โพสต์ธรรมดา ๆ ในกลุ่ม “นี่ตัวอะไร?” ที่มักเต็มไปด้วยนักส่องสัตว์และคนชอบธรรมชาติ กลับกลายเป็นกระแสฮือฮาในชั่วข้ามคืน เมื่อมีผู้เชี่ยวชาญและคนในพื้นที่ยืนยันว่า “ปลาประหลาด” เหล่านั้นคือ ปลาหมอคางดำ (Sarotherodon melanotheron) สัตว์รุกรานต่างถิ่นจากประเทศกานา ที่เติบโตไว วางไข่ได้ถี่ และกินทุกอย่างที่ขวางหน้า ตั้งแต่ไข่ปลา ตัวอ่อนสัตว์น้ำ ไปจนถึงแพลงก์ตอนที่เป็นอาหารของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ
ปลาหมอคางดำเป็นสัตว์รุกรานต่างถิ่นที่ขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว และสามารถวางไข่ทุก ๆ 22 วัน ข้อมูลจากกรมประมงอธิบายว่า แม่ปลา 1 ตัว สามารถวางไข่ได้ประมาณ 150–300 ฟองต่อครั้ง (หรือสูงสุดถึง 900 ฟอง) และมีการอมไข่ไว้ในปาก (โดยปลาเพศผู้) ทำให้มีอัตราการรอดชีพสูงถึงร้อยละ 90–95
สิ่งที่น่ากังวลคือ ความสามารถในการอยู่รอดของมัน ที่อาศัยได้ทั้งในน้ำจืด น้ำกร่อย น้ำเค็ม และแม้แต่น้ำเน่า เมื่อรวมกับอัตราการขยายพันธุ์ที่สูง มันจึงกลายเป็น “เอเลี่ยนสปีชีส์” ที่ยากจะควบคุมที่สุดชนิดหนึ่งของประเทศเราในตอนนี้
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีสัตว์น้ำต่างถิ่นรุกรานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วกว่า 30 ชนิด โดยปลาหมอคางดำถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเอเลี่ยนสปีชีส์ ที่กระทบระบบนิเวศอย่างรุนแรงที่สุด เพราะมันสามารถแย่งพื้นที่และอาหารจากสัตว์น้ำพื้นถิ่น รวมทั้งเปลี่ยนโครงสร้างของระบบนิเวศได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี
ปัญญา โตกทอง เครือข่ายประชาคมคนรักษ์แม่กลอง เจ้าของฟาร์มปลาสลิด หนึ่งในชาวบ้านกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบจากการรุกรานของปลาหมอคางดำตั้งแต่พ.ศ. 2555 อธิบายว่าผลกระทบของปลาชนิดนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ยังลุกลามไปถึงเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของผู้คน “ปลาหมอคางดำกินหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์น้ำในธรรมชาติหรือในฟาร์ม พอปลาในธรรมชาติหายไป ชาวประมงก็หมดรายได้ คนเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลาในระบบเปิดก็เดือดร้อน”
มีการประเมินว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ เฉพาะพื้นที่ตำบลแพรกหนามแดง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ว่ามีมูลค่าสูงถึง 131.96 ล้านบาทต่อปี (ในขณะที่เฉพาะ จ.สมุทรสงคราม ประเมินโดยคณะทำงานคดีสิ่งแวดล้อมของสภาทนายความอยู่ที่ 2,486 ล้านบาท) โดยมูลค่านี้ยังไม่รวมความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมในจังหวัดอื่น
