[BRANDED CONTENT FOR TAIWAN TOURISM]
ไถหนาน คือเมืองที่เราเลือกไปเยือน “Walk and Bike to the Unseen of Taiwan – ปั่นได้ฟีล ท่องวิวใหม่ที่ไต้หวัน” โดย บ้านและสวน Explorers Club และ National Geographic Thailand จับมือกับ การท่องเที่ยวไต้หวัน ด้วยความตั้งใจจะลองไปรู้จักไต้หวันให้ไกลกว่าไทเป กับ 4 เส้นทางใน 5 เมืองรอบเกาะไต้หวัน ซึ่งเราคัดสรรและอยากชวนคุณไปค้นหาไต้หวันในมุมใหม่ตามแบบฉบับของเรา
เราปักหมุดหมายชมเมืองที่ไม่ค่อยมีใครนึกถึงเป็นที่แรก ๆ เลือกสถานที่จากความสนใจเรื่องงานออกแบบสถาปัตยกรรมที่ดี สถานที่ที่สามารถเป็นกรณีศึกษาเรื่องการพัฒนาพื้นที่สาธารณะของเมือง และพื้นที่ทางธรรมชาติที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับการเรียนรู้และพักผ่อนหย่อนใจ ตามแผนแม่บทการพัฒนาเมืองของไต้หวัน ที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมเชิงนิเวศวิทยา ควบคู่ไปกับการวางผังเมืองอย่างเป็นระบบนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 เป็นต้นมา
ไถหนาน (Tainan City) ซึ่งตั้งอยู่ทางชายฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะไต้หวัน นั้นยิ่งกว่าเข้าข่ายเมืองในฝันของเราเสียอีก เพราะที่นี่เป็นอดีตเมืองหลวงของไต้หวันในห้วงเวลายาวนานกว่า 225 ปี ช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1662-1887 เป็นจังหวัดเก่าแก่ที่สุดของไต้หวัน และเป็นจังหวะพอเหมาะพอดีที่ปีนี้ไถหนานมีอายุครบ 400 ปีเต็ม ด้วยเหตุผลนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่ไถหนานจะมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากมายให้เราได้ตามไปสำรวจ แต่ในขณะเดียวกันความสวยงามของเมืองและสถาปัตยกรรมยุคใหม่ก็ไม่น้อยหน้าใคร คุณสามารถเช่าจักรยาน YouBike ปั่นเที่ยวบ้านชมเมืองได้ไม่เบื่อ หรือถ้ากลัวเบื่อก็ยังมีพื้นที่ริมชายฝั่งของเมืองที่สามารถนั่งรถออกไปชมธรรมชาติได้ไม่ยาก
เราเดินทางไปช่วงต้นเดือนเมษายน บินตรงจากไทยสะดวกง่ายดาย และสามารถเดินทางไปไถหนานได้หลายวิธีตามความพอใจ จะนั่งรถไฟจากสนามบินเถาหยวน ไปสถานีเถาหยวน แล้วต่อรถไฟความเร็วสูงไต้หวัน (THSR) มุ่งตรงไปถึงไถหนานในเวลาแค่ 1.40 ชั่วโมง เช่ารถยนต์ขับไปเอง หรือเช่ารถเหมาคันสำหรับ 4-6 คนแบบพวกเราก็สะดวกไปอีกแบบ ถ้าคุณชอบปั่นจักรยานเที่ยว ชอบส่องสถาปัตยกรรม ชอบท่องธรรมชาติที่น่าสนใจ และหากคุณกำลังวางแผนไปเที่ยวไต้หวัน ‘ไถหนาน’ คือหนึ่งในเมืองที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมเยือน
4 ชั่วโมงบนทางด่วนจากเถาหยวนในช่วงบ่าย เรามาถึงไถหนานช่วงหัวค่ำ แล้วออกสำรวจบริเวณโดยรอบตัวเมืองย่าน West Central District ที่เราพักแรม แวะตลาดกลางคืนแล้วกลับมานอนเอาแรงเพื่อไปลุยเก็บจุดหมายที่เราตั้งใจไปถึงให้ครบถ้วนในวันรุ่งขึ้น โดยมี Tainan Spring เป็นจุดหมายแรกเมื่อฟ้าสาง เนื่องจากที่พักของพวกเราตั้งอยู่ห่างออกไปเพียง 200 เมตรเท่านั้น
