แน่ละว่าต้องเห็นดิน อ่อนนุ่ม อุดมสมบูรณ์ และสีเข้มเหมือนโกโก้ ใบสนและใบไม้ผุๆ เศษมอสหรือไลเคน หมวกเห็ดหงายอวดรอยพับสีซีดจาง ไส้เดือนที่อาจบิดตัวหนีแสงสว่าง หรือมดสักตัวที่งุนงงกับการเปลี่ยนแปลงระดับความสูง อย่างฉับพลัน
ซู เกรย์สตันรู้ว่า ยังมีอะไรมากกว่านี้อีกมาก
การอุทิศเวลาทั้งชีวิตให้แก่ดินของเกรย์สตันเริ่มต้นขึ้นในสนามหลังบ้าน ตอนยังเป็นสาวน้อยในสต็อกตัน-ออน-ทีส์ ประเทศอังกฤษ เธอช่วยแม่หว่านเมล็ดพันธุ์พืชและดูแลต้นแอ๊ปเปิ้ล กุหลาบ และรูบาร์บในสวน
พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เกรย์สตันมีโอกาสใช้กล้องจุลทรรศน์ เธอเริ่มหลงใหลสิ่งมีชีวิตในดินที่มีขนาดเล็กเกิน กว่าจะศึกษาด้วยตาเปล่า เธอรู้ว่าค้นพบเส้นทางของตัวเองแล้ว หลังสำเร็จปริญญาเอกสาขานิเวศวิทยาของจุลินทรีย์ (microbial ecology) จากมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ในปี 1987 เกรย์สตันทำงานกับบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร ในเมืองซัสคาทูน รัฐซัสแคตเชวัน ประเทศแคนาดา ตามด้วยตำแหน่งนักวิจัยที่สถาบันวิจัยการใช้ที่ดินมาคอเลย์ (ปัจจุบันคือสถาบันเจมส์ฮัตตัน) ในสกอตแลนด์
ที่นั่น เธอเริ่มร่วมงานกับบรรดานักนิเวศวิทยาพืช อันเป็นการหว่านเมล็ดพันธุ์ให้ความพยายามที่เธอจะทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ในอาชีพหน้าที่การงาน นั่นคือการศึกษาความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างผู้อาศัย ในดินทั้งขนาดเล็กที่สุดและใหญ่ที่สุด นั่นคือจุลินทรีย์และต้นไม้
ด้วยการผสมผสานการศึกษาภาคสนามวิธีใหม่ๆ เข้ากับเทคนิคการตรวจหาลำดับพันธุกรรมที่ล้ำหน้า เกรย์สตัน และนักนิเวศวิทยาอื่นๆ สร้างภาพสิ่งมีชีวิตในสังคมลับที่ซ่อนอยู่ในพื้นป่าได้หลากหลายกว่ามาก เป็นชุมชนที่ส่วนใหญ่ มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่หากไร้ซึ่งสิ่งนี้แล้ว ระบบนิเวศจะล่มสลาย
“ความหลากหลายทางชีวภาพมากมายอยู่ใต้ดิน แต่เมื่อก่อนเรารู้เกี่ยวกับมันไม่มากนัก” เกรย์สตันบอกและเสริมว่า “แต่นั่นเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างจริงจังในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมาค่ะ”
ถัดลงไปจากเรือนยอดดกหนาของผืนป่าหลายแห่ง เส้นใยเชื้อรามากมายเชื่อมรากเข้ากับเครือข่ายไมคอร์ไรซา ซึ่งต้นไม้ใช้แลกเปลี่ยนน้ำ อาหาร และข้อมูลต่างๆ อะมีบาเซลล์เดียวหลอมรวมเป็นก้อนที่เปลี่ยนรูปร่างได้เรียกว่า ราเมือก ซึ่งจะล่าแบคทีเรียและเห็ดราโดยการไหลไปในและตามพื้นดิน อาร์โทพอดขนาดจิ๋วที่เรียกว่า แมลงหางดีด คลานไปมาอย่างรวดเร็ว บางครั้งดีดตัวเองไปไกลกว่าความยาวลำตัว 20 เท่าในเสี้ยววินาที ไรมอสตัวขนาดประมาณหนึ่งในสิบของเม็ดถั่วเดินอุ้ยอ้ายไปตามสิ่งที่สำหรับพวกมันแล้วเป็นเทือกเขาและหุบผาชัน การเดินเป็นระยะทางราวสิบเมตรจะใช้เวลาทั้งอายุขัยซึ่งปกติแล้วอยู่ที่ประมาณหนึ่งปีครึ่ง
