วันที่ 2 ตุลาคม 2566 ได้มีพิธีเปิดมหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนกับงาน Sustainability Expo 2023 (SX2023) โดยในปีนี้จัดขึ้นตามแนวคิด “สมดุลที่ดี เพื่อโลกทีดีกว่า” Good Balance, Better World พร้อมเกาะติดเทรนด์ยั่งยืนของโลกในทุกมิติ
ทั้งนี้งานดังกล่าวได้มีเครือข่ายองค์กรด้าน ความยั่งยืนระดับประเทศ และระดับโลกที่มารวมตัวกัน ซึ่งงาน Sustainability Expo 2023 หรือ (SX2023) จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ตอกย้ำแนวคิดหลักการจัดงาน “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” (Sufficiency for Sustainability) ที่น้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy – SEP) ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรมาเป็นแนวทางในการจัดงาน
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวในปาฐกถาพิเศษในพิธีเปิดงาน Sustainability Expo 2023 มหกรรมเพื่อความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียนว่า ตลอดปีที่ผ่านมา โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ แต่ขณะเดียวกันเราก็เห็นภัยธรรมชาติที่เป็นผลมาจากการกระทำของมนุษย์มากขึ้น ไม่ว่าจะน้ำท่วม ไฟป่า ทั้งในประเทศไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลก
“ไม่ว่าความก้าวหน้า ความเจริญมีมากเท่าไร แต่เรายังไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติได้ ทุกวันนี้จำนวนคนทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และร่วมกันใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดจนหมดสิ้นไปอย่างรวดเร็ว ปัญหาจริงๆ จึงอยู่ที่การบริหารจัดการเพื่อให้เกิดความยั่งยืน” ดร.สุเมธ กล่าว
หลักการของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นหนึ่งในแนวทางที่จะช่วยให้การบริหารจัดการทรัพยากรเกิดประสิทธิภาพ หัวใจของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมี 3 เรื่อง คือ ความพอประมาณหรือต้องตรวจสอบทุนของตัวเองและไม่ทำอะไรเกินตัว ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกันหรือการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยหลักการทั้งสามนี้จะต้องอยู่บนพื้นฐานของความรู้และความมีคุณธรรม
“หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะสร้างความสมดุล มั่นคง และยั่งยืน การสร้างความยั่งยืนจะต้องดีและถูกต้อง เราจะคิดถึงแต่ผลประโยชน์ไม่ได้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ เคยตรัสไว้ว่า เราต้องทำเพื่อประโยชน์สุข ไม่ใช่ความมั่งคั่งร่ำรวย ถ้ายึดประโยชน์เป็นหลักจึงจะสร้างความสุข ถ้าคนทั้งโลกหันกลับมามองตรงนี้ ทั้งโลกจะรอด และภารกิจของเราคือต้องรักษาโลกนี้เพื่อส่งต่อให้ลูกหลานของเรา ถ้าเราใช้ทรัพยากรจนหมดในวันนี้ ลูกหลานของเราจะอยู่อย่างไร” ดร.สุเมธ กล่าวย้ำ
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และประธานอำนวยการจัดงาน Sustainability Expo 2023 กล่าวว่า การจัดงานนี้จะกระตุ้นให้คนที่อยากมีโอกาสสร้างประโยชน์ให้แก่โลก ได้มีเวทีแชร์ประสบการณ์ และส่งต่อความรู้ที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน
“เราเชื่อว่างาน Sustainability Expo จะสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคน การสร้าง Good Balance, Better World หรือการสร้างสมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่านั้น ไม่ใช่ว่าเราต้องทำสิ่งที่ดีแบบสุดโต่ง เพราะจะเกิดผลกระทบรุนแรงได้ ดังนั้น เราต้องสร้างความเข้าใจ กระตุ้นให้ทุกคนที่อยากมีโอกาสสร้างประโยชน์ให้แก่โลกได้มองเห็นภาพกว้าง และตระหนักว่าสิ่งที่เราทำต้องเกิดประโยชน์ต่อสังคม ต่อประเทศของเรา ต่อภูมิภาค และต่อโลก
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ไม่ใช่แค่ทำให้เสร็จ แต่ต้องทำจริง และเปิดโอกาสในการเรียนรู้ งาน Sustainability Expo 2023 จะเปิดเวทีให้ทุกท่านได้แลกเปลี่ยนความรู้กันว่าจะทำอย่างไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และสร้างความยั่งยืนให้โลกใบนี้ต่อไป” นายฐาปน กล่าว
พร้อมกันนี้ Sustainability Expo 2023 ยังได้มอบรางวัล Shaper Award ให้แก่ ศาสตราจารย์พิเศษ เภสัชกรหญิง กฤษณา ไกรสินธุ์ ผู้ได้รับสมญานามหลากหลายว่า “เภสัชกรยิปซี” “ผู้ประสบความสำเร็จในการวิจัยและผลิตยาสามัญชื่อ “ยาเอดส์” และ “ยารักษาโรคมาลาเรีย” ได้เป็นครั้งแรกของโลก และงานโครงการล่าสุดที่ผลิตยาสมุนไพรจากขมิ้น และฟ้าทะลายโจรที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และอีกหนึ่งโครงการที่ภาคอีสาน ซึ่งเป็นผลงานที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างความยั่งยืนด้านคุณภาพชีวิต
“ในการทำงานแต่ละครั้งนั้น ดิฉันยึดหลัก 4 คำ คือ Empowerment หรือการสร้างพลัง การส่งเสริมให้คนหรือชุมชนมีความสามารถที่จะเลือกหรือกำหนดอนาคตของตนเอง Equality หรือความเท่าเทียม Dignity ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และที่สำคัญที่สุดคือ Sustainability ความยั่งยืน”