[BRANDED CONTENT FOR TAIWAN TOURISM]
ทริปไต้หวันรอบนี้ National Geographic Thailand และบ้านและสวน Explorers Club จับมือกันคัดสรรจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวในแบบฉบับของเรา ที่จะชวนคุณไปให้ไกลกว่าไทเป แล้วท่องเที่ยวใน 4 เส้นทาง กับ 5 เมืองรอบเกาะไต้หวัน ที่จะได้ทั้งการสำรวจการออกแบบเมืองที่คิดถึงดีไซน์ควบคู่ไปกับธรรมชาติ ชวนไปปั่นตามเส้นทางจักรยานที่วางโครงข่ายไว้อย่างดี ชวนเดินป่าไปดูธรรมชาติทั้งบนภูเขา ชานเมือง และแม้แต่ใจกลางเมืองก็ยังมีพื้นที่อนุรักษ์ให้ผู้คนได้เห็นความสำคัญของธรรมชาติในชีวิตประจำวัน เป็นส่วนผสมใหม่ที่อยากชวนคุณท่องไปกับเรา
มาต่อกันที่เส้นทางที่ 2 ของเรากันเลย!
Route 2 : Kaohsiung City
1 วันในเกาสง – เยือนพื้นที่ชุ่มน้ำ สถาปัตยกรรมสุดล้ำ บนพื้นที่สาธารณะเพื่อทุกคน
หากจะมีเมืองไหนในไต้หวันที่น่าไปเที่ยวนอกจากเมืองหลวงอย่างกรุงไทเป เราขอแนะนำเมืองเกาสง (Kaohsiung)
เกาสงเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของไต้หวันรองลงมาจากกรุงไทเป เมืองหลวงที่อยู่ทางตอนเหนือ เมืองไถจง ที่อยู่ทางตอนกลางฝั่งตะวันตกของประเทศ โดยเกาสงนั้นเป็นเมืองใหญ่ทางตอนใต้ของประเทศที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของประเทศเช่นกัน เกาสงจึงเป็นเมืองใหญ่ที่มีความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ของไต้หวัน
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เกาสงเป็น “เมืองท่าเรือ” ที่สำคัญทางตอนใต้ของไต้หวัน จึงเป็นเมืองที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และเมืองแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นศูนย์กลางทางอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวันอีกด้วย
ด้วยความที่เป็นเมืองใหญ่และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจนี้เอง จึงทำให้เกาสงมีโครงสร้างพื้นฐาน การวางผังเมือง สิ่งอำนวยความสะดวก พื้นที่สาธารณะที่มีคุณภาพ การเดินทางที่ดีไม่แพ้กรุงไทเป มีสถานที่ท่องเที่ยวในหลากหลายรูปแบบ
ที่เมืองเกาสงมีรถไฟฟ้าใต้ดินถึง 2 สาย (สีส้มและสีแดง) และมี “รถราง” หรือ ระบบรถไฟฟ้ารางเบาวนรอบเมือง (LRT) รวมไปถึงรถประจำทางในเมือง หรือถ้ามาจากกรุงไทเป ก็สามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงไต้หวัน (THSR) ได้ โดยลงที่สถานีจั่วหยิง (Zuoying) ซึ่งเป็นสถานีปลายทาง ใช้เวลาจากกรุงไทเปเพียง 1.30 ชั่วโมงเท่านั้น โดยสถานีนี้จะเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีแดงจั่วหยิง และพาเราเชื่อมต่อไปกับรถไฟฟ้าสายต่างๆ ในเกาสง รวมไปถึงระบบเช่าจักรยานสาธารณะของไต้หวันอย่าง YouBike ซึ่งมีจุดบริการมากถึง 1,315 จุด
