ตำนานที่เล่าขานถึงศพคืนชีพและปีศาจกินเนื้อผู้เต็มไปด้วยความอาฆาตต่อมนุษย์นั้นปรากฏตามเรื่องเล่าหลากหลายวัฒนธรรมมากมาย ตั้งแต่ตำนานของกูล (ghoul) ปีศาจกินเนื้อในตำนานชาวอาหรับ ตำนานดรอเกอร์ (draugr) ผีดิบพละกำลังเหนือมนุษย์ของชาวชาวนอร์ส จนไปถึงกองทัพผีดิบในตำนานการไปเยือนใต้พิภพของเทพอินันนา (Ishtar’s Descent into the Netherworld) ของชาวเมโสโปเตเมียโบราณ แต่สิ่ง(ไม่)มีชีวิตหนึ่งเดียวที่ได้พิสูจน์ตัวเองในความไร้เทียมทานที่สุดนั้นมีเพียง “ ซอมบี้ ” ที่ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนับศตวรรษตั้งแต่การกำเนิดลัทธิโวดูแล้ว พวกมันยังคงฟื้นกลับมาเพื่อครองสื่อและวรรณกรรมทุกรูปแบบได้อยู่เสมอ
ลัทธิโวดูของชาวเฮตินั้นมีจุดเริ่มในยุคของการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ในปี ค.ศ. 1697 ประเทศฝรั่งเศสก่อตั้งอาณานิคม “แซ็ง-ดอแม็งก์” ทางฝั่งตะวันตกของเกาะฮิสปันโยลา (Hispaniola) ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของประเทศเฮติ ซึ่งชาวแอฟริกาฝั่งตะวันตกมากมายจากหลายชีวิตถูกนำมาที่แซ็ง-ดอแม็งก์เพื่อการใช้แรงงาน ทาสชาวแอฟริกันเหล่านั้นมีเชื้อชาติ วัฒนธรรม ถิ่นกำเนิดและความเชื่อที่แตกต่างกัน แต่ภายใต้ชะตาชีวิตอันโหดร้ายของการโดนกดขี่ ชาวแอฟริกันในแซ็ง-ดอแม็งก์หันมานับถือศาสนา “โวดู” (Vodou) เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเขาท่ามกลางความแตกต่าง
ศาสนาโวดูมีพื้นฐานความเชื่อว่ามี “พระเจ้า” ผู้อยู่เหนือทุกสิ่งและในบูชาพระเจ้านั้นทำได้โดยการนับถือและบูชาเหล่า “ลวา” (Lwa) ผู้เป็นเหล่าเทพเจ้าซึ่งคอยดูแลธรรมชาติและความเป็นอยู่ของผู้คน พ่อมดในศาสนาโวดูมักใช้ความรู้ในการบูชาสักการะเทพเจ้าซึ่งตรงข้ามกับ “โบคอร์” (Bokor) หรือพ่อมดโวดูที่ใช้ความรู้และความสามารถในทางที่ผิด หนึ่งในความสามารถของเหล่าโบคอร์คือการปลุก “ซอมบี้” หรือศพคนตายขึ้นมาสำหรับการใช้แรงงานเยี่ยงทาสได้
ซอมบี้ในความเชื่อของชาวโวดูนั้นนับว่ายังแตกต่างจากซอมบี้ที่เห็นได้ในปัจจุบันอยู่มาก ซอมบี้โวดูจะมีนายผู้เป็นโบคอร์ปลุกขึ้นมาเพื่อใช้งาน โดยซอมบี้โวดูนั้นเป็นเพียงแค่มนุษย์ซึ่งไร้ความคิด ไร้ชีวิตชีวา แววตาว่างเปล่าและปราศจากความรู้สึกเจ็บปวด โบคอร์จะทำการ “สร้าง” ซอมบี้ด้วยการให้มนุษย์ที่ยังมีชีวิตกินยาพิษชนิดพิเศษซึ่งจะทำให้มนุษย์ดั่งกล่าวอยู่ในสภาพเหมือนคนตายและถูกนำไปฝัง หลังการฝังแล้วศพจะถูกปลุกขึ้นมาเป็นซอมบี้ภายใต้การควบคุมของโบคอร์
การปฏิวัติของชาวเฮติเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1791 และสิ้นสุดในปี ค.ศ. 1804 ด้วยชัยชนะและเอกราชของแรงงานทาส ในช่วงเวลานั้นนายทาสชาวฝรั่งเศสและแรงงานทาสบางส่วนอพยพไปยังสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นการนำพาลัทธิโวดูไปยังดินแดนของชาวอเมริกันอีกด้วย แต่เรื่องเล่าของซอมบี้ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย จนกระทั่งเมื่อสหรัฐอเมริกาบุกครองเฮติในปี ค.ศ. 1915 เรื่องเล่าของโวดูต่างๆ มากมาย รวมถึงเรื่องเล่าของซอมบี้ถูกถ่ายทอดผ่านทหารและนักเดินทาง สื่ออเมริกันตีพิมพ์ถึง “มนต์ดำ” และนักเขียนเช่นคุณวิลเลี่ยม ซีบรูก (William Seabrook) เล่าถึงการพบเห็นซอมบี้ในเฮติ จนในที่สุดก็ได้มีการสร้างภาพยนตร์ซอมบี้เรื่องแรกของโลกที่มีชื่อว่า “White Zombie” ในปี ค.ศ. 1932
White Zombie เล่าถึงพ่อมดโบคอร์ผู้ใช้มนต์ดำคร่าชีวิตหญิงสาวและปลุกเธอขึ้นมาเป็นซอมบี้ตามคำปราถนาของเจ้านายผู้หมายปองหญิงสาวผู้นั้น ซอมบี้ในเรื่องเป็นศพคืนชีพปราศจากทั้งความคิดและอารมณ์เหมือนกับซอมบี้โวดู อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์นั้นนำแสดงโดยคนผิวขาวเป็นส่วนใหญ่ซึ่งรวมถึงซอมบี้และโบคอร์ด้วย White Zombie ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนภาพยนตร์สัตว์ประหลาดเช่นแวมไพร์และแฟรงเกนสไตน์ ทำให้ซอมบี้ยังไม่เป็นที่โดดเด่นอย่างเหมาะสมต่อความน่าเกรงขามของมันไปเป็นเวลานาน…
ทุกครั้งที่มีการเอ่ยถึงต้นกำเนิดซอมบี้จะต้องมีการพูดถึงคุณจอร์จ เอ โรเมโร (George A. Romero) ผู้ถูกขนานนามว่าเป็นบิดาแห่งภาพยนตร์ซอมบี้ คุณโรเมโรผู้กำกับชาวอเมริกัน-แคนาดาซึ่งเขาเป็นทั้งผู้พลิกโฉมและริเริ่มปลุกกระแสซอมบี้ด้วยภาพยนตร์เรื่อง “Night of the Living Dead” ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายครั้งแรกในปี ค.ศ. 1968 ที่สหรัฐอเมริกา โดยหนังเล่าเรื่องของเหล่ามนุษย์ที่พยายามเอาชีวิตรอดจากผีดิบผู้กระหายเนื้อมนุษย์ดั่ง “ซอมบี้”
ซอมบี้ในหนังมีการเคลื่อนไหวเชื่องช้า มีความดุร้ายและชอบกินเนื้อสด พวกมันมีปัญญาความคิดต่ำแต่อันตรายเมื่ออยู่เป็นฝูง ถูกฆ่าได้โดยการทำลายสมอง สาเหตุการเกิดของซอมบี้นั้นถูกชี้ว่าเกิดจากยานสำรวจดาวศุกร์ปนเปื้อนรังสีที่ถูกทำลายนอกชั้นบรรยากาศโลก เชื้อสามารถแพร่ได้โดยการกัดเช่นกัน ลักษณะเหล่านี้แตกต่างกับความเชื่อของซอมบี้โวดูที่ต้องมีเจ้านายควบคุม อาจกล่าวได้ว่าลักษณะที่สำคัญที่สุดของซอมบี้เหล่านี้คือการขาดความเป็นปัจเจกและ “การขาดความเป็นมนุษย์เดิม” ซึ่งมองดูแล้วยังใกล้เคียงกับซอมบี้โวดูอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม คุณ Daniel Kraus ผู้เขียนนวนิยาย “The Living Dead” ต่อจากคุณโรเมโรหลังการเสียชีวิตของเขากล่าวว่า “ผมคิดว่าตอนนั้นคุณโรเมโรไม่รู้เรื่องซอมบี้โวดูซักเท่าไหร่ ผมว่าเขาไม่ได้นึกว่าผีดิบในหนังเป็นซอมบี้เลยด้วยซ้ำ”