ในขณะที่ผลกระทบต่อระบบนิเวศก็มีการสำรวจพบว่า ในอ่าวคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี ความหลากหลายของชนิดสัตว์น้ำลดลงร้อยละ 45 และความหนาแน่นลดลงร้อยละ 74.8 เช่นเดียวกับพื้นที่ในจังหวัดสมุทรสงคราม ที่มีข้อมูลว่า จำนวนปลาท้องถิ่นลดลงจนไม่สามารถใช้ประโยชนในทางเศรษฐกิจได้ รวมแล้ว 27 ชนิด ส่วนใหญ่เป็นปลาน้ำกร่อย เช่น ปลาจวด ปลากระบอก ปลาดอกหมาก รวมไปถึงสัตว์ทะเลอย่างเคย กุ้งแชบ๊วย และกุ้งกุลาดำด้วย
“เมื่อก่อนเราทอดแหไปตรงไหน ก็ได้ปลาเต็มเรือ แต่ตอนนี้ไม่เจอปลาอะไรเลยนอกจากปลาหมอคางดำ” ปัญญา ย้ำกับเรา “ทุกวันนี้เรา (คนในพื้นที่) ท้อมากครับ ผมเองยังพอมีที่ทางให้เปลี่ยนอาชีพ แต่บางคนพอสิ้นเนื้อประดาตัว เขาคิดสั้นฆ่าตัวตายเลยก็มี”
หลังจากภาพฝูงปลาหมอคางดำใกล้หาดเจ้าสำราญถูกแชร์ออกไปจนกลายเป็นไวรัล ก็มีคำถามตามมาว่า “เราจะทำอย่างไรกับปัญหานี้?” ความกังวลจากชุมชนเกี่ยวกับเอเลี่ยนสปีชีส์กำลังกลายเป็นประเด็นร้อน
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ชื่อของแอปพลิเคชั่น Alien Hunter ซึ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ก็ได้ถูกหยิบยกมาพูดถึงอีกครั้งในโลกออนไลน์ หลายคนมองว่า มันอาจเป็น “เครื่องมือ” ที่จะช่วยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการติดตามและเฝ้าระวังการระบาดของปลาชนิดนี้ได้ในระดับประเทศ
Alien Hunter เป็นแอปพลิเคชั่น ที่ถูกพัฒนาโดย Leiten พศวัต คำนุ้ย ผู้ก่อตั้งเล่าให้เราฟังว่า จุดเริ่มต้นของแอปฯ มาจากการได้พูดคุยกับทีมคณะทำงานเรื่องปลาหมอคางดำ ที่นำโดย วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) ที่ติดตามปัญหาสัตว์รุกรานในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง
“คุณวิฑูรย์เล่าผมให้ฟังว่า ตอนนี้ชาวบ้านในพื้นที่ฟาร์มเปิดหลายแห่งแทบหมดหนทาง และภาครัฐเองก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะลงมือจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง”
“สำหรับผมมันไม่ใช่แค่เรื่องของความหลากหลายทางชีวภาพ แต่มันคือเรื่องของปากท้องและชีวิตของคนในพื้นที่” พศวัตบอกว่า เรื่องราวเหล่านี้ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่ปัญญา โตกทอง เคยเล่าในทำนองเดียวกัน
ก่อนจะกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ผมรู้สึกว่าเราต้องทำอะไรบางอย่าง ก่อนจะสายเกินไป ผมไม่อยากให้มีใครต้องมาจบชีวิตเพราะปลาหมอคางดำอีก”
Alien Hunter เป็นแพลตฟอร์มบันทึกข้อมูลที่ใช้หลักวิทยาศาสตร์พลเมือง (Citizen Science) ให้ประชาชนร่วมกันเก็บข้อมูล โดยอาศัยหลักการของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System) หรือ GIS และการเก็บ metadata จากผู้ใช้ แบบเดียวกับระบบติดตามปัญหาในเมืองอย่างแอปพลิเคชั่น Traffy Fondue ของกรุงเทพมหานคร แต่ถูกออกแบบมาเพื่อ “สิ่งแวดล้อม” โดยเฉพาะ