สำหรับการเดินทางมายังเมืองเกาสงในครั้งนี้ เรามีเวลา 1 วัน เราจึงเลือกสถานที่ท่องเที่ยวในแบบที่มีทั้งความเป็นโอเอเซิสธรรมชาติที่อยู่พื้นเดียวกันภายในเมืองใหญ่ อย่าง สวนพื้นที่ชุ่มน้ำจงตู (Zhongdu Wetland Park) และพื้นที่สาธารณะที่เป็นตัวแทนของความเป็นเมืองทันสมัยที่ใส่ใจการออกแบบสถาปัตยกรรมเมืองและพื้นที่สาธารณะอย่าง ศูนย์ศิลปะเกาสงแห่งชาติ (National Kaohsiung Center for the Arts)
สวนพื้นที่ชุ่มน้ำจงตู (Zhongdu Wetland Park) พื้นที่ชุ่มน้ำธรรมชาติ ที่อยู่ร่วมกับเมืองใหญ่ได้ สัญลักษณ์แห่งการพลิกฟื้นพื้นที่เสื่อมโทรมที่ประสบความสำเร็จ
หนึ่งในความพิเศษของเมืองเกาสงคือการมีสายรถราง หรือรถไฟฟ้ารางเบาวนรอบเมือง (LRT) ซึ่งแม้แต่เมืองหลวงไทเปเองก็ไม่มีรถรางในระดับพื้นดินเช่นนี้ เราจึงนึกสนุกลองนั่งรถรางรอบเมืองนี้ลงที่สถานี Makadao ใกล้กับแม่น้ำอ้ายเหอ (Love River) แม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านใจกลางเมืองเกาสง ซึ่งเชื่อมต่อกับทะเลโดยตรง และยังมีเส้นทางปั่นจักรยานเลียบแม่น้ำอีกด้วย
จากสถานี Makadao เราเดินเลียบแม่น้ำเพื่อแวะชมแลนด์มาร์กเล็กๆ ในสถานที่แห่งนี้คือสะพานจงตู (Zhongdu Bridge) สะพานโครงเหล็กโค้ง ทาสีแดงสดใสเห็นได้โดดเด่นแต่ไกล เป็นสะพานที่สามารถแวะชมหรือถ่ายรูปได้ ก่อนที่เราจะเดินเท้าไปยังสวนพื้นที่ชุ่มน้ำจงตูซึ่งอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ
สวนพื้นที่ชุ่มน้ำจงตูนี้ ย้อนไปเมื่อหลายสิบก่อน เคยเป็นแหล่งโรงงานผลิตไม้อัดที่สำคัญของเมือง จนกระทั่งช่วงทศวรรษ 1980 พื้นที่แห่งนี้ก็ถูกทิ้งร้าง เนื่องจากบรรดานายทุนของโรงงานพากันถอนตัวออกไป พื้นที่ใกล้แม่น้ำแห่งนี้จึงเป็นแหล่งเสื่อมโทรมและอาชญากรรมที่ไร้การพัฒนาไปพักใหญ่ จนเมื่อช่วงปี 2009-2010 เทศบาลเมืองเกาสงได้ทุ่มงบประมาณ เพื่อเริ่มวางแผนและได้ปรับปรุงให้พื้นที่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำและป่าชายเลนขนาดใหญ่ บนพื้นที่ 126,000 ตารางเมตร จนแล้วเสร็จในปี 2011 ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นพื้นที่ที่เชื่อมโยงพื้นที่สีเขียวและเปิดโล่งริมน้ำตามแม่น้ำอ้ายเหอ สร้างเป็นเครือข่ายทางเดินป่าชายเลนทางระบบนิเวศขึ้นมา
ดังนั้น ระหว่างที่เราเดินเลียบทางเดินเท้าข้างๆ สวนพื้นที่ชุ่มน้ำ ซึ่งมีถนนเพียงหนึ่งเส้นกั้นเรากับแม่น้ำอ้ายเหอไว้ เกิดเป็นภาพพุ่มไม้ป่าชายเลนเลียบขนานกันไป ช่องว่างระหว่างแมกไม้เผยให้เห็นผืนน้ำธรรมชาติในสวนขนาดย่อมที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำมาด้วย เราจึงได้เห็นทั้งนกที่บินวนอยู่ตามป่าชายเลน นกน้ำพื้นถิ่นที่อยู่ผืนน้ำในสวน และถ้าลองสังเกตดูดีๆ ก็อาจจะเห็นสัตว์ที่อยู่ระบบนิเวศป่าชายเลน เช่นสัตว์จำพวกกบ หรือปลาชนิดต่างๆ
