เคยไหมที่บางอารมณ์อยู่ๆ ก็นึกอยากหยิบกุญแจรถ คว้ากล้อง แล้วออกไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งใกล้ๆ กรุงเทพฯ แบบไม่เสียเวลาเดินทางมาก ขับรถไม่เกิน 2 ชั่วโมง ใช้เวลาเที่ยว 1 วัน ไปเช้า-เย็นกลับ ไม่ต้องกังวลเรื่องที่พัก ไม่ต้องคิดอะไร ขอแค่ได้ออกไปฝากกายฝากใจไว้กับธรรมชาติก็พอ
“บางแสน” จึงน่าจะเป็นอะไรที่ตอบโจทย์อารมณ์ที่อยากหลบความวุ่นวายในเมือง ไปใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติป่าเขา แบบ One Day Trip ได้ ดังนั้นจะรออะไร ในเมื่อสมองสั่ง และหัวใจต้องการ ก็ไม่รอช้าโทรชวนเพื่อนๆ แล้วบอกว่าไปด้วยกัน 3 – 4 คน นั่งแบบสบายๆ
ครั้งนี้ผมอาสาขับรถพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวด้วยตัวเอง โดยออกทริปไปกับ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ยนตกรรมที่ผมหลงรักไปเต็มๆ ด้วยดีไซน์ใหม่รอบคันเหมาะเป็นรถคู่ใจในการออกทริปครั้งนี้อย่างยิ่ง
ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ คันนี้มีถึง 7 ที่นั่ง กว้างขวางนั่งกันได้แบบสบายๆ มีแอร์สำหรับคนที่นั่งทั้งแถวที่ 2 และแถวที่ 3 หมดกังวลกับปัญหาเรื่องความร้อนไปได้เลย แถมยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวางมาก ให้เราได้ขนอุปกรณ์ถ่ายภาพ และสัมภาระต่างๆ ไปได้เยอะมาก และเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วเราก็เริ่มออกเดินทางกันเลย
เริ่มต้นออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่ประมาณ ตี 5 กว่าๆ ด้วยระยะทางจากกรุงเทพฯ – บางแสน วิ่งเต็มที่สัก 2 ชั่วโมง ก็ถึงแล้ว ขับรถออกมาได้สักพักก็มาถึงจุดพักรถตรงมอเตอร์เวย์ สังเกตเห็นได้ว่าพื้นถนนเปียกไปด้วยน้ำ แสดงว่าฝนเพิ่งหยุดตกไป ถือว่าโชคเข้าข้าง อากาศตอนนี้ดีแบบสุดๆ เพราะก่อนขับรถออกมาแอบกังวลเรื่องสภาพอากาศนิดหน่อย ก็อย่างที่บอกไปนั่นล่ะครับ เนื่องจากช่วงนี้ฝนตกติดต่อกันหลายวัน ท้องฟ้ามืดมน ก็เกรงว่าถ้าฟ้าฝนไม่เอื้ออำนวยจะทำให้ถ่ายรูปไม่สวยได้ แต่ตอนนี้เห็นแสงแดดอ่อนๆ กำลังดี แสดงว่าฟ้าเปิด #ถ่ายรูปสวยแน่นอน
“อ่างเก็บน้ำบางพระ” ที่นี่มีความร่มรื่น ให้เราได้สูดอากาศดีๆ เป็นการล้างปอด แถมยังเหมาะแก่การยืนดูพระอาทิตย์ขึ้นอย่างที่สุด การเดินทางมาที่นี่ง่ายมาก ขับรถมาทางเส้นมอเตอร์เวย์ เมื่อเข้าเขตอำเภอศรีราชาก็จะมีทางเลี้ยวเข้าไปยังตำบลบางพระ จากนั้นก็จะถึงทางเข้าอ่างเก็บน้ำแล้วจากประตูทางเข้าตรงเข้าไปจากนั้นเลี้ยวขวาก็จะเจอถนนสายดอกเสลาสีม่วงขาวยาวเกือบ 1 กิโลเมตร เป็นถนนเส้นไฮไลท์ของที่นี่เลย แต่น่าเสียดายที่เรามากันช้าไปหน่อย เพราะช่วงที่เรามานั้นดอกเสลาได้ร่วงไปหมดแล้ว แต่ก็ยังสามารถชื่นชมบรรยากาศสองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ก็สวยไปอีกแบบ