Tainan Spring เป็นพื้นที่สาธารณะใจกลางเมืองที่ MVRDV บริษัทสถาปนิกสัญชาติดัตช์ที่มีชื่อเสียง ทำงานร่วมกับ Urban Development Bureau หน่วยงานพัฒนาเมืองของรัฐบาลท้องถิ่นประจำไถหนาน เพื่อฟื้นชีวิตอดีตห้างสรรพสินค้าติดทำเลชายคลองอย่าง China-Town Mall ขึ้นใหม่อีกครั้ง หลังจากถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1983 ก่อนปิดกิจการลงในปี ค.ศ. 2016 โดยเป็นการปรับปรุงภูมิทัศน์มาจากลานจอดรถชั้นใต้ดินเดิมของห้างให้เป็นจัตุรัสที่มีลักษณะแกนยาว
เริ่มต้นจากถนนไห่อัน (Haian Road) ถนนเลียบชายฝั่งคลองช่วงรอยต่อของเขตจงซี กับเขตอันผิง (Anping District) ลอดผ่านถนนจินฮว๋า (Jinhua Road) ไปจนจรดจุดบรรจบของถนนจงเจิ้ง (Jhongjheng Road) มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 54,600 ตารางเมตร ประกอบด้วยเนินและสระทอดยาว สลับป่าคอนกรีตจากโครงสร้างอาคารของอดีตศูนย์การค้า มีระดับน้ำมากน้อยสลับกันโดยผันแปรตามฤดูกาล เปิดน้ำเย็นในฤดูร้อน เปิดน้ำอุ่นในฤดูหนาว เช่นเดียวกับไอน้ำที่ใช้อย่างประหยัดไม่ได้เปิดทิ้งไว้ตลอดเวลา ทางลอดใต้สะพานอาจมีบางช่วงที่คนตัวสูงใหญ่ต้องเดินก้มหัวเพื่อเอาตัวผ่านไป มีการปลูกต้นไม้เพิ่มความสดชื่นพร้อมช่วยลดความแข็งกระด้าง ทำหน้าที่เชื่อมต่อเมืองกับผู้คนเข้าหากันได้อย่างดี
ปัจจุบันสวนน้ำใจกลางเมืองแห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลโดยหน่วยงานพัฒนาเมืองของรัฐบาลท้องถิ่น มีสถานะเป็นสระน้ำกลางแจ้งของเด็กน้อยวัยซน ไปจนถึงลานนั่งพักกายพักใจของผู้ใหญ่ต่างวัย ซึ่งเราจะเห็นผู้คนมาวิ่งเล่น นอนแช่ตัวในสระ นั่งเล่นมือถือหลบแดดอยู่ใต้สะพานได้ตั้งแต่ช่วงสายของวันไปจนพลบค่ำ
Tainan Spring คือตัวอย่างของการพัฒนาพื้นที่สาธารณะ (public space) ของไต้หวันที่น่าสนใจอย่างมาก เป็น Public Water Park จากเศษซากอดีตห้างสรรพสินค้า ที่กลายมาสู่สวน (น้ำ) สาธารณะเพื่อคนทุกวัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นหนึ่งจากหลากหลายกรณีศึกษาด้านแผนแม่บทการพัฒนาเมืองของไต้หวัน ที่เป็นการสะท้อนแง่มุมของการเล็งเห็นวิธีใช้ประโยชน์จากสิ่งปลูกสร้างที่หมดวาระ ไม่ให้ตั้งอยู่อย่างเป็นภาระ แต่กลายเป็นพื้นที่สาธารณะของผู้คนในชุมชนโดยรอบนับตั้งแต่เปิดใช้งานในปี ค.ศ. 2020
นับเป็นความสวยงามของซากปรักหักพังที่แท้จริง
ถ้าคุณชอบดูงานสถาปัตยกรรมของสถาปนิกระดับโลกและเอเชีย พอๆ กับชอบเข้าพิพิธภัณฑ์ชมงานศิลปะ ย่อมไม่ควรพลาดกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะไถหนาน (Tainan Art Museum) อาคารหลัง 2 ที่ Shigeru Ban สถาปนิกชาวญี่ปุ่นเจ้าของรางวัล Pritzker Architecture Prize ออกแบบร่วมกับ Shi Zhao Yong ภายหลังชนะการประกวดแบบในปี ค.ศ. 2014 ซึ่งรัฐบาลท้องถิ่นของไถหนานได้มีการเปิดโอกาสให้สถาปนิกต่างชาติร่วมประกวดแบบ เพื่อหาทางเลือกที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับตัวอาคารศิลปะไถหนานหลังใหม่ เพื่อการขับเคลื่อนและพัฒนาแวดวงศิลปะของไต้หวันให้ก้าวหน้า