ด้วยการต่อยอดจากฐานข้อมูลและแหล่งข้อมูลที่มีอยู่เดิม เช่น ข้อมูลจากชุมชนผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มอย่าง iNaturalist และชุดข้อมูลจาก ThaiPBS C-Site ที่กระจัดกระจายอยู่ตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทีมงานได้นำข้อมูลเหล่านี้มารวมกัน เพื่อสร้างฐานข้อมูลใหม่ที่เป็นศูนย์กลาง
พศวัต อธิบายว่า ทีมต้องใช้เวลาในการบูรณาการข้อมูล อยู่ระยะนึง เพื่อให้ข้อมูลจากแต่ละแหล่งเข้ากันได้ เพราะ “ข้อมูลที่มีไม่ได้อยู่ในที่เดียวกัน” นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ข้อมูลจากภาครัฐ นักวิจัย และประชาชนถูกเชื่อมโยงกันในแพลตฟอร์มเดียว
ผลลัพธ์ที่ได้คือแพลตฟอร์มบูรณาการที่รวบรวมข้อมูลจากทุกภาคส่วน ทำให้ภาพการระบาดที่ได้มีความสมบูรณ์และแม่นยำยิ่งขึ้น และช่วยลดช่องว่างของข้อมูลที่เคยเป็นอุปสรรคต่อการตอบสนองที่รวดเร็วด้วยหลักการทำงานที่ไม่ซับซ้อน
เมื่อผู้ใช้ถ่ายภาพปลาหมอคางดำและอัปโหลดเข้าสู่ระบบ
“หากไม่มีคนใช้แอปพลิเคชัน ก็ไม่มีความหมาย” พศวัตกล่าวอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่เขาและทีมต้องการจึงไม่ใช่แค่ยอดจำนวนผู้ดาวโหลด แต่คือการสร้างขบวนการภาคพลเมือง ที่ช่วยกันอัพโหลดภาพและเก็บข้อมูลจริงจากพื้นที่ ผ่านการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ เพื่อให้เสียงของปัญหานี้ถูกสะท้อนต่อ
อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าการพัฒนาตัวแอปฯ ยังมีความท้าทายอีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การจำแนกปลาผิดชนิด หรือการรายงานซ้ำจากจุดเดิม ทีมจึงต้องพยายามพัฒนาเครื่องมือกรองข้อมูลอัตโนมัติ และร่วมมือกับนักวิชาการเพื่อช่วยตรวจสอบตัวอย่างที่มีความคลาดเคลื่อน
“การมีฐานข้อมูลกลางที่เชื่อถือได้ไม่ได้หมายความว่างานจบ แต่เป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การปฏิบัติการในสนามได้อย่างมีประสิทธิผล” พศวัตกล่าวกับเรา
ขณะเดียวกัน ดร.ชวลิต วิทยานนท์ นักวิชาการอิสระด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ได้ให้มุมมองเชิงยุทธศาสตร์ในการจัดการปลาหมอคางดำว่า การควบคุมการระบาดต้องทำในลักษณะ “ล้อมตี” คือหยุดศูนย์กลางการระบาดให้เร็วที่สุดโดยใช้เครื่องมือประมงที่มีอยู่ทั้งหมดในพื้นที่ศูนย์กลางนั้น เพื่อกำจัดปลาหมอคางดำออกจากธรรมชาติให้ได้มากที่สุด ในขณะเดียวกันต้องใช้วิธีปล่อยหรือสนับสนุนการมีอยู่ของปลานักล่าในพื้นที่รอบนอก เพื่อช่วยตัดวงจรการแพร่กระจายในพื้นที่ที่อุปกรณ์ประมงเข้าถึงยาก