เมื่อขับรถขึ้นมาถึงบนตัวอ่างเก็บน้ำแล้ว หาที่จอดเหมาะๆ แล้วไปเดินเล่นชมบรรยากาศรอบอ่างเก็บน้ำ ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศกันไปเรื่อยๆ บนตัวอ่างเก็บน้ำจะมีถนนรอบอ่างเก็บน้ำให้นักปั่นจักรยานหรือนักวิ่งทั้งหลายได้มาออกกำลังกายกัน เมื่อสมความตั้งใจที่จะมาสัมผัสอากาศดีๆ และเก็บภาพธรรมชาติบริเวณอ่างเก็บน้ำแล้ว ถึงเวลาเดินทางไปสถานที่ต่อไปกันครับ “แกรนด์แคนยอน ชลบุรี” หรือ “แกรนด์แคนยอน คีรี”
“แกรนด์แคนยอน ชลบุรี” หรือ “แกรนด์แคนยอน คีรี” เหมืองหินเก่าที่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมอยากมาสัมผัสสักครั้ง อยู่ไม่ไกลกันมาก ซึ่งสมาชิกทุกคนในรถก็อยากไปเหมือนกัน ดังนั้นเราเลยมุ่งหน้าไปยังสถานที่นี้ทันที ขับไปถึงจะเจอบ้านคน เป็นที่รับฝากรถ รถยนต์ 20 บาท มอเตอร์ไซต์ 10 บาท เมื่อจอดรถแล้วก็ต้องเดินเข้าไปตามทางที่จะมีหญ้ารกๆ หน่อย มองเข้าไประยะทางก็ไม่ไกลมาก แค่เดินฝ่าต้นหญ้าที่ขึ้นอยู่เต็มสองข้างทางไปเท่านั้น มาถึงแกรนด์แคนยอนคีรีทั้งที ผมนี่รีบไปเปิดท้ายรถเพื่อหยิบอุปกรณ์กล้องมาอย่างไว และต้องขออวดอีกจุดที่ผมชอบใน ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ คันนี้ก็คือฝากระโปรงท้ายนั้นสามารถ เปิด-ปิด อัตโนมัติแบบไฟฟ้าด้วยระบบแฮนด์ฟรี ที่มีในทุกรุ่นย่อย ตอบโจทย์ได้ดีมากยิ่งเวลาถือของเยอะๆ ตรงนี้ถือว่าสะดวกสุดๆ ครับ
เมื่อกล้องพร้อม ทีมพร้อม เราก็ไม่รอช้า รีบเก็บภาพกันก่อนเลยเพราะที่นี่สวยทุกจุดเหมือนในกระทู้ที่อ่านเจอมา ขนาดยังไม่ถึงจุดชมวิวก็เก็บกันไปหลายภาพแล้ว ก่อนเดินไปชาวบ้านก็ตะโกนบอกให้เราระมัดระวังตัวกันด้วย เพราะที่นี่มีป้ายเตือนบอกไว้ว่าอันตราย ต้องระวังทุกฝีก้าว ต้องขอบคุณชาวบ้านที่เตือนด้วยความหวังดี แต่ยังไม่ทันเดินเข้าไป จู่ๆ ก็มีฝนตกปรอยๆ ลงมา จากที่คิดไว้ว่าจะไปยืนถ่ายรูปที่จุดชมวิว ก็เลยต้องถอย ถ่ายได้แค่บรรยากาศรอบๆ แต่ก็ถือว่าสวยงามประทับใจพอสมควรครับ
จาก แกรนด์แคนยอนคีรี ไปต่อกันที่ ค่ายนวมินทราชินี ก่อนมาที่นี่เคยได้ยินมาว่าทางกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ฯ ค่ายนวมินทราชินี ตอนนี้ได้เปิดตัว 21I &R Adventure ซึ่งเป็นการรวมกิจกรรมแนวแอดเวนเจอร์ให้บุคคลทั่วไปได้เข้าไปเล่นกิจกรรมสนุกๆ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ ด้วยประสิทธิภาพความแรงของเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO ของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ที่พาเรามาถึงยังจุดหมายได้แบบเร็วทันใจไม่เสียเวลาเข้ามาถึงในนี้มีกิจกรรมให้เลือกอยู่หลายอย่าง เช่น กระโดดหอ ยิงปืน และขี่ม้า ซึ่งแน่นอนว่ามาแล้วก็ไม่ควรพลาดต้องลองไปยิงดูสักหน่อย เพราะผมเองและเพื่อนๆ จะชอบกีฬายิงปืนกันอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นการฝึกสมาธิดี ซึ่งการลองยิงจะให้ดีก็ควรอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญ และควรได้รับความรู้ก่อนลองของจริงครับ
