จุดเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ มาจากความโหยหาการเดินป่าปีนเขา แต่หลาย ๆ สถานที่ส่วนใหญ่มักอยู่ไกลและต้องใช้เวลานาน เลยคิดว่าจะมีสักที่ไหมที่ไม่ต้องเดินทางไกล ใช้เวลาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างเต็มอิ่มง่าย ๆ เพียง 2-3 วัน โดยมีค่าใช้จ่ายที่ไม่แพงมากนัก เส้นทางมีทั้งยากและง่ายปะปนกัน ใช้เวลาเดินขึ้นเขาไม่มาก หรือไม่เกิน 5 ชั่วโมง จนได้ทราบจากเพื่อนผู้ใช้ชีวิตอยู่ที่กาญจนบุรี แนะนำและชักชวนให้มาสัมผัสอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ เพราะตรงกับโจทย์ที่ต้องการทุกอย่าง เราไม่แปลกใจถึงที่แห่งนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะสวยหรือไม่ จึงยังอิดออดจนถึงวันที่หมดฝนกลางเดือนพฤศจิกายน อากาศปลายฝนต้นหนาวกำลังเย็นสบาย เหมาะอย่างยิ่งกับการออกไปท่องเที่ยว โดยมีจุดหมายปลายทางคือ “เขากำแพง” ซึ่งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี
จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางไปถึงอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ ไม่เกิน 3 ชั่วโมง กับระยะทางประมาณ 190 กิโลเมตร เมื่อมาถึงที่ทำการอุทยานฯ เราจัดแจงขนสัมภาระเข้าไปยังที่พักของทางอุทยานฯ ซึ่งจองไว้ล่วงหน้า ก่อนจะเตรียมออกไปเดินเล่นบนเส้นทางศึกษาธรรมชาติเพื่อมุ่งหน้าไปยังถ้ำธารลอดน้อย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานฯ เมื่อมาถึงบรรยากาศภายในถ้ำเราจะได้พบกับความสวยงามของบรรดาหินงอกหินย้อยที่สวยงามราวกับอยู่โลกในจินตนาการ รวมถึงยังมีฝูงค้างคาวจำนวนมากอาศัยอยู่ด้านใน จนมีกลิ่นมูลค้างคาวโชยแรงออกมาแตะจมูก ถ้าใครไม่ชอบก็คงจะทำใจลำบากสักหน่อย แต่ถ้าเทียบกับความงามตรงหน้าแล้วละก็ เรียกว่าคุณจะลืมเรื่องกลิ่นที่ว่านั้นไปได้เลย จากถ้ำธารลอดน้อยนี้ เราสามารถเดินต่อไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติจนถึงถ้ำธารลอดใหญ่ในระยะทางสั้น ๆ 2.5 กิโลเมตร แต่ถ้าต้องการขับรถจากถ้ำธารลอดน้อยไปยังถ้ำธารลอดใหญ่ ต้องยอมอ้อมเขาไปไกลกว่า 30 กิโลเมตร เลยทีเดียว
ทุกครั้งที่ได้ออกมาอยู่กับธรรมชาติ อายุของพวกเราก็ลดลงทันที
เมื่อถึงเช้าวันเริ่มเดินขึ้นเขากำแพงตามที่วางแผนไว้ พวกเราและเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้ช่วยกันจัดเตรียมอาหารและน้ำอย่างพรั่งพร้อม ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันแบกเอง เพราะที่นี่เขาไม่มีลูกหาบไว้คอยให้บริการ มีเพียงเจ้าหน้าที่นำทางเท่านั้น โดยสิ่งสำคัญที่ขาดเสียไม่ได้เลยสำหรับการเดินทางขึ้นเขากำแพง ก็คือ น้ำ เนื่องจากบนยอดเขาไม่มีแหล่งน้ำ ยกเว้นระหว่างทางจะมีธารน้ำตกเล็ก ๆ เป็นจุดพักเติมน้ำธรรมชาติ แต่หากเลยจากจุดนี้ไปแล้วก็จะไม่มีแหล่งน้ำอีก เพราะฉะนั้นจึงต้องวางแผนการแบกน้ำขึ้นไปให้ดี ระหว่างเส้นทางเดินป่า รอบ ๆ เราสัมผัสได้ถึงความอุดมสมบูรณ์และธรรมชาติที่ยังคงความบริสุทธิ์ อาจเป็นเพราะที่นี่ยังไม่เป็นที่นิยมของเหล่านักเดินป่าและนักท่องเที่ยวกันสักเท่าไหร่ ซึ่งจากเหตุนี้เรากลับมองว่าช่างเป็นข้อดีเสียจริง ที่ธรรมชาติจะได้ไม่ต้องถูกรบกวน เราจึงได้สัมผัสกับวิวและความงามของธรรมชาติกันได้อย่างเต็มอิ่ม