ถึงแม้ Night of the Living Dead จะทำให้คุณโรเมโรจะได้รับการยกย่องว่าเป็นเจ้าพ่อของหนังซอมบี้ แต่ในภาพยนตร์นั้นเดิมแล้วไม่มีการกล่าวคำว่า “ซอมบี้” อยู่เลย ผีดิบในเรื่องถูกเรียกว่ากูลหรือตัวกินเนื้อ (flesh-eater) เท่านั้น นอกจากนี้ คุณโรเมโรกล่าวว่าหนังของเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากแวมไพร์ในนวนิยาย “I Am Legend” ของคุณ Richard Matheson และในตอนแรกเขาก็ไม่ได้เรียกผีดิบในเรื่องว่าซอมบี้เช่นกัน “ผมไม่เคยเรียกพวกมันว่าซอมบี้เลย จนกระทั่งเริ่มมีคนพูดถึงหนังอย่างจริงจังและเรียกผีดิบในเรื่องว่าซอมบี้ ผมเลยเรียกพวกมันว่าซอมบี้ด้วย”
ไม่ว่าคุณโรเมโรจะมีเจตนาเรียกสัตว์ประหลาดของเขาว่าอย่างไร แต่ผีดิบของเขาได้กลายเป็นต้นแบบสำคัญให้แก่ภาพยนตร์และสื่อบันเทิงต่างๆ ตั้งแต่นั้นมา ภาพยนตร์ซอมบี้เรื่องที่สองของคุณโรเมโร “Dawn of the Dead” เปิดฉายครั้งแรกที่ประเทศอิตาลีและญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1978 กระแสซอมบี้ขยายวงกว้างขึ้นจนเป็นที่สนใจของผู้คนทั้งในและนอกสหรัฐอเมริกาก่อนจะค่อยๆ แผ่วบางลงอีกครั้ง ถึงแม้จะกระแสจะอ่อนตัว แต่ซอมบี้ก็ไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่กำลังรอวันฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง..
ยังคงมีการสร้างภาพยนตร์ซอมบี้อยู่เรื่อยมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1970 โดยคุณโรเมโรเองก็ได้กำกับหนังซอมบี้เรื่องอื่นๆ เช่น Dawn of the Dead (ค.ศ. 1979) และ Day of the Dead (ค.ศ. 1985) ซอมบี้เริ่มปรากฏในสื่อและวรรณกรรมรูปแบบอื่นช่นในมิวสิควีดิโอ “Thriller” (ค.ศ. 1983) ของไมเคิล แจ็คสัน จนไปถึงในการ์ตูนญี่ปุ่น “โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ” หรือ “JoJo’s Bizarre Adventure” ของคุณฮิโรฮิโกะ อารากิ แต่สิ่งที่ปลุกความนิยมของซอมบี้ให้คืนชีพเต็มตัวนั้นคือวีดิโอเกม “Resident Evil”
Resident Evil เป็นเกมแนวเอาชีวิตรอดแบบสยองขวัญ (survival horror) พัฒนาและวางจำหน่ายในปี ค.ศ. 1996 โดยบริษัทผู้พัฒนาวิดีโอเกมญี่ปุ่น “CAPCOM” ในเกมผู้เล่นจะเล่นเป็นสมาชิกของหน่วยพิเศษที่ต้องเอาชีวิตรอดในคฤหาสน์ที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ซึ่งศัตรูหลักในเกมคือซอมบี้ ซอมบี้ในเกมนั้นได้รับอิทธิพลจากคุณโรเมโรอย่างเห็นได้ชัดซึ่งซอมบี้ส่วนใหญ่จะมีความเชื่องช้า ดุร้าย อันตรายและหิวเนื้อสด แต่ความแตกต่างนั้นอยู่ที่จุดกำเนิดของซอมบี้เหล่านี้ เรื่องราวที่มาของซอมบี้ในเกมนั้นเกิดขึ้นจากการระบาดของ ที่พัฒนาโดยบริษัทผลิตเวชภัณฑ์ยายักษ์ใหญ่ซึ่งมีรัฐบาลหนุนหลัง
