ภาวะฉุกเฉินของผีเสื้อ: สัญญาณเตือนสำหรับธรรมชาติและมนุษย์

“จำนวนผีเสื้อในสหราชอาณาจักร ลดลงต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์

หลังจากเกิดฝนหลงฤดู ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน

ทำให้โอกาสผสมพันธุ์ของผีเสื้อลดน้อยลง”

 

Butterfly Conservation เปิดเผยรายงานผลการกิจกรรม Big Butterfly Count ที่จัดขึ้นเป็นเวลา 3 สัปดาห์ในช่วงฤดูร้อนของทุกปี โดยให้ประชาชนทั่วไปใช้เวลา 15 นาที ช่วยกันบันทึกจำนวนผีเสื้อที่พวกเขาเห็นในสวนหลังบ้าน สวนสาธารณะ หรือชนบทของพวกเขา

ในกิจกรรมนี้หลาย ๆ คนสังเกตเห็นว่าผีเสื้อไม่บินว่อนในสวนของพวกเขาเหมือนปีก่อน ๆ  ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าสาเหตุนี้เกิดจากสภาพอากาศที่ชื้นผิดปกติในปี 2024 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้สหราชอาณาจักรมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้ายมากขึ้น และไม่สามารถพึ่งพาจังหวะธรรมชาติของฤดูกาลที่ผีเสื้อเคยชินได้อีกต่อไป

ตามรายงานระบุว่า ผู้เข้าร่วมพบผีเสื้อเพียงเจ็ดตัวโดยเฉลี่ยต่อการนับหนึ่งครั้ง ซึ่งลดลงเกือบครึ่งหนึ่งจากค่าเฉลี่ยของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 12 ตัว และเป็นจำนวนที่ต่ำที่สุดที่การสำรวจเคยเห็น ตั้งแต่เริ่มต้นสำรวจครั้งแรกเมื่อ 14 ปีที่แล้ว

นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า มีประชาชนออกไปสังเกตการณ์กลับมารายงานว่าไม่พบเห็นผีเสื้อแม้แต่ตัวเดียว ถึง 9,000 ครั้ง ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดในประวัติศาสตร์ของโครงการวิทยาศาสตร์ของพลเมือง Butterfly Conservation กล่าวว่าฤดูร้อนนี้เป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของผีเสื้อและพบว่าสี่ในห้า (ร้อยละ 81) ของผีเสื้อสายพันธุ์ มีจำนวนลดลงในปีนี้เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2023

50 ปี ผีเสื้อหายไป 80 เปอร์เซ็นต์

การลดลงของประชากรผีเสื้อในระดับนี้ เป็นวิกฤตการณ์ที่น่ากังวล เนื่องจากผีเสื้อเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศของสหราชอาณาจักร และการลดลงอย่างรวดเร็วของผีเสื้อเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนของวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพในวงกว้าง

นักวิทยาศาสตร์จาก Butterfly Conservation ออกมาเตือนว่าเวลาของผีเสื้อในสหราชอาณาจักรกำลังจะหมดลงแล้ว เนื่องจากแนวโน้มในระยะยาวแสดงให้เห็นว่าผีเสื้อส่วนใหญ่มีจำนวนลดลง ไม่ว่าจะเป็นในด้านความอุดมสมบูรณ์ การกระจายพันธุ์ หรือทั้งสองอย่างในช่วงห้าทศวรรษที่ผ่านมา ข่าวนี้ตามมาหลังจากที่ได้มีการเผยแพร่รายชื่อผีเสื้ออังกฤษฉบับใหม่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่าผีเสื้อที่เหลือทั้งหมดครึ่งหนึ่งในอังกฤษจัดอยู่ในกลุ่มใกล้สูญพันธุ์หรือใกล้สูญพันธุ์

.การสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยทั่วสหราชอาณาจักรส่งผลให้จำนวน ผีเสื้อหลายสายพันธุ์ที่ต้องการทุ่งหญ้าและป่าไม้ที่มีดอกไม้อุดมสมบูรณ์ในการสืบพันธุ์ลดลงอย่างมาก สายพันธุ์เฉพาะทางเหล่านี้มีปริมาณลดลงโดยเฉลี่ยมากกว่าหนึ่งในสี่ (ลดลง 27%) และสูญเสียการกระจายพันธุ์ไปกว่าสองในสาม (ลดลง 68%) ตั้งแต่ปี 1976

