ชาวมายารักโกโก้มากจนใช้มันเป็นสกุลเงินแลกเปลี่ยน อีกทั้งพวกเขายังเชื่อว่ามันดีต่อร่างกาย นำมาสู่แนวคิดที่ว่า ช็อกโกแลต เองก็น่าจะมีผลแบบเดียวกันกับโกโก้มาถึงปัจจุบัน ซึ่งก็เป็นไปได้เพราะโกโก้เป็นส่วนผสมในขนมหวานชนิดนี้ และมีสารทางชีวภาพอีกหลายร้อยชนิดเช่น ฟลาโวนอล (Flavanols) ซึ่งเกี่ยวข้องกับประโยชน์ต่อสุขภาพ
“งานวิจัยเกี่ยวกับสารประกอบที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพของเมล็ดโกโก้ แสดงให้เห็นว่าหากคุณบริโภคฟลาโวนอลในปริมาณที่มากขึ้น คุณจะเห็นว่ากลไกที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจนั้นมีผลในทางบวก” โฮวาร์ด เซสโซ (Howard Sesso) นักระบาดวิทยาจาก โรงเรียนสาธารณสุขชานและโรงพยาบาลบริกแฮมและสตรี ของฮาร์วาร์ด กล่าว
นอกจากนี้ โกโก้เองก็มีศักยภาพที่น่าสนใจในการส่งเสริมสุขภาพของหัวใจและการทำงานของสมอง แต่สิ่งที่ต้องเน้นย้ำคือ ไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ใดสนับสนุนการรับประทานช็อกโกแลตจำนวนมากเพื่อเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ
คงต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้ชื่นชอบช็อกโกแลต แต่นี่คือเหตุผล
จากความนิยมของช็อกโกแลต การศึกษาจำนวนมากได้ตรวจสอบว่า สารประกอบเคมีธรรมชาติที่พบในโกโก้หรือช็อกโกแลตนั้นอาจดีกับสุขภาพของมนุษย์ บางคนแนะนำว่าดาร์กช็อกโกแลตปริมาณน้อยกว่า 1 ออนซ์ อาจช่วยให้สุขภาพของหัวใจดีขึ้น ทว่างานวิจัยส่วนใหญ่แล้วไม่ได้เกี่ยวกับข้องกับการกินช็อกโกแลต แต่แท้จริงแล้วพูดถึงสารประกอบของช็อกโกแลตต่างหาก
ในปี 2022 เซสโซและทีมงามวิจัยได้พบหลักฐานที่น่าสนใจเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของฟลาโวนอล (ในโกโก้) ในการทดลองทางคลินิกกับผู้ใหญ่กว่า 21,000 คนพบว่า ครึ่งหนึ่งของกลุ่มที่ได้รับประทานโกโก้ฟลาโวนอลเสริม 500 มก.ทุกวัน มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจต่ำกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอก (Placebo)
อาจเนื่องมาจากฟลาโวนอลได้ไปเพิ่มความไวของอินซูลิน ซึ่งมีประโยชน์ในการลดความเสี่ยงของการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 แต่ผลลัพธ์นั้นยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน และผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ควรเลือกอาหารเสริมที่ได้รับมาจากโกโก้ แทนการกินช็อกโกแลตและน้ำตาลที่มีในนั้น
งานวิจัยอื่น ๆ ชี้ให้เห็นว่าฟลาโวนอลที่พบในโกโก้ (มีอยู่ในผลไม้ ผัก และชาด้วย) อาจชะลอการเสื่อมถอยของการรับรู้ในช่วงอายุที่มากขึ้น หรือแม้แต่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของเลือดไปยังเยื่อหุ้มสมอง ซึ่งต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจผลกระทบเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม การค้นพบนี้มีความหมายต่อช็อกโกแลตด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้เข้าร่วมการทดลองจะต้องกินช็อกโกแลตแท่งที่มีไขมันและน้ำตาลปริมาณมากเพียงเพื่อให้ได้ฟลาโวนอล 500 มก. และช็อกโกแลตทั้งหมดในโลกไม่ได้มีฟลาโวนอลที่สูงเท่านั้นอย่างแน่นอน
การทำความเข้าใจว่าเหตุใดช็อกโกแลตบางประเภทจึงดีต่อสุขภาพมากกว่าชนิดอื่น ๆ ต้องเริ่มต้นตั้งแต่วิธีการทำช็อกโกแลตในรูปแบบต่าง ๆ
โดยในระหว่างการผลิต เมล็ดโกโก้จะถูกแยกออกเป็นเนื้อแข็งที่เรียกว่า นิบส์ (Nibs) และส่วนที่เป็นไขมันจะถูกเรียกว่า เนยโกโก้ ซึ่งเป็นของแข็งที่มีสารประกอบที่เป็นประโยชน์เช่น ฟลาโวนอล แต่ในการผลิตช็อกโกแลตจะต้องผสมเนยโกโก้ น้ำตาล และบางครั้งก็เป็นนม