สิ่งมีชีวิตอื่นๆ มีขนาดเล็กมากจนเคลื่อนที่ได้ด้วยการดิ้นดุกดิกหรือว่ายไปบนน้ำที่เคลือบเป็นฝ้าบางๆ รอบพืช หรืออนุภาคของดินเท่านั้น สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเหล่านั้นรวมถึงหนอนตัวกลมใสรูปร่างเหมือนบะหมี่ โรติเฟอร์ที่มีกระจุกเส้นใยคล้ายขนโบกสะบัดอยู่บนหัวคอยกวาดอาหารเข้าไปในลำตัวรูปร่างคล้ายแจกัน และหมีน้ำรูปร่างคล้ายเยลลี่กัมมี่แบร์ แปดขา มีกรงเล็บและปากเป็นท่อดูดที่เต็มไปด้วยเดือยแหลม
พวกที่มีขนาดเล็กยิ่งกว่านั้นคือโปรโตซัว ซึ่งเป็นกลุ่มสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวหลากหลายชนิด บางครั้งพวกมันเคลื่อนที่โดยการกระพือรยางค์ที่มีมากมายหรือด้วยการบิดของเหลวคล้ายวุ้นภายในลำตัว พื้นป่ายังเต็มไปด้วยแบคทีเรียและอาร์เคียทุกประเภท เมื่อมองเผินๆ อาร์เคียมีลักษณะคล้ายแบคทีเรีย แต่พวกมันเป็นจุลินทรีย์ในอาณาจักรของตัวเอง
ดินในป่าหนึ่งกรัมอาจประกอบด้วยแบคทีเรียมากถึงหนึ่งพันล้านตัว เห็ดรามากถึงหนึ่งล้านดอก โปรโตซัว หลายแสนตัว และหนอนตัวกลมเกือบหนึ่งพันตัว
ดินไม่ได้เป็นสสารเฉื่อยชาไร้ชีวิตที่ต้นไม้และพืชอื่นใช้ยึดเหนี่ยวตัวเองอย่างสะดวกสบายเพื่อดูดซับสิ่งใดก็ตาม ที่พวกมันจำเป็นต้องใช้อย่างที่เคยเชื่อกัน เป็นเรื่องชัดเจนขึ้นเรื่อยๆว่า ดินเป็นเครือข่ายที่มีพลวัตของถิ่นอาศัยและสิ่งมีชีวิต ดั่งพรมผนังผืนมโหฬารที่ถักทอขึ้นด้วยสายใยสิ่งมีชีวิตมากมายเหลือคณานับและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดินเองก็มีชีวิต
ปัจจุบัน เกรย์สตันและนักนิเวศวิทยาอื่นๆ ชี้ว่า ความเข้าใจใหม่นี้เรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็น รูปธรรมในเรื่องการทำไม้ พวกเขาพบว่า วิธีการทำไม้ที่ปฏิบัติกันทั่วไป คือการตัดต้นไม้หมดทั้งแปลงนั้น สร้างความเสียหายกว้างขวางกว่าและคงอยู่เป็นเวลานานกว่าที่เคยนึกภาพไว้ การพิจารณาว่าการตัดต้นไม้เปลี่ยนแปลงสภาพป่าจากลำต้น ขึ้นไปอย่างไรนั้นไม่เพียงพอแล้ว หากจะทำให้เกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง การทำไม้จำเป็นต้องคำนึงถึงผลที่ตามมา ต่อทุกสิ่งที่อยู่ด้านล่างลงไป
เรื่อง แฟร์ริส เจเบอร์
ภาพประกอบ โอลิเวอร์ เมกเคส และ นิโคล ออตตาวา
ติดตามสารคดี ตาเปล่าไม่เห็น ฉบับสมบูรณ์ได้ที่นิตยสาร เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย เดือนกันยายน 2565
สั่งซื้อนิตยสารได้ที่ https://www.naiin.com/product/detail/557158