ก่อนทดลองยิงปืนจริงๆ ครูฝึกก็จะสอนวิธีการจับและการใช้ปืนอย่างถูกต้องและปลอดภัย ใครที่ไม่มีปืนส่วนตัวก็ไม่ต้องห่วง เพราะทางสนามเค้ามีบริการให้เช่าด้วยราคากระบอกละ 300 บาท 1 กระบอกจะยิงกี่คนก็ได้ก็ผลัดกันยิงส่วนกระสุน จะตกอยู่ที่กล่องละ 800 บาทเท่านั้น
เมื่อยิงปืนเสร็จมีเพื่อนคนนึงบอกว่าอยากลองไปขี่ม้า เพราะเคยเป็นนักกีฬาขี่ม้ามาก่อนอยากไปรื้อฟื้นความทรงจำกันสักนิด กิจกรรมขี่ม้าของที่นี่ คิดค่าบริการ 400 บาท/ชั่วโมง ราคานี้สำหรับคนที่พอขี่เป็นแล้วครับ ส่วนมือใหม่ก็เพิ่มไปอีก 50 บาท/ชั่วโมง เป็นค่าจูงม้าครับ จะว่าไปการขี่ม้านี่ก็สนุกไปอีกแบบ หากมีโอกาสก็จะแวะมาลองขี่อีกแน่นอน ไม่น่าเชื่อว่าค่ายทหารแห่งนี้จะมีกิจกรรมอะไรให้ทำเยอะมาก ใครที่ไม่ชอบอยู่เฉยๆ อยากจะหากิจกรรมยามว่างทำ ก็ลองแวะมาที่นี่กันดูได้ครับ ใครที่อยากชวนเพื่อนมาสนุกกันแบบเยอะๆ ขั้นต่ำประมาณ 20 – 30 คน ที่นี่เค้าก็มีราคาพิเศษสำหรับกรุ๊ปทัวร์ไว้ให้ด้วยแต่ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น เรียกว่านอกจากจะได้ความสนุกแล้ว แน่นอนว่ายังได้ออกกำลังกายไปด้วยครับ
หลังจากเราไปเที่ยวมาถึงสามที่แล้ว ที่ต่อไปที่เราจะไปกันต่อคือ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จ.ชลบุรี ระหว่างทางก็ดูบรรยากาศสองข้างทางไปด้วย ต้องบอกว่า ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ที่ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวลราบรื่น ระยะทางจึงดูไม่ไกล เพราะขับและนั่งกันมาแบบสบายๆ นั่นเองครับ ศูนย์ฯ อนุรักษ์ป่าชายเลน จ.ชลบุรี แห่งนี้ หากจะให้บอกทางง่ายๆ คืออยู่ตรงข้ามสำนักงานป่าไม้จังหวัดชลบุรีนั่นเอง ที่นี่เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้และป้องกันชายฝั่งของเมืองชลฯ เมื่อเรามีโอกาสมาถึงแล้วก็ต้องแวะไปเยี่ยมชมความงามพร้อมทั้งศึกษาเรียนรู้ธรรมชาติของป่าชายเลนกันสักหน่อยครับ
เราเดินกันเข้าไปชมป่าชายเลนตามสะพานไม้ทอดยาวประมาณ 2,300 เมตร เคยได้ยินว่ามีการพาชมเป็นหมู่คณะพร้อมวิทยากรด้วยแต่ต้องนัดล่วงหน้า แต่วันนี้ทริปเดินชมธรรมชาติของพวกเรา ขอแค่ได้เดินดูธรรมชาติสวยๆ ถ่ายรูปกันก็พอแล้ว เลยเดินเข้าไปกันเองโดยทางศูนย์จะเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8:30 น. – 18.30 น. เดินเข้าไปลึกๆ จะเห็นถึงความสมบูรณ์ของป่าโกงกางแบบชัดเจนมากขึ้น และจะพบกับเจ้า “ปลาตีน” ตัวใหญ่ สัตว์ที่ใช้วัดความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน มีเจ้าปลาตีนอยู่ที่ไหนแสดงว่าที่นั่นสมบูรณ์ดี ยิ่งปลาตีนตัวใหญ่เท่าไหร่ก็ยิ่งสมบูรณ์เท่านั้น