เจ้าก้อนอาคารสีขาวโพลนนี้มีโครงสร้างหลังคาทรงห้าเหลี่ยม ตั้งเด่นเป็นสง่าใจกลางย่านถนนจงยี่ (Zhongyi Road) เขตจงซี โดยแสดงออกถึงรูปลักษณ์ของต้นไม้ชนิดหนึ่ง ถ้าไม่บอกคุณดูออกหรือไม่ว่าเป็นต้นอะไร คำตอบคือ หางนกยูงฝรั่ง (Royal Poinciana) ต้นไม้ประจำเมืองไถหนาน
Ban ออกแบบโครงสร้างหลังคาให้ยื่นออกมาปกคลุมห้องแสดงนิทรรศการ และจัดวางตัวอาคารให้มีระดับสูงต่ำลดหลั่นกันเป็นชั้น ละม้ายตัวอาคารหันหน้าออกสู่ทุกทิศทาง โดยมีขั้นบันไดและระเบียงกลางแจ้ง กระจายตัวเป็นทางเชื่อมพื้นที่ภายนอกเข้าสู่ภายในอาคารได้หลากหลายช่องทาง
ด้วยสภาพตึกรามบ้านช่องใจกลางเมืองที่หนาแน่นมากพอแล้ว สถาปัตยกรรมของ Ban จึงเป็นเพียงอาคารโทนสีและรูปฟอร์มที่ดูเรียบง่าย แต่แอบหวือหวาเบา ๆ เพราะเขาตั้งใจจะลดความแข็งกระด่าง ชวนผ่อนคลายเวลาคนมองเข้ามาที่ตัวอาคาร ทั้งยังทำให้ตัวอาคารดูถ่อมตนแม้เป็นอาคารหลังใหญ่ท่ามกลางทิวทัศน์ของเมืองที่หนาแน่นอีกด้วย
ใครปั่นจักรยานชมเมืองแบบเรา ที่นี่มีสถานี YouBike อยู่ด้านหลังอาคาร เป็นจุดเช่าและคืนได้อย่างสะดวก ส่วนใครมีเวลามากหน่อย แนะนำให้ลองเข้าไปสำรวจภายในอาคารที่โอ่โถงมาก ๆ และประกอบด้วยโรงละครและพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการขนาดรวมกว่า 2,508 ตารางเมตร วางซ้อนกันอยู่ในอาคาร 5 ชั้น พร้อมห้องจัดแสดงผลงานจิตรกรรม ประติมากรรมจากศิลปินไต้หวันและต่างชาติมากมาย และอย่าพลาด (เหมือนเรา) ไปชมอาคารพิพิธภัณฑ์หลังแรก อาคารสไตล์อาร์ตเดโคที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1931 และเคยใช้งานเป็นอาคารสำนักงานตำรวจประจำเมืองไถหนานมาก่อน
ใครชอบงานศิลปะร่วมสมัย ศิลปะแบบคลาสสิก และศิลปะอิมเพรสชันนิซึมของศิลปินชื่อก้องต้องมาเยือนพิพิธภัณฑ์ฉีเหม่ย (Chimei Museum) บนถนนเหวินหัว (Wenhua Road) ย่าน Rende District ที่ มาเรีย ณ ไกลบ้าน บล็อกเกอร์เจ้าของเพจ สะพายกล้องท่องเที่ยว กับ มาเรีย ณ ไกลบ้าน ที่ร่วมทริปมากับเราบอกว่า ดีไม่แพ้เที่ยวพิพิธภัณฑ์ในยุโรป
พิพิธภัณฑ์ฉีเหม่ยก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1990 โดย Shi Wen-Long นักธุรกิจและนักสะสมงานศิลปะเจ้าของบริษัท Chi Mei Corporation ที่นี่รวบรวมงานศิลปะจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 4,000 ชิ้น จัดแสดงอยู่ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ โดยแบ่งออกเป็น 5 หมวดหมู่
อาทิ งานประติมากรรม ภาพวาด เครื่องดนตรีเก่าแก่ ฟอสซิลและโมเดลกระดูกสัตว์โบราณ อาวุธและชุดเกราะนักรบโบราณ โดยแบ่งโซนจัดแสดงออกเป็น 2 ส่วน คือ โซนนิทรรศการงานศิลปะทั่วไป และโซนนิทรรศการงานศิลปะพิเศษที่จัดแบบหมุนเวียน ส่วนพื้นที่บางส่วนบริเวณส่วนกลาง หรือ Sculpture Hall ภายในห้องจัดแสดงไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป
เราเก็บภาพตัวอาคารภายนอกและพื้นที่ภายในบางส่วนที่ได้รับอนุญาตให้บันทึกภาพกลับมาเล็กน้อย สถาปนิก Tsai Yi-cheng ออกแบบอาคารพิพิธภัณฑ์แห่งนี้โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุค Renaissance หรือสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ช่วงศตวรรษที่ 15 และ 16 ที่มีสัดส่วนสมมาตร มีเสาโรมันสูงเด่นเป็นเอกลักษณ์เข้ากับซุ้มโค้ง และโดมมุขสุดคลาสสิกฉบับสถาปัตยกรรมเรอแนซ็องส์ (Renaissance architecture) อย่างแท้จริง ทั้งหมดนี้สร้างขึ้นด้วยเม็ดเงินสูงถึงสองพันล้านดอลลาร์ไต้หวัน
ใครอยากมาเยือน แต่ไม่อยากปั่นจักรยานกลางแดด ไม่ได้เช่ารถแบบเรา ก็สามารถนั่งรถไฟมาลงสถานี TRA Bao-an แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อยก็ถึงแล้ว
หนีเมืองเข้าสู่โหมดธรรมชาติ เปลี่ยนบรรยากาศเข้าหาจุดชมวิวและทิวทัศน์ เริ่มต้นท่องเส้นทางธรรมชาติกันที่อุโมงค์ซื่อเฉ่า (Sicao Green Tunnel) ใกล้ปากแม่น้ำชีกู่ ในเขตอุทยานแห่งชาติไถเจียง (Taijiang National Park) ทางแถบชายฝั่งทะเลของไถหนานซึ่งห่างจากตัวเมืองราว 30 นาที
ที่นี่เป็นอุโมงค์ป่าโกงกาง หรือ Mangrove Tunnel ระยะทางสั้น ๆ ใช้เวลาในการล่องเรือไปชมหนึ่งรอบไป-กลับอยู่ราว ๆ ครึ่งชั่วโมง อุโมงค์ซื่อเฉ่าได้ชื่อว่าเป็น “Mini Amazonia” หรือแม่น้ำอเมซอนสายน้อยแห่งไต้หวัน มีบริการเสื้อชูชีพและหมวกให้พร้อมสรรพ โดยเฉพาะเสื้อชูชีพเป็นกฎข้อบังคับว่าทุกคนต้องใส่ก่อนออกเรือ ระหว่างล่องเรือยางลอดอุโมงค์บางช่วงจะเห็นหลังคาของ Sicao Dazhong Temple โผล่เหนือเรือนยอดป่าโกงกาง และบรรดานกและสัตว์น้ำแสดงตัวให้เห็น แต่อย่ามัวแต่ถ่ายรูปเพลินจนลืมก้มหัวหลบกิ่งก้านสาขาของต้นโกงกางด้วยล่ะ อย่าหาว่าไม่เตือน!
เข้าสู่เขตอุทยานแห่งชาติชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ (Southwest Coast National Scenic Area) กันบ้าง ดินแดนแห่งการเกษตรและการประมงที่นี่มีจุดชมวิวแห่งชาติชายฝั่งทะเลหยุนเจียหนาน ซึ่งไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
หยุนเจียหนาน ที่มาของชื่อคืออาณาเขตของพื้นที่ราบชายฝั่งที่ทอดยาวกินแดน 8 อำเภอริมชายฝั่งทะเลใน 3 เมืองของเกาะไต้หวัน ครอบคลุมหยุนหลิน, เจียอี้ และไถหนาน ดินแดนแรกที่เป็นต้นกำเนิดประเทศไต้หวันเมื่อร้อยปีก่อน
นับเฉพาะเขตไถหนานก็มีสถานทีท่องเที่ยวให้เลือกนับไม่ถ้วน อาทิ ทะเลสาบน้ำเค็มชีกู่ (Qigu Lagoon) ศูนย์จัดแสดงนกปากช้อนหน้าดำ (Black-faced Spoonbill Ecology Exhibition Hall) เขตอนุรักษ์นกปากช้อนหน้าดำ (Black-faced Spoonbill Reserve) เป็นต้น ด้วยความโดดเด่นเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางธรรมชาติและการประมงชายฝั่ง เป็นแหล่งสารอาหารจากตะกอนของแม่น้ำหลายสายที่ไหนมารวมกัน เป็นย่านอุตสาหกรรมเกลือที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาที่ดินใหม่โดยการถมทะเล เป็นนิคมอุตสาหกรรมประมงท้องถิ่น เป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไต้หวัน และเป็นพื้นที่อนุรักษ์พันธ์สัตว์น้ำ รวมถึงแหล่งดูนกอพยพในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะ นกปากช้อนหน้าดำ
ได้ชื่อว่าเป็นย่านอุตสาหกรรมเกลือ ดังนั้นไฮไลต์ของจุดเช็คอินยอดนิยมของคนมาที่นี่ย่อมหนีไม่พ้น ภูเขาเกลือชีกู่ (Qigu Salt Mountains) ภูเขาอันเกิดจากการทับถมกันของก้อนเกลือรวมกันจนมีขนาดมหึมาราว 1 เฮกเตอร์ สามารถขึ้นไปเดินเล่นถ่ายรูปชมวิวมุมสูงกันได้อย่างเพลิดเพลิน
ถ่ายรูปหนำใจ อยากแนะนำให้ไปปั่นจักรยานรอบ ๆ พิพิธภัณฑ์เกลือไต้หวัน (Taiwan Salt Museum) ที่อยู่ไม่ไกลกันสักหน่อย เรียกว่าใกล้ขนาดมองเห็นจากบนยอดภูเขาเกลือเลยล่ะ แม้ตอนนี้พิพิธภัณฑ์เกลือไต้หวันจะอยู่ในช่วงปิดปรับปรุง ก็ยังน่าแวะไปเก็บภาพ ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์เกลือแห่งแรกของไต้หวัน โดดเด่นด้วยตัวอาคารทรงพีระมิด ภายในจัดแสดงเรื่องราวและวัตถุที่บอกเล่าเรื่องราวในอุตสาหกรรมเกลือของไต้หวันไว้สมบูรณ์มากที่สุด
ก่อนตะวันจะตกดิน ตกน้ำ หรือลาลับขอบฟ้า ช่วงเวลา 5 โมงเย็น เป็นเวลาที่พอเหมาะพอดีสำหรับการไปโบกมือลาส่งพระอาทิตย์กลับบ้าน เฝ้ามองแสงตะวันอ่อนคล้อยริมชายฝั่งทะเล และเก็บภาพแสงเงาของดวงตะวันสะท้อนนาเกลือที่ นาเกลือกระเบื้องจิ่งไจ๋เจี่ยว (Jingzaijiao Tile-paved Salt Fields) ในเขตเป่ยเหมิน (Beimen District) ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1818
นาเกลือกระเบื้องจิ่งไจ๋เจี่ยว มีความน่าสนใจตรงการที่ชาวนาเกลือนำแผ่นกระเบื้องแตกมาปูบนพื้นนา รองพื้นไม่ให้ผลึกเกลือติดกับหน้าดิน ซึ่งเป็นกรรมวิธีช่วยรักษาผลึกเกลือให้ดูใสบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
คราวนี้เมื่อแผ่นกระเบื้องจมอยู่ใต้น้ำทะเลถูกแสงตะวันสาดกระทบในช่วงเย็นจนเกิดผลึกสะท้อนเป็นสีสันสวยงาม ได้กลายมาเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นาเกลือกระเบื้องจิ่งไจ๋เจี่ยวถูกพูดถึง และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกยอดนิยมของคนไต้หวันและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนไถหนาน
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากหลากหลายความน่าสนใจของนานาสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไถหนาน หากคุณมีเวลามากพอ คุณก็มีโอกาสรู้จักไถหนานในมุมใหม่ ๆ ได้อีกมากมาย และคงได้เขียนเรื่องเล่ายาวมากกว่าเราอีกสักหน่อย แต่หากยังไม่รู้จะไปที่ไหน จะตามรอยพวกเราก็ไม่ว่า
จบเรื่องไถหนานไว้เพียงเท่านี้ แต่ยังคงมีเรื่องให้ติดตามอ่านจากทริป “Walk and Bike to the Unseen of Taiwan – ปั่นได้ฟีล ท่องวิวใหม่ที่ไต้หวัน” อีก 3 เส้นทางรออยู่ ติดตามได้ที่ช่องทางการสื่อสารของพวกเรา บ้านและสวน Explorers Club และ National Geographic Thailand ทั้งในรูปแบบเว็บไซต์และเฟซบุ๊ค
เรื่องและภาพ นวภัทร ดัสดุลย์ (บ้านและสวน Explorer Club)
#การท่องเที่ยวไต้หวัน #TaiwanTourismTH #Taiwan #Kaohsiung #WestCoast