จูลี วิลเลียมส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Butterfly Conservation กล่าวว่า “รายงานฉบับนี้เป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ชัดเจนว่าธรรมชาติกำลังเสื่อมโทรมลงในสหราชอาณาจักร เราพึ่งพาธรรมชาติทั้งในด้านอาหาร น้ำ และอากาศบริสุทธิ์ สภาพของสายพันธุ์และถิ่นที่อยู่อาศัยของเราแสดงให้เห็นว่าธรรมชาติกำลังประสบปัญหา เราต้องการการดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในเรื่องนี้ จำนวนผีเสื้อที่ลดลงในช่วงชีวิตของเรานั้นน่าตกใจมาก และเราไม่สามารถนิ่งเฉยและมองดูความหลากหลายทางชีวภาพของสหราชอาณาจักรถูกทำลายไปได้อีกต่อไป”

หลัก ๆ เป็นเพราะสภาพอากาศที่แปรปรวน

Butterfly Conservation ระบุว่าผีเสื้อได้รับผลกระทบจากฤดูใบไม้ผลิที่มีฝนตกและฤดูร้อนที่เย็นสบายกว่าปกติ ฤดูใบไม้ผลิของสหราชอาณาจักรในปีนี้ มีฝนตกชุกที่สุดตั้งแต่ปี 1986 และสูงเป็นอันดับ 6 ของปีที่มีฝนตกชุกที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 301.7 มม. (11.87 นิ้ว) ในเดือนมีนาคม เมษายน และพฤษภาคม ซึ่งมากกว่าปกติเกือบหนึ่งในสาม (32%) สำนักอุตุนิยมวิทยาระบุว่าในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมามีอากาศอบอุ่น ชื้น และมีแดดมากกว่าช่วงศตวรรษที่ 20

ดร. แดน โฮร์ ผู้อำนวยการฝ่ายอนุรักษ์ผีเสื้อ กล่าวว่า “ผีเสื้อต้องการสภาพอากาศที่อบอุ่นและแห้งแล้งจึงจะสามารถบินไปมาและผสมพันธุ์ได้ หากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย โอกาสในการผสมพันธุ์ก็จะน้อยลง และการลดลงของผีเสื้อในปัจจุบันอาจส่งผลต่อฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูร้อนที่น่าเบื่อหน่ายของเรา”

ยาฆ่าแมลงก็มีส่วนทำให้ผีเสื้อหายไป

ฝนที่ตกหนักไม่ใช่ปัญหาเดียวเท่านั้น องค์กรการกุศลดังกล่าวระบุว่าผีเสื้อ 80% ในสหราชอาณาจักรมีจำนวนลดลงตั้งแต่ทศวรรษ 1970 โดยสาเหตุหลักคือการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการใช้ยาฆ่าแมลง ประชากรผีเสื้อที่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้อยู่แล้วจะมีโอกาสรับมือกับสภาพอากาศที่เลวร้ายได้น้อยลง

ดร. ริชาร์ด ฟ็อกซ์ หัวหน้ากลุ่มวิทยาศาสตร์ที่ศูนย์อนุรักษ์ผีเสื้อ กล่าวว่า จำนวนผีเสื้อที่ลดลงเกิดจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยในช่วงทศวรรษปี 1970 และ 1980 ซึ่งมีการไถพรวนหรือสร้างขึ้นบนพื้นที่ดังกล่าว การเสื่อมโทรมของภูมิประเทศอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่นั้นมา รวมถึงจากมลพิษจากยาฆ่าแมลง 

ขณะนี้ Butterfly Conservation กำลังเขียนจดหมายเปิดผนึกถึง สตีฟ รีด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉินทางธรรมชาติ” และห้ามใช้สารกำจัดศัตรูพืชกลุ่มนีโอนิโคตินอยด์โดยไม่มีข้อยกเว้น

การลดลงของผีเสื้อในเป็นสัญญาณเตือนสำหรับเราทุกคน

ดร. แดน โฮร์ กล่าว “ธรรมชาติกำลังส่งสัญญาณเตือน และเราต้องรับฟัง ผีเสื้อเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญ เมื่อผีเสื้อประสบปัญหา เราก็รู้ว่าสิ่งแวดล้อมโดยรวมก็ประสบปัญหาเช่นกัน”

ผีเสื้อมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศในหลายประการ หนึ่งในบทบาทหลักของพวกมันคือการเป็นผู้ผสมเกสรดอกไม้ แม้ว่าผีเสื้อจะไม่ได้เป็นผู้ผสมเกสรหลักเหมือนผึ้ง แต่พวกมันก็มีบทบาทในการช่วยผสมเกสรพืชหลายชนิด ซึ่งช่วยให้พืชเหล่านี้สามารถแพร่พันธุ์และเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