เกม Resident Evil ประสบความสำเร็จทั้งในเสียงตอบรับและรายได้ของเกม ตัวเกมได้ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์แยกเนื้อเรื่องจากเกม (spin-off) กำกับโดยคุณ Paul W. S. Anderson โดยหนังใช้ชื่อว่า Resident Evil เหมือนเกม (ภาษาไทยใช้ชื่อ “ผีชีวะ”) และฉายในปี ค.ศ. 2002 เนื้อเรื่องของหนังเล่าถึงการระบาดของไวรัสอาวุธชีวภาพเช่นเดียวกับในเกม ภาพยนตร์นั้นประสบความสำเร็จด้านรายได้และซอมบี้ก็กลายเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับวงการเกมและภาพยนตร์ตั้งแต่นั้นมา
นอกจากเกม Resident Evil ซึ่งเป็นตัวปลุกกระแสซอมบี้แล้ว ยังมีเกมตู้แนวยิง “The House of the Dead” พัฒนาโดยบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น Sega และจำหน่ายปี ค.ศ. 1996 เช่นกัน ซอมบี้ในเกมนั้นมีความดุร้ายเหมือนกับซอมบี้โรเมโรลและใน Resident Evil แต่จุดกำเนิดของเหล่าซอมบี้นั้นไม่ได้เกิดจากการแพร่เชื้อแต่เป็นผลผลิตจากวิศวกรรมชีวภาพโดยตรง สำหรับวงการหนังนั้นก็มีภาพยนตร์ “28 Days Later” (28 วันให้หลัง เชื้อเขมือบคน) กำกับโดยคุณ Danny Boyle และฉายครั้งแรกในปี ค.ศ. 2002 ซึ่งซอมบี้ในเรื่องนั้นเกิดจากการระบาดของไวรัสที่ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการคลุ้มคลั่ง โดยตัวไวรัสนั้นเกิดจากการทดลองสร้างยาระงับอารมณ์โกรธ เป็นอีกครั้งที่ซอมบี้กำเนิดจากการทดลองวิทยาศาสตร์
ซอมบี้ที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใด ต้นกำเนิดของเหล่าซอมบี้นั้นล้วนได้รับอิทธิพลมาจากประสบการณ์ความ “กลัว” ของผู้ให้กำเนิดมันเอง
หนึ่งปีก่อนหน้าการวางจำหน่ายของเกม Resident Evil และ The House of the Dead นั้น ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมจากการก่อการร้ายในเหตุโจมตีแก๊สพิษซารินในกรุงโตเกียวเมื่อปี ค.ศ. 1995 ซึ่งส่งอิทธิพลต่อการสร้างซอมบี้เป็นอย่างมาก ในห้วงเวลาเดียวกัน ชาวอเมริกันก็กำลังเผชิญต่อความหวาดกลัวอาวุธชีวภาพผ่านการรายงานของสื่อ ความกลัวนั้นเด่นชัดขึ้นเมื่อชิ้นส่วนระเบิดจากการก่อการร้ายในปี ค.ศ. 1996 ที่เซนเทนเนียล โอลิมปิก สเตเดียม รัฐจอร์เจียถูกส่งไปยังศูนย์ควบคุมโรคติดต่อเพื่อตรวจสารเคมี ความน่าสะพรึงของอาวุธชีพภาพแทรกซึมอยู่ในผู้คนและมันถูกถ่ายทอดออกมาผ่านสื่อซอมบี้เหล่านี้
