เปิดโปงการ ค้าสัตว์ป่า ในแอฟริกา ที่อาจทำให้ป่าไม่เหลืออะไรให้ล่า
ความต้องการเนื้อสัตว์ป่าในฐานะส่วนประกอบของ ‘อาหารมื้อหรู’ ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว กำลังทำให้ป่าไม่เหลืออะไร และการ ค้าสัตว์ป่า ยังเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรง
การ ค้าสัตว์ป่า เชิงพาณิชย์กำลังทำให้สัตว์หายไปจากป่าต่างๆ ในแอฟริกาและทั่วโลก
งานวิจัยหลายชิ้นระบุว่าการบริโภคสัตว์ป่าทำให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประจำถิ่นกว่า 300 สายพันธุ์ต้องเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ในลุ่มน้ำอเมซอนเพียงแห่งเดียว สัตว์กว่า 200 สายพันธุ์ถูกล่า หรือคิดเป็นจำนวนกว่าหนึ่งล้านตันต่อปี
นอกจากนี้ การบริโภคสัตว์เหล่านี้ยังไม่จำกัดอยู่เพียงแค่ในชุมชนห่างไกลเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นในเมืองต่างๆ อีกด้วย ในเอเชีย อุปสงค์ที่มากขึ้นทำให้ตลาดเนื้อสัตว์ป่าเติบโต ส่วนในมาดากัสการ์ เนื้อลีเมอร์ซึ่งบริโภคกันในชนบทนั้นก็กลายมาเป็นอาหารของนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก และการที่เนื้อสัตว์ป่าเหล่านี้กลายเป็นอาหารฟุ่มเฟือยในเมืองนั้นก็ส่งผลให้การอยู่รอดของลีเมอร์บางสายพันธุ์ต้องตกอยู่ในความเสี่ยง
เนื้อสัตว์ป่าคืออาหารหลักสำหรับหลายชุมชนห่างไกลในแอฟริกากลางมาอย่างยาวนาน แต่ในขณะนี้ สิ่งที่ทำให้บรรดากลุ่มอนุรักษ์กังวลที่สุดคือความเสียหายที่การล่าสัตว์มากเกินควรเนื่องจากอุปสงค์เนื้อสัตว์ป่าที่ทะยานสูงขึ้นในเมืองใหญ่ต่างๆ — โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบราซซาวิลและกินชาซาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกซึ่งอยู่ติดกัน และมีประชากรรวมกัน 16 ล้านคน — มีระบบนิเวศที่เปราะบาง
“เนื้อสัตว์ป่ากว่าห้าล้านตันถูกนำออกมาจากป่าต่างๆ ในที่ราบลุ่มคองโกในแต่ละปีครับ และพวกมันส่วนใหญ่ถูกค้าในเมืองในฐานะสินค้าฟุ่มเฟือย ไม่ใช่สิ่งยังชีพ” Lude Kinzonzi ผู้ช่วยรณรงค์ประจำโครงการเนื้อสัตว์ป่าของสมาคมอุนรักษ์สัตว์ป่า (WCS’s Bushmeat Project) โครงการที่พยายามอนุรักษ์สัตว์เหล่านี้ด้วยการลดอุปสงค์การบริโภคพวกมันในเมือง กล่าว “หากการนำพวกมันออกจากป่าในระดับนี้ยังคงดำเนินต่อไป สัตว์ป่าบางสายพันธุ์จะต้องสูญพันธุ์ครับ” เขากล่าว “พวกเราหวังว่าการรณรงค์นี้จะจูงใจให้ผู้คนในเมืองเลือกบริโภคสัตว์อื่นๆ ที่ถูกเพาะเลี้ยงขึ้นในท้องถิ่นแทนสัตว์ป่า”
เรื่อง RENE EBERSOLE
ภาพ BRENT STIRTON
แปล ภาวิต วงษ์นิมมาน
© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.