การล้อมตีนี้ไม่ได้หมายความว่า จะใช้ทุกวิธีการอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ต้องมีการวางแผนและข้อมูลนำทางที่ดี ซึ่งดร.ชวลิต เชื่อมั่นว่าข้อมูลจากแอปพลิเคชั่น Alien Hunter ที่เก็บข้อมูลจากคนในพื้นที่ ที่อยู่ในเหตุการณ์และประสบปัญหาโดยตรง จะเป็นข้อมูลนำทางชั้นดี ที่จะช่วยระบุจุดศูนย์กลางของการระบาด ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุ่มเททรัพยากรในการควบคุมอย่างตรงจุดมากขึ้น
ตลอดการคุยกัน พศวัตย้ำเสมอว่าสิ่งที่ Alien Hunter พยายามสร้าง ไม่ใช่เพียงการชี้จุดและเฝ้าระวังปลาหมอคางดำเท่านั้น แต่คือ “ต้นแบบของระบบข้อมูลสิ่งแวดล้อมแบบเปิด” (open data) ที่ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงได้ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานรัฐ นักวิทยาศาสตร์ หรือประชาชนในพื้นที่
เขาฝันอยากเห็นแอปพลิเคชันนี้กลายเป็น “ศูนย์กลางข้อมูลเรื่องปลาหมอคางดำ” ที่เปิดเผยความเคลื่อนไหวของทั้งการระบาดและการจัดการโดยภาครัฐ เหมือนระบบติดตาม Ticket ใน Traffy Fondue ที่เปิยเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า ในแต่ละวันมีเคสแจ้งเข้ามาเท่าไหร่ และแต่ละเคสอยู่ในขั้นตอนใดแล้วบ้าง
พศวัตยังเล่าต่อว่าเขาและทีมกำลังวางแผนต่อยอดเพื่อเพิ่ม “น้ำหนักเชิงวิทยาศาสตร์” ให้กับฐานข้อมูลชุดนี้ในอนาคต โดยมีสองแนวทางหลักที่กำลังพัฒนาอยู่
แนวทางแรกคือ การใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์ภาพถ่ายที่ผู้ใช้ส่งเข้ามา เพื่อช่วยตรวจสอบชนิดของสิ่งมีชีวิตให้แม่นยำขึ้น ทำให้การระบาดถูกจับตาได้แบบเรียลไทม์
แนวทางที่สองคือ การบูรณาการข้อมูลทางพันธุกรรมจากเทคนิค eDNA (environmental DNA) เพื่อใช้ตรวจสอบการมีอยู่ของปลาหมอคางดำในพื้นที่ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าหรือจับขึ้นมาได้ วิธีนี้จะช่วยยืนยันหลักฐานการมีอยู่ของชนิดพันธุ์ในแหล่งน้ำจากตัวอย่างสิ่งแวดล้อม เช่น ตะกอนหรือหยดน้ำ เป็นการเพิ่มหลักฐานอีกชั้นที่ช่วยให้ข้อมูลทั้งหมดมีความเป็นกลางและตรวจสอบได้มากขึ้น
“เราต้องการให้ข้อมูลของเราเป็นกลางมากที่สุด เพื่อให้หน่วยงานรัฐสามารถนำไปใช้ในเชิงนโยบายได้อย่างมั่นใจ” พศวัตกล่าว
ก่อนจะทิ้งท้ายว่าหากทำสำเร็จ ฐานข้อมูลของ Alien Hunter จะกลายเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ที่มีความหลากหลาย และสามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งที่มีน้ำหนักเพียงพอ สำหรับการผลักดันนโยบายระดับประเทศ ทั้งในแง่การจัดการสัตว์ต่างถิ่นรุกรานและการออกแบบระบบข้อมูลสิ่งแวดล้อมแบบเปิดที่มีประสิทธิภาพได้อย่างแน่นอนในอนาคต
แอปพลิเคชัน Alien Hunter ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทาง https://alienhunter.app (ระบบ Android) สำหรับเวอร์ชันสำหรับ App Store (iOS) อยู่ระหว่างการพัฒนา และคาดว่าจะเปิดให้ดาวน์โหลดในเร็ว ๆ นี้
เรื่อง อรณิชา เปลี่ยนภักดี
ภาพถ่ายโดย Alien Hunter Thailand