ศิลปะอียิปต์ – กระบวนทำความสะอาดเพดานวิหารอันพิถีพิถันที่ต้องใช้ไม้จิ้มฟันเขี่ยเศษสิ่งสกปรกออกใช้เวลานานถึง 5 ปี ผลลัพธ์จากการบูรณะอย่างอุตสาหะในครั้งนี้คือข้อมูลสำคัญที่ระบุว่า ชาวอียิปต์โบราณขึ้นปีใหม่กันเมื่อไรและเฉลิมฉลองเทศกาลวันปีใหม่อย่างไร
การบูรณะเพดานของวิหารแห่งเอสนา (Temple of Esna) ในอียิปต์เผยให้เห็นภาพสลักนูนต่ำสีสันสดสวยของกลุ่มดาวจักรราศี กลุ่มดาวฤกษ์และกลุ่มดาวเคราะห์ต่าง ๆ รวมไปถึงจารึกอักษรอียิปต์โบราณซึ่งสามารถไขความหมายที่ซุกซ่อนอยู่ในภาพของดวงดาวบนท้องฟ้าเหล่านั้นได้
ทีมนักโบราณคดีที่ทำการบูรณะวิหารแห่งนี้พบว่า สิ่งที่ปกคลุมตามเพดานวิหารคือสิ่งที่ปกป้องรักษาภาพสลักต่าง ๆ เอาไว้ “ชั้นของคราบเขม่าและสิ่งสกปรกที่สะสมมาร่วม 2,000 ปีทำหน้าที่ปกป้องรักษาภาพบนเพดานได้เป็นอย่างดีครับ” คริสเตียน ไลทซ์ (Christian Leitz) ผู้นำทีมนักโบราณคดีบอกกับทาง History
ตลอดระยะเวลามากกว่า 5 ปีที่ผ่านมา ทีมนักโบราณคดีจำนวน 30 ชีวิตได้ทำงานร่วมกันในโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและโบราณวัตถุของอียิปต์ ซึ่งนำโดยด็อกเตอร์ฮิชาม เอลเลธี (Hisham El-Leithy) และมหาวิทยาลัยทือบิงเงินในเยอรมนี พวกเขาค้นพบภาพสลักสีสดที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์แม้จะมีอายุนานนับพันปี และภาพเหล่านั้นก็ได้บันทึกข้อมูลของกลุ่มดาวจักรราศีทั้งหมดและปรากฏการณ์ที่เทพเจ้าบันดาลให้เกิดน้ำท่วมประจำปีของแม่น้ำไนล์เอาไว้ในตัววิหารแห่งเอสนา
วิหารแห่งเอสนา หนึ่งในสิ่งก่อสร้างแห่งท้าย ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยอียิปต์โบราณ ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำไนล์ทางใต้ของเมืองลักซอร์ วิหารแห่งนี้เริ่มสร้างในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาลซึ่งตรงกับรัชสมัยของฟาโรห์ทอเลมีที่ 6 ฟาโรห์ในราชวงศ์ทอเลมีซึ่งสืบเชื้อสายมาจากผู้สืบทอดตำแหน่งของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้นำวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันระหว่างกรีกและอียิปต์โบราณเข้าไปใช้ในอียิปต์ วิหารที่ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เทพคนุม (Khnum) เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ผู้ควบคุมแม่น้ำไนล์แห่งนี้มีการก่อสร้างแต่งเติมเรื่อยไปจนถึงสมัยจักรวรรดิโรมัน
เพดานที่พบภาพสลักของกลุ่มดาวอยู่ในโถงทางเข้าของวิหาร นักโบราณคดีคาดว่าภาพต่าง ๆ รวมไปถึงจารึกอักษรภาพถูกสลักขึ้นในรัชสมัยของจักรพรรดิเกลาดิอุส หรือเมื่อราว ๆ ค.ศ. 41 ถึง 54 ห้องโถงแห่งนั้นเป็นเพียงส่วนเดียวของวิหารแห่งเอสนาที่ยังคงหลงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน การที่วิหารแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเอสนาทำให้หินล้ำค่าที่ใช้ในการก่อสร้างไม่ถูกขโมยไปใช้สร้างอาคารอื่น ชาวเมืองเอสนาใช้วิหารแห่งนี้เป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้ไฟทำอาหารหรือให้ความร้อน ด้วยเหตุนี้ควันจากการใช้ไฟของชาวเมืองตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีจึงก่อให้เกิดคราบเขม่าฝังแน่นบนเพดานที่สะสมหนาขึ้นเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา
เสาที่มีลวดลายสวยงามทั้ง 24 ต้นซึ่งรองรับห้องโถงถูกออกแบบและสร้างขึ้นโดยบรรดาฟาโรห์แห่งราชวงศ์ทอเลมี ก่อนจะถูกตกแต่งเพิ่มเติมด้วยศิลปะแบบโรมันในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 ลวดลายรูปต้นอินทผลัม ต้นปาปิรุส ดอกบัว และเถาองุ่นที่ปรากฏอยู่ตามเสาเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของลุ่มแม่น้ำไนล์ในยุคนั้น
