รอยประทับบนพาสปอร์ตทุกรอยมีเรื่องราว ไม่ต่างกันกับรอยประทับบนแผนที่รัสเซียนี้ที่บ่งบอกว่าแผนที่ลับเหล่านี้ถูกยึดได้โดยสมาชิกพรรคนาซี และมาอยู่ในครอบครองของกองกำลังสหรัฐฯ ช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในเวลาต่อมา อีกทั้งร่องรอยตราประทับจำนวนหนึ่งบ่งชี้ว่ามันผ่านมือของทหาร และหน่วยข่าวกรองมาแล้วหลายประเทศ
แผนที่เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่ทางการทหารรัสเซียจำนวน 4,000 ฉบับ สมบัติของมหาวิทยาลัยอินดีแอนา ทั้งหมดถูกผลิตขึ้นในช่วงปี 1883 – 1947 และไม่น่าจะมีคนนอกเคยเห็นมาก่อน เนื่องจากแผนที่หลายฉบับถูกตราประทับที่มุมบนขวาไว้ว่า “СЕКРЕТНО” มีความหมายว่าลับสุดยอด หรือ “НЕ ПОДЛЕЖИТ ОГЛАШЕНИЮ” ซึ่งแปลว่าห้ามเปิดเผยโดยเด็ดขาด
“แผนที่ที่มาจากทศวรรษ 1930 มีรอยประทับตราสวัสดิกะจากเยอรมนี ดังนั้นเราเลยเชื่อกันว่าแผนที่เหล่านี้น่าจะถูกยึดมาได้จากทหารเยอรมัน ก่อนที่ทหารสหรัฐฯ จะยึดมาอีกทีในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง” Theresa Quill บรรณารักษ์แผนที่ของมหาวิทยาลัยกล่าว “หลายแผนที่เองก็มีตราประทับจากซีไอเอเช่นกัน”
แผนที่ซึ่งให้ข้อมูลทางการทหารของประเทศนั้นๆ เหล่านี้ เปรียบดังสมบัติล้ำค่าในมุมคนต่างชาติ ซึ่งบรรดานักเขียนแผนที่ทางการทหารของรัสเซียเองนั้นก็ขึ้นชื่อด้านความละเอียดและความแม่นยำของข้อมูล
เส้นทางหลายเส้นทางที่ปรากฏบนแผนที่นับพันฉบับเหล่านี้มาลงเอยที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย และตลอดหลายปีที่ผ่านมาสำเนาของมันก็ถูกส่งต่อไปยังห้องสมุดของมหาวิทยาลัยอื่นๆ ทั่วประเทศ “ห้องสมุดอื่นๆ ก็มีแผนที่ที่ต่างกัน มันเลยเหมือนกับการต่อจิกซอว์เพื่อไขปริศนา” Quill กล่าว
แผนที่ส่วนใหญ่ที่มหาวิทยาลัยอินดีแอนาครอบคลุมดินแดนในประเทศโปแลนด์, เบลารุส, ยูเครน, รัฐบอลติก และพื้นที่ทางตะวันตกของรัสเซีย แผนที่เก่าเหล่านี้ฉายภาพความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ดังนั้นมันจึงมีคุณค่าอย่างยิ่งในด้านการศึกษาทางประวัติศาสตร์ “แผนที่เหล่านี้ให้รายละเอียดพื้นที่นั้นๆ ของโลกที่ละเอียดที่สุด เท่าที่มีในเวลานั้น” Quill เสริม
นอกจากนั้นแผนที่นี้ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการตามหาครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเหล่านั้นมีข้อมูลของสถานที่เก่าที่ไม่ปรากฏบนแผนที่ปัจจุบันอีกแล้ว “มีหมู่บ้านเล็กๆ มากมายที่เคยมีอยู่จริงก่อนสงคราม แต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองจบกลับหายไป” Quill กล่าว นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยยังอัพโหลดแผนที่ขึ้นบนโลกออนไลน์ไว้สำหรับบรรดาพวกคลั่งไลค้หาสมบัติเก่าอีกด้วย
และเมื่อเร็วๆ นี้ Quill พร้อมด้วย Michelle Dalmau หนึ่งในนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเพิ่งจะได้รับทุนสำหรับการเปลี่ยนแผนที่เหล่านี้ให้เป็นข้อมูลดิจิตอล เพื่อเอื้อให้บรรดานักวิจัยสามารถเข้าถึงคลังข้อมูลแผนที่เก่าเหล่านี้ให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งหนึ่งในคลังนั้นก็คือแผนที่ที่เต็มไปด้วยตราประทับเหล่านี้
แน่นอนว่าแค่ตราประทับเพียงรอยเดียวไม่สามารถบอกเรื่องราวทั้งหมดได้ และในหลายกรณีเป็นไปไม่ได้เลยที่จะระบุว่าแผนที่ดังกล่าวถูกยึดมาจากที่ใด มันอาจจะมาจากกลางสมรภูมิรบ หรือมาจากโกดังเก่าที่เปลี่ยนมือคนดูแลไปเมื่อสิ้นสงคราม อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น และคงมีเพียงแค่แผนที่เท่านั้นที่จะบอกความจริงแก่เราได้…
เรื่อง เกรก มิลเลอร์
อ่านเพิ่มเติม