หากได้เดินชมสวนแห่งนี้ เราแนะนำให้มาเริ่มต้นที่อาคารศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว อันเปิดอาคารที่เปิดโล่ง รับลมธรรมชาติที่พัดมาจากแมกไม้ในสวนได้เต็มที่ เมื่อขึ้นไปชั้นบนสุดเราก็จะได้เห็นภาพของบรรดาแมกไม้ในสวน ที่เหนือขึ้นไปจะเป็นภาพของตึกสูงในเมืองเกาสง ถือเป็นภาพแสดงที่เราให้เราได้เห็นว่าระบบนิเวศทางธรรมชาติขนาดใหญ่สามารถอยู่ร่วมกันกับเมืองใหญ่ได้ และจากจุดนี้เองเราจะได้พบกับสะพานแขวนที่ข้ามแหล่งน้ำขนาดใหญ่ภายในสวน และถือเป็นจุดเริ่มต้นในเส้นทางการเดินป่าเล็กๆ ในใจกลางเมืองใหญ่แห่งนี้
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติในสวนแห่งนี้มีลักษณะเป็นลูปวงกลม ระยะทาง 1.6 กิโลเมตร หรือจะเลือกปั่นจักรยานในเส้นทางจักรยานของสวนเพื่อเที่ยวชมในพื้นที่ธรรมชาติแห่งนี้ก็ได้ โดยพื้นที่สวนทั้งหมดนี้ได้ผสมผสานระบบนิเวศตามธรรมชาติกับวิถีชีวิตของผู้คน ซึ่งบูรณาการระบบนิเวศตามธรรมชาติเข้ากับวิถีชีวิตของประชาชน ช่วยเชื่อมโยงมนุษย์กับธรรมชาติ นำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชาวเมือง และทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้มีโอกาสได้สัมผัสวิถีชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติแบบนี้เช่นเดียวกับชาวเมืองเกาสงไปด้วย
สำหรับวิธีการเดินทาง แนะนำรถรางสายสีเขียว ลงที่สถานี Makadao แล้วเดินต่อประมาณ 1.5 กิโลเมตร เพื่อเดินไปแวะชมสะพาน Zhongdu bridge ระหว่างทางก่อนเข้าชมสวน หรือถ้าไม่อยากเดินไกล ลงที่สถานีรถราง Museum of Fine Arts เดินต่ออีกประมาณ 1.5 กิโลเมตรเช่นกัน แต่ที่สถานีนี้จะมีจุดบริการเช่าจักรยาน Youbike ที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากปั่นจักรยานต่อไปที่สวน
ศูนย์ศิลปะแห่งชาติเกาสง (National Kaohsiung Center for the Arts) สถาปัตยกรรมสุดล้ำ บนพื้นที่สาธารณะเพื่อทุกคน
จากพื้นที่ชุ่มน้ำในเมืองใหญ่ เพื่อให้การเดินทางของเราครั้งนี้ได้สัมผัสทุกมุมมองชองเมืองเกาสง เราเลือกเดินทางต่อมาที่ศูนย์ศิลปะแห่งชาติเกาสง (National Kaohsiung Center for the Arts) โดยรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีแดง Weiwuying ซึ่งทางออกสถานีจะพาเรามาที่ศูนย์ศิลปะแห่งนี้ได้พอดิบพอดี
ศูนย์ศิลปะแห่งนี้เป็นศูนย์การแสดงศิลปะการแสดงที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน และเป็นที่ตั้งโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในโลกในอาคารหลังเดียว สร้างขึ้นบนพื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตร และมีพื้นที่ใช้สอยในตัวอาคาร (floor area) กว่า 33,000 ตารางเมตร ด้านในศูนย์ศิลปะแห่งนี้มีทั้งโรงละครโอเปรา, หอแสดงคอนเสิร์ต, โรงละครขนาดเล็ก, จุผู้ชมได้มากกว่าพันคน, หอแสดงดนตรี และยังมีโรงละครกลางแจ้งทางด้านใต้ ที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 30,000 คน
