เราแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับก้นทะเลลึก หลังจากสำรวจมาแล้วหลายทศวรรษ มันยังเป็นถิ่นอาศัยที่เราเข้าใจน้อยที่สุดในโลก จุดบอดนี้รบกวนจิตใจของเคที ครอฟฟ์ เบลล์ มาช้านาน เธอเป็นนักสำรวจเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ผู้นำทีมออกสำรวจมหาสมุทรทั่วโลกมาแล้วหลายสิบครั้ง ถึงที่สุดแล้ว ท้องทะเลลึกครอบคลุมพื้นที่มากถึงราวสองในสามของโลก มีบทบาทสำคัญในการกักเก็บคาร์บอน และควบคุมสภาพภูมิอากาศ เมื่อไม่นานมานี้ เบลล์ กับนักวิจัยอีกสองสามคนจึงตั้งต้นประเมินช่องว่างในความรู้ของเรา
ผลลัพธ์ที่ได้แย่กว่าที่พวกเขาคิดไว้เสียอีก กล่าวคือมีเพียงร้อยละ 0.001 ของก้นทะเลลึกเท่านั้นที่ได้รับการศึกษาและสังเกตด้วยสายตา พวกเขาพบว่า แม้จะมีการดำน้ำสำรวจทะเลลึกมาแล้วราว 44,000 ครั้งตั้งแต่ทศวรรษ 1950 แต่จำนวนมากเป็นการสำรวจพื้นที่เดิมๆ ทำให้รวมแล้วมีจุดสำรวจที่ไม่ซ้ำกันแค่ราว 12,000 แห่ง ข้อมูลที่พวกเขาค้นพบยังเผยว่า การดำสำรวจเหล่านั้นดำเนินการโดยประเทศรายได้สูงเพียงห้าประเทศเท่านั้น การผูกขาดนี้ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากค่าใช้จ่ายของโครงการวิจัยทะเลลึก เครื่องมือขั้นสูงอย่างยานสำรวจใต้ทะเลลึกมีราคาแพงตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เกือบหนึ่งทศวรรษที่เบลล์มุ่งทำงานเพื่อให้การเข้าถึงท้องทะเลลึกทำได้ง่ายขึ้น งานของเธอรุดหน้าเร็วขึ้นในปี 2018 เมื่อเธอเชิญนักวิจัยจากเอ็มไอทีมีเดียแล็บเกือบ 250 คนมาร่วมหารือถึงวิธีการต่างๆ ที่จะช่วยเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับก้นทะเล ตั้งแต่การใช้เซนเซอร์ราคาย่อมเยาและการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) ไปจนถึงการมีส่วนร่วมของชุมชนและวิทยาการหุ่นยนต์ พองานนั้นจบลง เบลล์ก็คิดขึ้นมาได้ว่า ทำไมถึงไม่สร้างเทคโนโลยีชิ้นเดียวที่ทั้งผลิตได้ในราคาไม่แพง ใช้งานง่าย และเหมาะกับเรือหลากหลายประเภท นั่นอาจพลิกโฉมวงการได้เลยทีเดียว เบลล์นึกย้อนถึงตอนนั้น “และจะเร่งให้เราเข้าใจมหาสมุทรลึกได้เร็วขึ้นอย่างแท้จริง”
เจ็ดปีต่อมา เบลล์กำลังจะเปิดตัวยานสำรวจใต้ทะเลลึกรุ่นปฏิวัติวงการ ซึ่งจะมีคุณสมบัติหลายอย่างเหมือนอุปกรณ์มูลค่าหลายล้านดอลลาร์ แต่ราคาต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์ “มันจะทำให้วงการนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลยค่ะ” เบลล์บอก เครื่องมือซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าถังอากาศดำนำนี้ กำลังอยู่ระหว่างการสร้างให้ทนต่อแรงดันมหาศาลที่ระดับความลึก 6,000 เมตร ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงร้อยละ 98 ของพื้นสมุทรทั้งหมดได้ เบลล์กับเพื่อนร่วมงานที่โอเชียนดิสคัฟเวอรีลีก หรือโอดีแอล (Ocean Discovery League: ODL) องค์กรไม่แสวงกำไรที่เธอก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2021 เรียกมันว่า ระบบถ่ายภาพและวิจัยมหาสมุทรลึก หรือดอริส (Deep Ocean Research and Imaging System: DORIS)
เมื่อเสร็จสมบูรณ์ ยานจะติดตั้งเซนเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิ ความลึก และความเค็ม แต่เป้าหมายหลักของมันคือการเก็บภาพด้วยกล้องภาพนิ่งและวิดีโอความละเอียดระดับ 4K ตอนนี้โอดีแอลกำลังสร้างต้นแบบโดยร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีบลูโรโบติกส์ (Blue Robotics) รวมทั้งได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือโนอา และองค์กรอื่นๆ
การอัปเกรดในอนาคตจะรวมถึงความสามารถในการเก็บตัวอย่างและการบันทึกเสียง ทีมของเบลล์ยังร่วมมือกับสถาบันวิจัยพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมอนเทเรย์เบย์ เพื่อสร้างแบบจำลองการเรียนรู้ของเครื่อง ซึ่งจะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดที่เครื่องมือนี้เก็บมาได้อย่างรวดเร็ว
ความที่มีขนาดเล็กและใช้งานง่าย ดอริสจะสามารถปล่อยจากเรือที่ปกติแล้วไม่ใช้ในภารกิจสำรวจทะเลลึก ตัวอย่างหนึ่งคือเรือ โฮกูเลอา ซึ่งเป็นเรือแคนูลำคู่ที่ใช้โดยสมาคมการเดินเรือโปลินีเซีย หรือพีวีเอส (Polynesian Voyaging Society: PVS) องค์กรไม่แสวงกำไรที่มุ่งเพิ่มพูนความรู้ทางเทคนิคการเดินเรือแบบโบราณ เบลล์ร่วมมือกับพีวีเอส ระหว่างทดสอบเครื่องมือต้นทุนต่ำรุ่นแรก ๆ และตอนนี้ องค์กรซึ่งตั้งอยู่ในฮาวายแห่งนี้ก็กำลังวางแผนใช้ต้นแบบดอริสในการเดินทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกที่กำลังจะมาถึง ภารกิจนี้จะได้รับการสนับสนุนบางส่วนจากโครงการสำรวจมหาสมุทรเพื่อโลกที่ยั่งยืนของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก และโรเล็กซ์ (National Geographic and Rolex Perpetual Planet Ocean Explorations) ซึ่งเป็นความพยายามอันทะเยอทะยานที่กำลังส่งนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งออกไปศึกษามหาสมุทรทั้งห้าของโลก เบลล์ไม่เคยตื่นเต้นกับสิ่งที่จะได้ค้นพบมากเท่านี้มาก่อน “ยังมีอะไรอีกบ้างในพื้นที่ร้อยละ 99.999 ที่เรายังไม่เคยเห็น”
(การรายงานในสารคดีเรื่องนี้นำเสนอโดยสมาคมเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก โดยความร่วมมือกับโรเล็กซ์ ภายใต้โครงการสำรวจมหาสมุทรเพื่อโลกที่ยั่งยืนของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิกและโรเล็กซ์ )
เรื่อง แอนดรูว์ เอส. ลูวิส
แปล ปณต ไกรโรจนานันท์