ทำไม บริษัทยักษ์ใหญ่จึงมุ่งสู่ การจัดอันดับความยั่งยืน

ในยุคปัจจุบัน การประกอบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทั่วโลกได้บริโภคทรัพยากรโลกไปเป็นจำนวนมาก เพื่อสร้างผลประกอบการของบริษัทให้ตรงความต้องการของผู้บริโภค ดังนั้น เมื่อช่วงทศวรรษที่ผ่านมาจึงเกิดกระแสการพัฒนาอย่างยั่งยืนเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงบรรษัทภิบาล สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้บริษัทต่างๆ ประกอบกิจการอย่างรับผิดชอบมากขึ้น เห็นได้จาก การจัดอันดับความยั่งยืน

ด้วยกระแสความสนใจในประเด็นเรื่องความยั่งยืนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และผู้บริโภคก็แสดงท่าทีเชิงบวกต่อบริษัทที่ใส่ใจเรื่องความยั่งยืน ดังนั้น ในปัจจุบัน บริษัทส่วนใหญ่จึงให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อตอบสนองต่อกระแสของโลกที่กำลังสนใจทั้งประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG) ควบคู่ไปกับการสร้างผลประกอบการที่ดี

นอกจากนี้ บริษัทจัดอับดับเครดิตระดับโลกที่มีความน่าเชื่อถือและการยอมรับจากนักลงทุน ก็ได้พิจารณาการจัดอันดับบริษัทอุตสาหกรรมทั่วโลกในประเด็นเรื่องความยั่งยืนเช่นกัน

ปัจจุบัน บริษัทจัดอันดับเครดิตยักษ์ใหญ่ของโลกที่มีชื่อเสียงมีประมาณ 3 บริษัท ได้แก่ 1. S&P Global Ratings 2. Moody’s Investors Service และ 3. Fitch Ratings โดย S&P Global Ratings และ Moody’s Investors Service ครองส่วนแบ่งในตลาดนี้รวมกันประมาณร้อยละ 80 และ Fitch Ratings ครองสัดส่วนร้อยละ 15 และบริษัทอื่นๆ อีกร้อยละ 5

คำถามที่ตามมาคือ ทำไมนักลงทุนจึงเลือกเชื่อถือการจัดอันดับของบริษัทเหล่านี้ คำตอบอาจอยู่ที่ระยะเวลาการดำเนินกิจการของทั้ง 3 บริษัท ซึ่งแต่ละบริษัทมีประสบการณ์ในเรื่องการจัดอันดับเครดิตมากกว่า 100 ปี

อย่างไรก็ตามมีผู้ตั้งคำถามต่อการจัดอันดับของบริษัทเหล่านี้ว่า บางครั้ง การจัดอันดับให้กับบางบริษัทในระดับสูงเพื่อแลกกับผลประโยชน์บางอย่างหรือไม่ ดังนั้น หลายประเทศทั่วโลกจึงออกกฎหมายเพื่อควบคุม กำกับ และดูและ บริษัทจัดอันดับเครดิตให้รัดกุมมากขึ้น

เมื่อบริษัทอุตสาหกรรมได้รับการจัดอันดับจากบริษัทจัดอันดับที่มีความน่าเชื่อถือ อย่าง S&P Global Ratings บริษัทนั้นก็ย่อมได้รับความสนใจจากนักลงทุน และได้ภาพลักษณ์ที่ดีต่อการประกอบกิจการทั้งในระดับภูมิภาค และสากล

หลายๆ บริษัทอุตสาหกรรมในปัจจุบันจึงทุ่มงบประมาณจำนวนมาก เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยปรับเปลี่ยนแผนประกอบการให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากขึ้น รวมไปถึงสร้างโครงการที่มอบผลประโยชน์คืนแก่สังคมและสิ่งแวดล้อม

สำหรับประเทศไทย ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา กระแสเรื่องความยั่งยืนได้กระตุ้นให้บริษัทอุตสาหกรรมต่างๆ ในบ้านเราต้องสนใจหัวข้อนี้เพิ่มมากขึ้น บริษัทต่างๆ ตอบสนองด้วยการพัฒนามาตรฐานการประเมินการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อนำมาในการวัดผลความยั่งยืนขององค์กรหรือบริษัท

โดยเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทอุตสาหกรรมในประเทศไทย 11 บริษัท ติดอันดับ Gold class จากผลการจัดอันดับในรายงาน “The Sustainability Yearbook 2021” ของ S&P Global ในจำนวนนี้เป็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย 10 บริษัท ได้แก่ BANPU, BTS, IRPC, PTT, PTTEP, PTTGC, SCC TOP, TRUE และ TU และบริษัทไทย 1 บริษัท ได้แก่ ThaiBev

ความน่าสนใจอย่างหนึ่งคือ ปีนี้ไม่ใช่ปีแรกที่บริษัทในประเทศไทยก้าวขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของการจัดอันดับเรื่องความยั่งยืน เช่น ไทยเบฟ สามารถครองรางวัลสุดยอดความยั่งยืนสูงสุดในโลกระดับ Gold class ต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน จากบริษัท S&P Global และได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (The Dow Jones Sustainability Indices-DJSI) โดยจัดลำดับให้เป็นสมาชิกของ DJSI Emerging Markets Index กลุ่มดัชนีตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 6 และประเภทกลุ่มดัชนีโลก (World Index) เป็นปีที่ 5 โดยล่าสุดได้รับการจัดอันดับ 1 Industry Leader ในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มต่อเนื่องเป็นปีที่ 4

เมื่อบริษัทอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้อันดับสูงๆ แล้วดีอย่างไร อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น เมื่อบริษัทเหล่านี้ได้อันดับสูงๆ ก็ย่อมเป็นที่รู้จักของนักลงทุน และเป็นทางเลือกในการลงทุนให้แก่นักลงทุนทั่วโลก เพราะนักลงทุนหรือกองทุนต่าง ๆ จากทั่วโลก มักสืบค้นข้อมูลด้านต่างๆ รวมถึงการจัดอันดับความยั่งยืน เป็นเกณฑ์สำคัญในการพิจารณาและคัดเลือก เพื่อเข้าไปลงทุนในบริษัทเหล่านั้น

สืบค้นและเรียบเรียง ณภัทรดนัย

ข้อมูลอ้างอิง
https://www.spglobal.com/esg/csa/yearbook/
https://www.moneyandbanking.co.th/article/news/set-11goldclass-10022021/
https://thepractical.co/sustainability-djsi/
https://www.sec.or.th/cgthailand/th/pages/assessment/interassessment
https://thaipublica.org/2020/11/thai-djsi2020-listed-companies/
https://ngthai.com/news-activity/39853/thaibevgoldclass4/


อ่านเพิ่มเติม ไทยเบฟ ผู้นำองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนระดับโลก Gold Class 4 ปีซ้อน

© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.