคุณ Henrik Balslev แห่ง University of Aarhus เดนมาร์ก เป็นประธานคณะกรรมการโครงการฯ
โปรเฟสเซอร์ เฮนริก เล่าว่า เมื่อมีโอกาสมาเยือนเกาะช้างครั้งแรก กลางทศวรรษ 1980 ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ และความหลากหลาย จึงรู้สึกไม่แปลกใจว่า เหตุใดเกาะช้างจึงเป็นก้าวสำคัญของ ดร.ชมิดต์ บนเส้นทางนักสำรวจระดับโลก
“ระบบนิเวศของเกาะช้างคงสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักสำรวจหนุ่มผู้เพิ่งเดินทางมายังโลกเขตร้อน เช่นเดียวกับที่ผมได้รับเมื่อมาเยือนเป็นครั้งแรกเช่นกัน”
Flora of Thailand คือ การสำรวจทางพฤกษศาสตร์ทั่วประเทศไทย แต่แท้ที่จริง มิใช่เพียงการสำรวจพืชพันธุ์เท่านั้น หากเป็นการสร้างฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งโลกเขตร้อนเป็นคลังใหญ่ของมวลมนุษยชาติ จวบจนทุกวันนี้ มีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่มีศักยภาพที่จะดำเนินการให้สำเร็จลุล่วงได้
ศาสตราจารย์เฮนริก ได้รู้จัก รศ. ดร.ชูศรี ไตรสนธิ แห่งภาควิชาพฤกษศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเป็นผู้บุกเบิกการศึกษาพฤกษศาสตร์พื้นบ้านในประเทศไทย ซึ่งเป็นชาวจังหวัดตราด และชักชวนศาสตราจารย์เฮกริกมาเยือนเกาะช้าง จนนำมาสู่การสำรวจ Flora of Koh Chang ย้อนรอยเส้นทางสำรวจของชมิดต์ในอีกหนึ่งศตวรรษต่อมา
ตลอดหลายพันปี มนุษย์ได้สืบทอดองค์ความรู้จากการใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะพืชพรรณ ก่อให้เกิดความมั่นคงทางอาหาร เครื่องเทศ และสมุนไพรบนเส้นทางการค้ายุคโบราณ รังสรรค์รสชาติอาหารอันเย้ายวนพบได้ในทุกภูมิภาค รวมถึงเครื่องมือ เครื่องใช้ และงานหัตถกรรมที่สะท้อนวิถีวัฒนธรรมหลากหลาย ตลอดจนแรงบันดาลใจในการพัฒนายารักษาโรคให้ดีขึ้น
องค์ความรู้ที่เคยกระจัดกระจายเหล่านี้ ได้รับการรวบรวมและจำแนกอย่างเป็นระบบภายใต้การศึกษาสมัยใหม่ การจัดการข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เข้าถึงการใช้ประโยชน์ได้อย่างไม่ผิดพลาด เปิดโอกาสสู่การค้นพบใหม่ ๆ พร้อมตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อต้นธารในธรรมชาติ
เวลาผ่านมา 125 ปี ลัทธิล่าอาณานิคมจบสิ้นลงไปเนิ่นนานแล้ว ทิ้งบาดแผลมากมายให้กับผู้คน หากอุดมคติแห่งการแสวงหาความรู้ที่แท้จริงยังคงอยู่ –การสำรวจที่เริ่มต้นจากความมุ่งมั่นของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่ไม่เป็นที่รู้จัก ได้ทิ้งคุณค่าไว้กับโลกมากกว่าการใช้อำนาจใดจะทำได้
เรื่องและภาพ กฤษกร วงค์กรวุฒิ
ขอบคุณ The Retreat Koh Chang สำหรับนิทรรศการ Flora of Koh Chang เรื่องราวของ Johannes Schmidt
เนื้อหาตลอดจนกิจกรรมที่เปิดมุมมองใหม่ให้กับเกาะช้าง