“ประโยชน์ด้านสุขภาพใด ๆ ที่เกิดจากช็อกโกแลตนั้นมาจากปริมาณโกโก้” ทิม สเปคเตอร์ (Tim Spector) นักระบาดวิทยาทางพันธุกรรมที่คิงส์คอลแลจลอนดอน และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทโภชนาการเฉพาะบุคคล กล่าว
โดยทั่วไปแล้วช็อกโกแลตนมจะมีของแข็งเหล่านี้น้อยกว่ามาก ในขณะที่ดาร์กช็อกโกแลตนั้นมีมากกว่า ซึ่งรับรู้ได้จากรสขมของมัน ส่วนในกรณีไวท์ช็อกโกแลต ของแข็งจากโกโก้จะถูกทิ้งทั้งหมด ซึ่งรวมถึงฟลาโวนอล และสารประกอบที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ จะเหลือแค่เพียงเนยโกโก้ นม น้ำตาล และมักเพิ่มกลิ่นวนิลลาเล็กน้อย ดังนั้นไวท์ช็อกโกแลตจึงเป็นแหล่งของน้ำตาล ไขมัน และแคลลอรี่ ซึ่งพูดได้ไม่เต็มปากว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพของมนุษย์
ด้วยเหตุนี้ หลักทั่วไปคือช็อกโกแลตที่มีรสขมจะมีสีเข้มกว่า และมีส่วนประกอบของโกโก้ที่มีประโยชน์มากกว่า ซึ่งมักจะแสดงอยู่บนฉลากด้วย แต่เซสโซกล่าวว่านั่นไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด
“ยังไม่ชัดเจนว่ามันดีสำหรับคุณ เพียงเพราะสิ่งนั้นระบุว่ามีโกโก้อยู่ 80%” เขากล่าว “เช่นเดียวกับอาหารอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แค่โกโก้ วิธีที่คุณแปรรูปตั้งแต่ต้นจนจบสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อสารอาหาร หรือสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่เหลืออยู่ในนั้น”
เมล็ดโกโก้อาจสูญเสียสารประกอบที่เป็นประโยชน์ไป เมื่อมันถูกนำไปหมักและทำให้แห่ง อีกทั้งยังสามารถลดลงไปได้อีกในระหว่างกระบวนการคั่ว และกระบวนการผลิตช็อกโกแลตอื่น ๆ (อันที่จริงแล้วการบอกว่าโกโก้คือ “ถั่วดิบ” จะแม่นยำกว่า ในขณะที่คนทั่วไปจะเข้าใจว่าโกโก้คือผงที่ผสมในช็อกโกแลต ทั้งสองนี้มักถูกใช้สลับกัน)
สเปคเตอร์เสริมว่า ผลิตภัณฑ์แบรนด์ยอดนิยมหลายยี่ห้อ เป็นอาหารแปรรูปพิเศษที่เต็มไปด้วยน้ำตาล อิมัลซิฟายเออร์ (เป็นสารที่ทำหน้าที่เป็นตัวประสานให้อนุภาคของของเหลวสองชนิดที่ไม่ละลายซึ่งกันและกันรวมกันได้) และรสชาติสังเคราะห์ โดยมีโกโก้ที่เป็นประโยชน์เพียงเล็กน้อย
ในกรณีเหล่านั้น ผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพมีมากกว่าผลประโยชน์อื่น ๆ” เขากล่าว “เมื่อคุณเลือกซื้อช็อกโกแลตแปรรูปขั้นต่ำที่มีโกโก้อย่างน้อย 70% คุณจะได้รับประโยชน์จากโกโก้ โดยมีข้อเสียเพียงเล็กน้อย”
ผงโกโก้และนิบส์
ขาวมายาเพลิดเพลินไปกับเครื่องดื่มนานาชนิดที่เต็มไปด้วยผงโกโก้ ซึ่งเซสโซกล่าวว่า “อาจเป็นแหล่งในการได้รับคุณประโยชน์จากเมล็ดโกโก้มากกว่าช็อกโกแลต”
แต่โปรดระวัง อย่าสับสนระหว่าง “ผงเหล่านี้” กับส่วนผสม “ผงโกโก้ร้อน” ผงโกโก้ชนิดไม่หวานและรสขมที่นิยมใช้ในการอบนั้นมีปริมาณโกโก้สูงมากถึง 100% ส่วนผงโกโก้ร้อนชนิดผสม มีปริมาณโกโก้แท้ ๆ น้อยกว่ามาก และมีนมผงกับน้ำตาลในปริมาณที่มากแทน
ขณะเดียวกัน เมล็ดโกโก้ยังเป็นแหล่งที่ดีของสารประกอบเป็นประโยชน์ที่พบในโกโก้ เนื่องจากเมล็ดโกโก้เป็นเพียงเมล็ดชิ้นเล็ก ๆ และไม่มีอะไรอื่นเลย การผสมมันในกราโนล่าหรือสมูทตี้ก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างอื่นอีกนั่นคือเส้นใยที่สูงซึ่งช่วยการย่อยอาหาร
ท้ายที่สุดแล้ว เซสโซกล่าวว่าความปรารถนาร่วมกันของเราที่จะนำเสนอคุณประโยชน์ต่อสุขภาพของช็อกโกแลตนั้น “พลาดตรงที่ว่าช็อกโกแลตไม่ได้ดีต่อสุขภาพ แต่สิ่งที่อยู่ในนั้นต่างหากที่สำคัญ” เขากล่าว
“ถ้าคุณชอบช็อกโกแลต แน่นอนว่าควรกินมันในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ไม่ควรกินมันเพราะคุณต้องการกินเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ”
สืบค้นและเรียบเรียง วิทิต บรมพิชัยชาติกุล
ที่มา
.
https://www.nationalgeographic.com/science/article/chocolate-health-benefits