เอาล่ะครับ น่าจะได้เวลาที่เราจะไปชมพระอาทิตย์ตกกันแล้ว เพราะเดินทางทำกิจกรรมแบบสุดคุ้มกันมาทั้งวัน ซึ่งเราตกลงกันว่า ที่ที่จะใช้เป็นที่ส่งท้ายสำหรับทริปนี้ก็คือ “เขาสามมุข” เราสามารถขับรถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปยังจุดชมวิวได้เลย ซึ่งบนนั้นจะมองเห็นวิวทิวทัศน์ของทะเลบางแสน สามารถถ่ายภาพได้อย่างสวยงาม ที่นี่ก็เป็นอีกแห่งที่มีลิงป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ใครไม่เคยเห็นลิงตัวเป็นๆ มาที่นี่รับรองมาต้อนรับตั้งแต่ยังไม่ลงจากรถเลยล่ะครับ แถมบนเขาจะมีที่ขายอาหารลิงอยู่เยอะมากครับ ใครที่อยากเลี้ยงลิงแบบใกล้ๆ มาที่นี่รับรองไม่ผิดหวังครับ
เขาสามมุขแห่งนี้เป็นสถานที่เก่าแก่ ใครมาบางแสนก็ควรแวะมาสักการะศาลเจ้าแม่สามมุข ศาลเจ้าแบบจีน ที่เป็นตำนานของสถานที่แห่งนี้ ใครมาก็ต้องมากราบไหว้ขอพรกับเจ้าแม่อยู่เสมอ หลังจากดูพระอาทิตย์ตกแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับกรุงเทพฯ กัน
เพื่อนผมอาสาจะขับรถให้ เพราะกลัวผมจะเหนื่อย เลยบอกไปว่ามาทริปนี้ไม่ต้องกังวล เพราะถ้าหากเริ่มล้า ระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอ TFT และหากพบว่าผู้ขับขี่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากความเหนื่อยล้า ระบบจะทำการสั่นเตือนที่พวงมาลัยเหมือนมีคนมาเตือนว่า เหนื่อยแล้วให้พักก่อน เป็นอะไรที่ดีจริงๆ ครับ สำหรับยนตรกรรมของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ คันนี้ บางครั้งการได้เดินทางก็ยากที่จะถ่ายทอดความรู้สึกออกมาหรืออธิบายให้ใครเข้าใจได้ไม่หมด แม้เพียงระยะเวลาแค่ 1 วัน เราก็สามารถตักตวงความสุข ซึ่งทุกครั้งที่ได้เดินทางเหมือนได้ไปเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เป็นความสุขอย่างหนึ่งที่อยากให้ทุกคนต้องลองออกไปสัมผัสด้วยตัวเอง
สำหรับผมและเพื่อนๆ นั้น บอกเลยว่า ทุกการเดินทางคือการเรียนรู้ ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทาง และรถยนต์ที่เสมือนเพื่อนที่รู้ใจที่พาเราไปได้ทุกที่อย่าง ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ เท่านี้ก็เพียงพอ แล้วคุณล่ะ พร้อมหรือยัง ถ้าพร้อมแล้วจะรออะไร ออกไปท่องโลกกว้าง ไปค้นหาจินตนาการกันเลย!!!
รายละเอียดเพิ่มเติม ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ คลิกดูได้เลยที่ https://goo.gl/yCV4ja