ในธรรมชาติมียารักษาซ่อนอยู่มากมาย และมนุษย์ก็นำประโยชน์นี้มาใช้อย่างยาวนานทั้งสมุนไพรเยียวยาบาดแผล หรือซาลิซินจากเปลือกต้นวิลโลวที่ช่วยบรรเทาอาการปวดและลดไข้ ความรู้จากอดีตเหล่านี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบโมเลกุลมากมายที่สกัดออกมาเป็นตัวยาในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันที่พัฒนาไปไกลและปัญญาประดิษฐ์ที่ประมวลผลอย่างรวดเร็ว ทำให้เรามีโมเลกุลยาจากการ ‘สังเคราะห์’ มากขึ้นเรื่อง ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้เรามีตัวเลือกในการรักษาโรคต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น แต่จะดียิ่งขึ้นหาเรานำทั้งสองสิ่งมารวมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของยาที่มีอยู่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเดิม
“ยาส่วนใหญ่ที่ได้รับการรับรองทางคลินิกนั้นเป็นผลผลิตจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ หรือผลิตขึ้นจากธรรมชาติ” วิลเลียม เชน (William Chain) รองศาสตราจารย์ประจำภาควิชาเคมีและชีวเคมี มหาวิทยาลัยเดลาแวร์ กล่าว
“แต่ทรัพยากรธรรมชาติก็ยังไม่เพียงพอที่จะผลิตยาได้อย่างพอเพียง ตอนนี้นักเคมีจะสามารถนำต้นฉบับของเราไปปฏิบัติตามสูตรของเรา และพวกเขาก็จะสามารถผลิตยาได้เอง”
ในงานวิจัยใหม่ที่เผยแพร่บนวารสาร Angewandte Chemie เชนและห้องปฏิบัติการของเขาได้สร้างกระบวนการที่ใช้สารเคมีที่มีอยู่ทั่วไป เพื่อผลิตเป็นโมเลกุลที่พบได้ตามธรรมชาติในผลไม้ฝรั่ง ซึ่งโมเลกุลเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถต่อสู้กับโรคมะเร็งตับที่รุนแรงได้
ผ่านการสังเคราะห์สารธรรมชาติในที่นี้คือ psiguadial A ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านการแบ่งตัวของเซลล์ (antiproliferative) โดยใช้วิธีที่เรียกว่า enantioselective total synthesis หรือก็คือการสร้างโมเลกุลทั้งตัวที่ควบคุมให้ได้เฉพาะไอโซเมอร์เชิงแสงด้านเดียว (enantioselective) ซึ่งสามารถนำไปใช้ต่อได้ง่ายขึ้น
ความก้าวหน้าครั้งนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์มีวิธีการที่มีประสิทธิภาพและประหยัดในการผลิตสารประกอบธรรมชาติเหล่านี้ในปริมาณมาก การทำให้สารประกอบเหล่านี้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นอาจช่วยปูทางไปสู่การรักษามะเร็งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและราคาไม่แพง
“เราเป็นกลุ่มแรกที่ปูทางนั้น และคนอื่น ๆ ก็สามารถสร้างเส้นทางใหม่ได้ทุกวิถีทาง หาทางลัดถ้าจำเป็น แต่ตั้งแต่ที่เราก้าวเข้าสู่ดินแดนที่ไม่รู้จักนี้ ผมคิดว่าเราได้ช่วยไขความกระจ่างเกี่ยวกับเส้นทางที่ไม่รู้จักนี้ ซึ่งสามารถพาเราไปถึงจุดนั้นได้ และผมคิดว่านั่นคือส่วนที่ยอดเยี่ยม” เลียม โอ เกรดี (Liam O’Grady) นักศึกษาปริญญาเอกในห้องปฏิบัติการของเชนและผู้เขียนบทความคนแรกกล่าว
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นนั้นมหาศาล จำนวนผู้ป่วยมะเร็งตับและท่อน้ำดีเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่าผู้ชายและผู้หญิงทั่วโลก 1 ใน 125 คนจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเซลล์ตับตลอดช่วงชีวิต
ในประเทศไทย ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลกในปี 2020 มะเร็งตับเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในคนไทย โดยมีมากถึง 27,394 ราย หรือคิดเป็น 14.4% ของโรคมะเร็งทั้งหมด ในจำนวนนี้มีผู้ป่วย 26,704 รายที่เสียชีวิต ซึ่งคิดเป็น 21.4% ของผู้ป่วยที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งทั้งหมด
ขณะเดียวกันมะเร็งตับเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในชายไทย และพบมากเป็นอันดับ 4 ในผู้หญิงไทย โดยทั่วไปแล้วอัตราการอยู่รอดที่ 5 ปีคือ 20% แต่เมื่อมะเร็งแพร่กระจายออกไปนอกตับแล้วจะมีโอกาสอยู่รอดที่ 3% ตอนปีที่ 5 ทำให้มะเร็งตับเป็นหนึ่งในมะเร็งที่อันตรายอย่างยิ่ง
การที่สามารถผลิตโมเลกุลซึ่งช่วยต่อสู้กับมะเร็งได้ดีขึ้น จะทำให้ผู้ป่วยหลายคนมีโอกาสใช้ชีวิตต่อไปได้ดีกว่าเดิม ทีมงานกำลังทำงานร่วมกับสถาบันมะเร็งแห่งชาติเพื่อหารือเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปของกระบวนการนี้ และศึกษาว่าโมเลกุลของฝรั่งอาจมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับมะเร็งชนิดอื่น ๆ หรือไม่
ที่มา
https://onlinelibrary.wiley.com