ที่นี่มีจุดไฮไลท์คือ เนินสามก้าว ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องความสูงชัน เดินได้เพียงสามก้าวก็ต้องหยุดพัก เป็นแบบนี้จนเกือบจะสุดทาง นับว่าท้าทายทั้งแรงกายและแรงใจจริง ๆ นอกจากนี้ระหว่างทางเดินเราจะได้พบเห็นร่องรอยของสัตว์ป่า และต้นไม้แปลก ๆ โดยพี่ ๆ เจ้าหน้าที่มักจะชี้ให้ดูอยู่เนือง ๆ ด้วยสีหน้าภูมิใจ ใช่ครับ! พวกเขาภูมิใจมากที่สามารถปกป้องและอนุรักษ์ธรรมชาติบนเขากำแพง ให้พวกเรารวมถึงลูกหลานได้ขึ้นมาชื่นชมและศึกษา ทำให้ผมคิดได้ว่าการเดินป่าครั้งนี้ เหมือนเราได้เดินชมผลงานศิลปะที่มีชีวิต จากศิลปินที่มีชื่อว่า “ธรรมชาติ” มีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเป็นผู้รักษาความปลอดภัย ปกป้องผืนป่าไว้ให้สมบูรณ์เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น เมื่อป่าสมบูรณ์ สัตว์ป่าก็จะมีแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัย สุดท้ายมนุษย์ก็จะได้รับประโยชน์จากป่า ที่สำคัญผืนป่าแห่งนี้ยังเป็นต้นน้ำสำคัญของห้วยแม่พลู ห้วยตะกวด ห้วยแม่กระพร้อย และห้วยกระพร้อย คอยหล่อเลี้ยงชุมชนในพื้นที่ เรื่อยมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสิ่งนี้คือความสำคัญของการอนุรักษ์ป่าที่เห็นเป็นรูปธรรมที่สุด
อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี และอยู่ติดไปทางจังหวัดสุพรรณบุรี ถ้าหากใช้เส้นทางจากจังหวัดสุพรรณบุรีก็จะช่วยร่นระยะเวลาเดินทางลงไปได้มาก ที่นี่มีพื้นที่อุทยานน้อยที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี แต่ยังคงอุดมสมบูรณ์ที่สุดในผืนป่าตะวันตก เห็นได้จากการพบร่องรอยสัตว์ป่าอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเสือโคร่ง เสือดาว และเสือดำ ซึ่งสัตว์เหล่านี้ถือเป็นดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของป่าได้อย่างหนึ่ง ทางอุทยานฯ จึงเปิดพื้นที่อนุรักษ์บางส่วนไว้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตกลางแจ้งและชอบเดินป่า โดยมีเส้นทางเดินป่าที่น่าเดินและท้าทายไปสู่ยอดเขากำแพง ระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร บนระดับความสูง 1,250 เมตร จากระดับทะเล
จากสภาพภูมิประเทศของที่ตั้ง ทำให้อุทยานฯ มีความหลากหลายทางชีวภาพเป็นอย่างมาก โดยสามารถพบเห็นประเภทของป่าได้ถึง 4 ประเภท ตามระดับความสูง คือ ป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง โดยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเดินป่าและใช้บริการเพียงปีละ 2-3 เดือน เท่านั้น หากสนใจต้องโทรเช็คกับทางอุทยานฯ ล่วงหน้าโดยตรง เพราะการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่เดินป่า ต้องดูความเหมาะสมของสภาพอากาศด้วย
ถึงตรงนี้เราในฐานะนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติและชอบเดินป่า ต้องทำความเข้าใจและเคารพธรรมชาติ มีมารยาทในการเดินป่าและตั้งแคมป์ ที่สำคัญควรให้กำลังใจเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าด้วยนะครับ เพียงเท่านี้พวกพี่ ๆ เขาก็มีความสุขแล้ว
ติดตามสอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์
โทร. 09-5619 -8981
จัดทำโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกาญจนบุรี
เรื่อง : ไตรรัตน์ ทรงเผ่า
ภาพ : ศุภกร ศรีสกุล