หากมองย้อนไปยังต้นกำเนิดของซอมบี้โวดูแล้ว ดร. เอมิลี่ ซาร์ก้า (Dr. Emily Zarka) ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต และผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ของสัตว์ประหลาดอธิบายว่าความเชื่อของซอมบี้นี้มีรากฐานมาจากการกดขี่และการใช้แรงงานงานที่ทาสชาวแอฟริกันต้องเผชิญ ซอมบี้จึงเป็นตัวแทนของความกลัวที่ฝังลึกหากแม้แต่ความตายก็ไม่อาจทำให้วิญญาณและร่างกายของมนุษย์คนหนึ่งไม่สามารถเป็นอิสระได้ นอกจากนี้ ดร. Robin Means Coleman ผู้กำกับภาพยนตร์ “Horror Noire: A History of Black Horror” อธิบายว่าการที่คนผิวขาวในภาพยนตร์ White Zombie ตกอยู่ในสภาพนซอมบี้โวดูสะท้อนความกลัวต่อ “มนต์ดำ” ที่เป็นอันตรายแม้แต่ต่อคนผิวขาว
สำหรับภาพยนตร์ Night of the Living Dead สาเหตุการเกิดของซอมบี้นั้นสามารถเชื่อมโยงไปยังการแข่งขันทางอวกาศระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตในช่วงกลางคริสตวรรษที่ 20 ได้ โดยซอมบี้ในเรื่องถูกชี้ว่ากลายพันธุ์จากการแผ่รังสีของยานสำรวจดาวศุกร์ซึ่งถูกทำลายนอกชั้นบรรยากาศโลก การที่หนังมีนักแสดงนำเป็นชาวผิวดำอาจสอดคล้องกับสถานการณ์การเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองในสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม คุณโรเมโรเองกล่าวว่าหนังของเขามัก “ถูกวิเคราะห์ลึกเกินไป”
คุณ Daniel Kraus พูดถึงความพิเศษของซอมบี้ว่า “นักประพันธ์ที่สร้างสรรค์สามารถสร้างอุปลักษณ์ขึ้นมาจากอะไรก็ได้ แต่ซอมบี้นั้นมีความยืดหยุ่นและสื่อสารความหมายที่ซ่อนเร้นและลึกซึ้งกว่าได้อยู่เสมอ”
ช่วงเวลาตั้งแต่การกำเนิดตำนานซอมบี้ในลัทธิโวดูมาจนถึงกระแสความนิยมภาพยนตร์และเกมในช่วงต้นคริสตวรรษที่ 21 พิสูจน์ให้เห็นถึงความเสน่ห์อันน่าพิศวงเกี่ยวกับซอมบี้ที่ทนทานไม่แพ้ตัวซอมบี้เอง
คุณจอร์จ โรเมโรได้รับการขนานนามว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งภาพยนตร์ซอมบี้ และซอมบี้ของเขายังคงเป็นต้นแบบหลักให้แก่วรรณกรรมร่วมยุค นวนิยายและการ์ตูนซอมบี้มากมายถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์จนโด่งดังเช่น “World War Z” และซีรีส์ “The Walking Dead” มหากาพย์ของ Resident Evil ยังคงดำเนินมาถึงปัจจุบันโดยเกมล่าสุดคือเกม “Resident Evil Village” ซึ่งวางจำหน่ายเมื่อปี ค.ศ. 2021 ทีผ่านมา
ซอมบี้หลากหลายสายพันธุ์ที่ถูกจินตนาขึ้นใหม่ เอกลักษณ์ ลักษณะทางกายภาพ จุดอ่อนและต้นกำเนิดของซอมบี้ที่แตกต่างบานปลายออกไปทำให้มีข้อถกเถียงเกิดขึ้นเช่นซอมบี้ที่เกิดจากการติดไวรัสโดยไม่ผ่านการตายและคืนชีพนั้นเป็นซอมบี้หรือไม่ ซึ่งสำหรับดร. เอมิลี่ ซาร์ก้าแล้ว เธอกล่าวว่า
“ความป่วยจนขาดการควบคุม ขาดความเป็นปัจเจกและความเป็นมนุษย์ต่างหากที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญของการเป็นซอมบี้”
เรื่อง นิธิพงศ์ คงปล้อง
โครงการสหกิจศึกษากองบรรณาธิการเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย