ยุทธนาถ ปลื้มปัญญา ทำงานประจำเป็นกัปตัน บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ในวันที่เขาไม่มีตารางบิน โดยเฉพาะเมื่อตรงกับวันอาทิตย์ ยุทธนาถจะเตรียมกิ่งลั่นทมบ้าง ตีนเป็ดน้ำบ้าง ฯลฯ ขึ้นจักรยานยนต์ออกไปปลูกต้นไม้ในกรุงเทพมหานคร เขาทำอย่างนี้มา 8 ปีแล้ว ปลูกต้นไม้ไปราว 1,000 พันต้นและคิดว่าเหลือรอดเติบโตอยู่ในเมืองหลวงราว 200 ต้น
เราเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับดาบวิชัย (ร.ต.ต. วิชัย สุริยุทธ) แล้วก็ผ่านไป รู้จักเขาอยู่ในใจ เราชอบขลุกกับต้นไม้เพราะสนุก เพลินดี ปลูกต้นไม้อยู่ในบ้านมากจนล้นบ้าน แทบไม่มีที่จะตากผ้าแล้ว พอดีลูกโต เราว่างขึ้น เลยอยากทำอะไรสักอย่าง มันก็เริ่มหลุดไปนอกบ้าน มีต้นไม้บางส่วนที่เราปลูกใส่กระถางเพราะไม่มีดินให้ลงแล้ว พอออกนอกบ้าน เราก็เอาไม้กระถางนี่แหละไปปลูกลงดิน ครั้งแรกปลูกแถวรัชโยธิน ประมาณปี 2552 เป็นต้นลั่นทม 3-4 ต้น
ก่อนออกจากบ้าน เราวางแผนไว้แล้ว ก่อนปลูก ไปธุระที่ไหนก็ดูที่ที่น่าปลูก เป็นฟุตบาทมีช่องปลูกต้นไม้ ถ้าเขาไม่มาปลูก เราก็ลงเลย เราต้องดูด้วยว่าจุดนี้แดดเป็นอย่างไร น้ำเป็นอย่างไร รวมทั้งสิ่งสำคัญคือสายไฟข้างบนเป็นอย่างไร ถ้ามี จะปลูกต้นที่โตแล้วสูงไม่ถึงสายไฟ เราต้องคิดถึงเรื่องนี้เพื่อไม่ให้คนอื่นเดือดร้อน
ส่วนใหญ่เป็นลั่นทมเพราะขนเป็นกิ่งไปง่าย ริดใบออกให้หมดและกิ่งจะซีดลง พอปลูกแล้วมีลักษณะเหมือนกิ่งแห้งๆ ไม่มีใบเลย พอสักเดือนสองเดือน เข้าที่แล้ว ก็ค่อยๆ ออกยอดออกใบขึ้นมา ลั่นทมชอบดินทราย รากของเขาแทรกหาความชื้นได้ไม่ต้องห่วง เป็นไม้อวบน้ำ อยู่ได้ในหน้าแล้ง ถ้าร้อนมากๆ ก็ดูแลสักนิด เขาก็สามารถเก็บกักน้ำไว้ได้ อยู่ไปได้ถึงหน้าฝน พื้นที่บางแห่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ผมก็ปลูกตีนเป็ดน้ำ ถ้าเราปลูกต้นไม้ที่ฝึนกับสภาพธรรมชาติ เขาก็อยู่ได้ แต่แกร็น ไม่โต
วันอาทิตย์รถว่างๆ เราเอาต้นไม้ใส่รถไป 3-4 ต้น แอบจอดรถ เดินถือกระถาง ถือเสียมอันเล็กๆ ไป มันอายนะเพราะไม่เคย เราทำอะไรผิดหรือเปล่า รุ่นแรกปลูก 3 ต้น พอปลูกได้ก็ชักติดใจ ตอนนี้ก็ยังอยู่ดี เราขับรถผ่านก็รู้สึกว่ามีความผูกพันอยู่ตรงนั้น ต้องเหลือบตาไปมองว่าโตไหม เป็นอย่างไรบ้าง ปีหนึ่งผ่านไปเห็นเขาโต ก็รู้สึกว่ามันสำเร็จนี่ มันเวิร์กนี่ ไม่ได้กินเวลาเรามากมายสัก 15-20 นาที ขุดดินแล้วปัก มันก็โอเคนี่ รุ่นสองเรามีความมั่นใจขึ้น ถึงยังอายๆ อยู่ แต่ก็เริ่มรู้สึกว่าเราทำสิ่งที่ถูกต้อง อย่างลั่นทม ถ้าจะให้ดีต้องแต่งฟอร์มเขาด้วย ไม่ให้เกะกะ ให้เขาที่เข้าทาง พ้นศีรษะคนเดินถนน กิ่งที่ตัดก็เอาไปชำต่อ
ออกจากบ้าน 6.30 น. พอแดดร้อนสัก 9 โมง ผมก็กลับบ้าน บ่ายๆ ผมก็ทำต้นไม้อยู่ในบ้าน
พอนึกถึงดาบวิขัย เรารู้ว่าเขาปลูกเพื่อคนอื่น เราก็รู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องปลูกเพื่อคนอื่นบ้าง การทำเพื่อคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนคือดีที่สุด ทำไปเถอะ
7-8 ปีที่ผ่านมา เราได้ความรู้หลายอย่างที่ตอบกลับมาถึงตัวเรา เรื่องเจ้าถิ่น เรื่องการปลูกต้นไม้ ต้นไหนชอบแดด ต้นไหนชอบน้ำ ต้นไหนชอบร่ม พื้นที่ที่ปลูกเป็นอย่างไร จนปีที่ผ่านมา ผมเพิ่งรู้ว่าที่ผมปลูกต้นไม้จนมือพังมือพองเพราะอะไร เพราะเราขุดลงไปเจอขี้หินขี้ปูน มันไม่ใช่ขุดดินธรรมดา เราก็รู้แล้ว่าจะต้องทำอย่างไร ปีนี้อุปกรณ์ครบ ทั้งค้อน ทั้งสิ่ว ทั้งเสียม
เคยอธิบายกับเพื่อนว่าทุกวันนี้เราหายใจอยู่ใช่ไหม นาทีหนึ่งเราหายใจไปกี่ครั้ง ทุกครั้งที่เราหายใจออก ทุกครั้งที่เราขับรถ เราเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้โลกใช่ไหม แล้วทุกวันเราคืนออกซิเจนให้โลกบ้างหรือเปล่า สักกี่โมเลกุลเราไม่เคยคืนเลย ตอนนี้เราใช้ไปเรื่อยๆ แล้วผลักภาระให้ต้นไม้ เราไม่เคยดูแล ไม่เคยปลูกต้นไม้ สรุปว่าตอนนี้เรากินบุญเก่า เรามีความรู้สึกอยู่ในใจว่าเราเอาเปรียบ ถ้าเราใช้ออกซิเจน เราก็ควรจะปลูกต้นไม้คืนโลกให้คุ้มกับที่ใช้ทุกวัน ถ้าเราปลูกมากกว่าที่เราใช้ เราก็ปลูกเผื่อคนอื่นที่เขาไม่ได้ปลูก
อยากให้เมืองเขียว เราเบื่อปูนเต็มทีแล้ว ปีที่แล้วร้อนหัวแตกเพราะอะไร เพราะหนึ่ง คุณไม่มีต้นไม้ใช่ไหม สอง พอคุณร้อน คุณก็มาอยู่ในห้องแอร์กันใช่ไหม ห้องแอร์ก็เป่าความร้อนออกมา แล้วรถติดมีควันดำ ควันร้อน ที่เคยขี่มอเตอร์ไซค์สบายๆ พอรถติดปั๊บ ความร้อนขึ้นมาทันที แต่จะว่าก็คงไม่ได้ สิ่งที่ผมทำได้อย่างเดียวคือปลูกต้นไม้ของผมไป อย่างน้อยต้นหนึ่งสองต้นเผื่อช่วยอะไรได้บ้าง
เคยเจอที่เขาเอากิ่งขนาดสักศอกมาปักเหมือนผมแถวรัชโยธิน แต่ไม่รู้ว่าใคร ผมเห็นก็รู้ว่าเป็นคนธรรมดานี่แหละ กับเคยเจอฝรั่งที่ปลูกต้นไม้ด้วยเมล็ดบนฟุตบาทบ้านเราเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่เขาย้ายไปเชียงรายและไม่ได้เจอกันอีกเลย
เรื่อง นิรมล มูนจินดา
ภาพถ่าย ชาญพิชิต พงศ์ทองสำราญ
อ่านเพิ่มเติม