ศูนย์แห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชาวดัตช์ Francine Houben โดยเขาได้สร้างสรรค์งานออกแบบเป็นอาคารที่มีความเป็นเอกลักษณ์และสวยงามด้วยรูปทรงโค้งรูปคลื่นพื้นผิวสีขาว ผสานกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง โดยอาคารนี้ออกแบบให้สามารถผู้คนเข้าถึงได้จากทุกทิศทาง
ดังนั้น ในตอนที่เราได้ไปเยือนศูนย์แห่งนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ ที่ไม่ได้มีการแสดง สังเกตจากประตูเข้าอาคารที่ปิดเอาไว้ แต่พื้นที่รอบๆ อาคารกลับมีชีวิตชีวาด้วยชาวเมืองเกาสงที่เข้ามาทำกิจกรรมอันหลากหลายภายใต้งานสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ศูนย์ศิลปะแห่งนี้จึงทำหน้าที่เป็นพื้นที่สาธารณะในร่มซึ่งชาวเมืองสามารถเข้ามาใช้งานและพักผ่อนหย่อนใจตามความสะดวกของตัวเอง และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลความเรียบร้อยให้เป็นอย่างดี
หรือถ้าอยากออกมาพื้นที่กลางแจ้งเพื่อสัมผัสชีวิตชาวเมืองเกาสงอย่างใกล้ชิด ในพื้นที่ติดกัน เป็นที่ตั้งของสวนสาธารณะเว่ยอู่หยิง (Weiwuying Metropolitan Park) สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว่า 47,000 ตารางเมตร
สวนสาธารณะเว่ยอู่หยิงเป็นสวนสาธารณะเชิงนิเวศในเขตเมือง (Ecological metropolitan park) ประกอบด้วยหลายโซน เช่น โซนต้นไม้ ทะเลสาบ สนามเด็กเล่น เป็นต้น โดยในพื้นที่สวนแต่ละโซนในสวนมีกิจกรรมและประสบการณ์ที่หลากหลายให้ผู้มาเยือน เช่น การเดินเล่นในพื้นที่สวนใต้ร่มไม้ใหญ่ การขี่จักรยานชมสวน การปิกนิก ความใกล้ชิดของสวนเมืองเว่ยวู่หยิง กับศูนย์ศิลปวัฒนธรรมแห่งชาติเกาสง ยิ่งเพิ่มความสำคัญทางวัฒนธรรมและดึงดูดใจให้กับนักท่องเที่ยวที่แสวงหาความผสมผสานระหว่างธรรมชาติและวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี
สำหรับวิธีการเดินทาง เราแนะนำให้ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินเมืองเกาสงสายสีแดง ลงที่สถานี Weiwuying ทางออกที่ 6 แล้วเดินเท้าเข้าชมศูนย์ศิลปะและสวนสาธารณะได้เลย หรือถ้าอยากเช่าจักรยาน YouBike เพื่อปั่นเที่ยวชมบริเวณโดยรอบ ก็สามารถใช้บริการที่จุดเช่าบริเวณทางออกที่ 3 หรือ 4 ของสถานีรถไฟได้เช่นกัน
การท่องเที่ยวของเรายังไม่จบเพียงเท่านี้ โปรดติดตามการเดินทางของเราในอีก 2 เส้นทาง ที่ทำให้เราตกหลุมรักไต้หวันยิ่งขึ้น!
#การท่องเที่ยวไต้หวัน #TaiwanTourismTH #Taiwan #Kaohsiung #WestCoast
เรื่อง เกียรติศักดิ์ หมื่นเอ
ภาพ ธนายุต วิลาทัน