การทำความสะอาดเพดานของวิหารแห่งเอสนาเพื่องานศิลป์จากคริสต์ศตวรรษที่ 2 ซึ่งซ่อนอยู่ใต้คราบสิ่งสกปรกนั้นเป็นงานที่ต้องใช้ความอุตสาหะและความละเอียดลออเป็นอย่างมาก “เราใช้ไม้จิ้มฟันขูดคราบต่าง ๆ ออกครับ” คริสเตียน ไลทซ์ จากมหาวิทยาลัยทือบิงเงินกล่าว
กลุ่มดาวจักรราศีทั้ง 12 กลุ่มคือหนึ่งในสิ่งที่ทีมของไลทซ์ค้นพบระหว่างการบูรณะเพดานวิหาร ดาเนียล ฟอน เร็คลิงเฮาเซิน (Daniel von Recklinghausen) จากมหาวิทยาลัยทือบิงเงินได้อธิบายในงานแถลงข่าวไว้ว่า จักรราศีมักจะถูกใช้เป็นภาพตกแต่งภายในสุสานส่วนตัวชาวอียิปต์โบราณ แต่ไม่ค่อยถูกนำมาใช้ตกแต่งวิหาร
ย้อนกลับไปในสมัยราชวงศ์ทอเลมี สัญลักษณ์จักรราศีซึ่งคล้ายคลึงกับสัญลักษณ์บางอย่างที่ใช้ในโหราศาสตร์ยุคใหม่นั้นมีต้นกำเนิดมาจากบาบิโลนโบราณ แล้วจึงถูกนำเข้าสู่อียิปต์โดยชาวกรีก พร้อมกับความรู้เกี่ยวกับกลุ่มดาวอื่น ๆ รวมไปถึงดาวเคราะห์ เช่น ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์
สิ่งที่นักวิชาการให้ความสนใจเป็นพิเศษคือจารึกอักษรอียิปต์โบราณที่สร้างขึ้นพร้อมกับภาพของดวงดาวบนท้องฟ้าที่พบบนเพดานวิหาร แซร์ฌ โซเนรง (Serge Sauneron) ซึ่งเป็นนักอียิปต์วิทยาชาวฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรก ๆ ที่บันทึกและตีความจารึกเหล่านั้นในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 ถึง 1970 การบูรณะวิหารแห่งเอสนาครั้งล่าสุดทำให้นักโบราณคดีได้พบกับภาพสลักและจารึกอักษรภาพโบราณมากกว่า 200 ชิ้นที่ถูกสิ่งสกปรกและคราบเขม่าปกคลุมไว้ การถอดความจารึกเหล่านี้จะช่วยให้นักวิชาการสามารถตีความภาพกลุ่มดาวต่าง ๆ และทราบชื่อของกลุ่มดาวในสมัยอียิปต์โบราณที่ไม่สามารถระบุได้
อีกหนึ่งการค้นพบครั้งสำคัญในวิหารแห่งนี้คือภาพที่สื่อถึงวันขึ้นปีใหม่ในสมัยอียิปต์โบราณ ที่ตั้งของวิหารเอสนาซึ่งอยู่ใกล้กับแม่น้ำไนล์นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตีความและทำความเข้าใจความหมายของภาพสลักภาพนี้ วันขึ้นปีใหม่ของชาวอียิปต์โบราณจะมาถึงเมื่อดาวซิริอุสที่หายไปจากฟากฟ้าเป็นเวลา 70 วันกลับมาเปล่งแสงสุกสกาวอยู่ทางทิศตะวันออก ดาวซิริอุสซึ่งถูกแทนให้เป็นเทพีโซธิส (Sothis) ในภาพสื่อถึงดวงดาวสว่างไสวที่โคจรกลับมาพร้อมกับน้ำท่วมประจำปีของแม่น้ำไนล์
ชาวอียิปต์โบราณจะเฉลิมฉลองวันปีใหม่ด้วยการจัดงานเทศกาลเวเพ็ต-เร็นเพ็ต (Wepet-Renpet) ซึ่งมีความหมายว่า การเริ่มปีใหม่ และร่วมกินดื่มด้วยกัน ต่อมาเมื่อผ่านไปได้ 100 วัน เทพีอนูเคต (Anuket) ซึ่งปรากฏอยู่ในภาพที่เพิ่งค้นพบก็จะบันดาลให้น้ำในแม่น้ำไนล์ลดระดับลง
การบูรณะภาพสลักชิ้นนี้รวมไปถึงงานประติมากรรมนูนต่ำชิ้นอื่น ๆ บนเพดานทำให้วิหารแห่งเอสนากลายเป็นหนึ่งในวิหาร 2 แห่งในอียิปต์ที่ถนอมรักษาเพดานที่สลักภาพเกี่ยวกับดาราศาสตร์เอาไว้ได้ดีที่สุด ร่วมกับวิหารแห่งเดนเดรา (Temple of Dendera) ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพีแห่งความรักอย่างฮาเธอร์ (Hathor) ในปัจจุบันนี้ทีมนักโบราณคดีทำการการบูรณะและทำความสะอาดเพดานของวิหารจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว เป้าหมายต่อไปของพวกเขาคือการทำความสะอาดเสาและผนังเพื่อฟื้นฟูให้หนึ่งในสมบัติวัฒนธรรมกรีก-โรมันอันล้ำค่าของอียิปต์กลับมามีสีสันสวยงามอีกครั้ง
เรื่อง อันนา โธร์ป
แปล พรรณทิพา พรหมเกตุ