ยุค “ยาคุมกำเนิดผู้ชาย” กำลังเป็นจริง หลังทดสอบแล้ว มีความปลอดภัยและได้ผลดี หวังลดภาระคุมกำเนิดของผู้หญิง
.
การศึกษาล่าสุดที่ได้นำเสนอในการประชุมประจำปีของสมาคมต่อมไร้ท่อ (ENDO2022) ที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา รายงานว่า ยาคุมกำเนิดสำหรับเพศชาย 2 ตัวชนิดรับประทานเองมีประสิทธิภาพในการยับยั้งฮอร์โมนที่จำเป็นสำหรับการผลิตสเปิร์มและได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมการทดลองส่วนใหญ่
.
ยาทั้งสองตัวนี้มีชื่อว่า DAMU และ 11 beta-MNTDC โดยมีผลทำให้ลดฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน หรือที่รู้จักกันในชื่อว่าฮอร์โมนเพศชายลดลง โดยปกติแล้วฮอร์โมนนี้จะถูกกระตุ้นจากไฮโปทาลามัสซึ่งคอยควบคุมการหลั่งฮอร์โมนต่าง ๆ และเทสโทสเตอโรนคือหนึ่งในนั้น มันจะกระตุ้นให้อัณฑะสร้างสเปิร์มมากยิ่งขึ้น นักวิจัยได้ใช้กลไกการย้อนกลับเชิงลบนี้โดยการใช้ยาลดการหลั่งฮอร์โมนและการผลิตอสุจิก็จะลดลงตาม
.
ทีมวิจัยได้ทำการทดลองทางคลินิกในระยะที่ 1 โดยมีผู้เข้าร่วมเป็นชายที่มีสุขภาพดี 96 คนและแบ่งเป็น 2 กลุ่มโดยกลุ่มทดลองจะได้รับยาตัวใดตัวหนึ่ง DMAU 2 เม็ด (200 มก.) หรือ 4 (400 มก.) หรือ 11 beta-MNTDC ทุกวันเป็นเวลา 28 วัน และตรวจสอบระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนทุก 24 ชั่วโมง ขณะที่กลุ่มควบคุมได้รับประทานยาหลอก
.
พวกเขาพบว่ายาทั้งสองตัวสามารถทำให้ระดับฮอร์โมนเพศชายมีระดับต่ำกว่ายาหลอกตั้งแต่วันที่ 7 หลังจากเริ่มรับประทานยา และระดับนั้นยังคงอยู่จนกระทั่งสิ้นสุดการทดลอง เมื่อเทียบกับกลุ่มทดลองที่ได้รับยาหลอกแล้ว ระดับฮอร์โมนของกลุ่มนี้อยู่ในระดับที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง นั่นหมายความว่ายาทั้งสองตัวนั้นได้ผลที่ดี อีกทั้งผู้เข้าร่วมการทดลองระบุว่าเขายินดีที่จะใช้ยานี้อนาคตอีกถึงร้อยละ 75
.
“ประสบการณ์เชิงบวกของผู้ชายที่เข้าร่วมการทดลองทางคลินิกและการยอมรับในระดับที่สูงของยาเม็ดคุมกำเนิดนี้ จะช่วยกระตุ้มให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงการคุมกำเนิดของเพศชายโดยการใช้ยาได้ในทศวรรษหน้า” ทามาร์ จาค็อบโซห์น (Tamar Jacobsohn) หัวหน้านักวิจัยในโครงการกล่าว พร้อมเสริมว่า “การพัฒนาผลิตภัณฑ์คุมกำเนิดสำหรับผู้ชายจะเพิ่มทางเลือกให้มากขึ้น และช่วยให้ผู้หญิงจำนวนมากมีการเลือกมาขึ้นในการแบ่งปันภาระการคุมกำเนิด”
.
นับตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องคอยแบกรับการคุมกำเนิดมาหลายชั่วอายุคน ไม่ว่าจะเป็นทั้งการใช้ยา การฉีดยา หรือการใช้ห่วงคุมกำเนิด อีกทั้งยังต้องเสี่ยงกับการทำแท้งเมื่อการคุมกำเนิดไม่ได้ผล ขณะที่ผู้ชายนั้นมีตัวเลือกแค่การใช้ถุงยางอนามัย (ซึ่งยังคงมีโอกาสล้มเหลวอีกทั้งไม่สร้างความพึงพอใจในผู้ชายที่แต่งงานแล้ว) และการทำหมันที่ไม่สามารถย้อนกลับได้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันระหว่างสองเพศ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นในการสร้างตัวเลือกการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ชาย
.
“ตัวเลือกการคุมกำเนิดสำหรับเพศชายในปัจจุบันนั้นจำกัดอยู่ที่การทำหมันและถุงยางอนามัย ดังนั้นมันจึงมีข้อจำกัดอย่างมากเมื่อเทียบกับตัวเลือกของผู้หญิง” จาค็อบโซห์นกล่าว “การพัฒนาวิธีการคุมกำเนิดแบบย้อนกลับสำหรับผู้ชายที่มีประสิทธิภาพจะช่วยปรับปรุงทางเลือกในการสืบพันธุ์ทั้งชายและหญิง ซึ่งจะมีผลกระทบสำคัญต่อสุขภาพของประชาชนโดยการลดการตั้งครรภ์ที่ไม่ตั้งใจ อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ชายมีบทบาทที่กระตือรือร้นมากขึ้นในการวางแผนครอบครัว”
สืบค้นและเรียบเรียง วิทิต บรมพิชัยชาติกุล