การลดลงของผีเสื้อส่งผลกระทบโดยตรงต่อพืชที่พวกมันผสมเกสร การที่พืชไม่มีการผสมเกสรอย่างเหมาะสมอาจนำไปสู่การลดลงของผลผลิตและความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งส่งผลต่อระบบนิเวศโดยรวม การลดลงของพืชชนิดหนึ่งอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของระบบนิเวศทั้งหมด

นอกจากนี้ ผีเสื้อยังเป็นอาหารของสัตว์หลายชนิด รวมถึงนกและแมลงบางชนิด การลดลงของผีเสื้ออาจส่งผลต่อห่วงโซ่อาหาร ทำให้สัตว์ที่พึ่งพาผีเสื้อเป็นแหล่งอาหารหลักต้องหันไปหาแหล่งอาหารอื่น ซึ่งอาจส่งผลให้ประชากรของสัตว์เหล่านี้ลดลงเช่นกัน

ความหวังในการนำผีเสื้อกลับคืนมา

จากผลการศึกษาที่เผยแพร่ในเดือนเมษายนจาก UK Butterfly Monitoring Scheme (UKBMS) แสดงให้เห็นสัญญาณที่น่าพอใจว่า ความพยายามในการอนุรักษ์ผีเสื้อกำลังประสบผลสำเร็จ โดยจำนวนผีเสื้อสีน้ำเงินขนาดใหญ่ ซึ่งถูกนำกลับคืนสู่สหราชอาณาจักรในช่วงทศวรรษ 1980 หลังจากสูญพันธุ์ไปในปี 1979 กำลังเพิ่มขึ้นมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ส่วนจำนวนผีเสื้อลายตารางหมากรุกซึ่งถูกส่งกลับคืนสู่อังกฤษในปี 2018 หลังจากสูญพันธุ์ไปในช่วงทศวรรษ 1970 ก็กำลังเริ่มมากขึ้นเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม นอกจากปริมาณน้ำฝน และฝนหลงฤดูในปีนี้แล้ว ผีเสื้อสายพันธุ์ต่าง ๆ ก็ยังคงดิ้นรนที่จะฟื้นตัวจากภัยแล้งที่รุนแรงตั้งแต่ปี 2022 นักวิทยาศาตร์กล่าวว่า พวกมันไม่สามารถผสมพันธุ์ได้ในสภาพอากาศที่ชื้นแฉะ แต่พวกมันยังต้องได้รับน้ำจากพืชอย่างเพียงพอเพื่อเลี้ยงตัวเองระหว่างที่มันเป็นหนอนผีเสื้อ ผีเสื้อหลายสายพันธุ์ เช่น ผีเสื้อลายเขียวและผีเสื้อลายลอนยังคงมีจำนวนน้อยเนื่องจากหนอนผีเสื้อไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากภัยแล้งได้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงทำในปี 2022 ให้ผีเสื้อพยายามฟื้นตัวจากเหตุการณ์สภาพอากาศเลวร้ายมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่พวกมันก็ต้องเผชิญกับเหตุการณ์แบบนั้นอีกครั้ง เนื่องจากฝนตกหนักและต่อเนื่องในอีกสองสามปีต่อมา อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสที่ผีเสื้อบางส่วนจะออกมาให้เห็นในช่วงดึกหากสภาพอากาศในอังกฤษแห้งและมีแดดมากขึ้น

Butterfly Conservation แนะนำว่า ผู้คนสามารถช่วยกันอนุรักษ์ผีเสื้อได้โดยปล่อยให้หญ้าอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องตัดแต่ง การศึกษาล่าสุดพบว่า สนามหญ้าที่รกร้างจะช่วยเพิ่มจำนวนผีเสื้อ ประโยชน์ของการปล่อยหญ้าให้ยาวนั้น เห็นได้ชัดที่สุดในสวนที่มีการทำฟาร์มอย่างเข้มข้น โดยพบผีเสื้อเพิ่มขึ้นถึง 93% และพบสายพันธุ์ที่หลากหลายมากขึ้น สวนที่มีหญ้าสูงในเขตเมืองพบว่ามีผีเสื้อเพิ่มขึ้นถึง 18%

 

สืบค้นและเรียบเรียง

อรณิชา เปลี่ยนภักดี

ที่มา

https://www.dailymail.co.uk

https://www.irishnews.com

https://www.environment.sa.gov.au

https://www.theguardian.com

 


อ่านเพิ่มเติม : ผีเสื้อจักรพรรดิกลายเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง ส่งผลต่อระบบนิเวศ

© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.