ในทุกๆ วัน แมวบ้าน และแมวจรที่เดินเร่ร่อนอยู่ทั่วไป ทำอะไรบ้าง จากงานศึกษาชิ้นใหม่พบว่า พวกมันอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสัตว์ป่าท้องถิ่น
ผลจากการติดเครื่องติดตามตัวกับแมวบ้านกว่า 900 ตัว แสดงให้เห็นว่า เมื่อพวกมันอยู่นอกบ้าน มันล่าทั้งนกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในพื้นที่ที่แมวตัวนั้นครอบครอง และส่งผลกระทบมากกว่าสัตว์ผู้ล่าตามธรรมชาติ
“แม้ดูเหมือนว่า พวกแมวไม่ได้ฆ่าสัตว์เป็นจำนวนมาก แต่จริงๆ แล้วเมื่อเทียบเป็นประชากรเหยื่อต่อพื้นที่ ก็ถือว่ามากอยู่” โรแลนด์ เคย์ส นักวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาสเตต และพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาในนอร์ทแคโรไลนา กล่าว
เคย์สและคณะเก็บรวบรวมข้อมูลจีพีเอส (GPS) จากแมวบ้านในหกประเทศ และพบว่า แมวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นไกลจากบ้านของมัน
“แมวเหล่านี้ เดินป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆ สวนหลังบ้านของมัน หรือไม่ก็ สวนของเพื่อนบ้านที่ถัดไปสองหลัง ไม่ค่อยเคลื่อนที่ไปไกลมากกว่านี้” เคย์สกล่าวและเสริมว่า “ดังนั้น ตอนแรกผมคิดว่า เป็นเรื่องน่ายินดี ที่พวกมันไม่ได้เข้าไปเขตป่าสงวน”
หลังจากนั้น เคย์สวิเคราะห์จำนวนสัตว์ที่ถูกแมวฆ่าในพื้นที่ที่พวกมันครอบครอง บางพื้นที่พบว่า แมวคาบซากนกกลับมาบ้านจำนวน 11 ตัว รวมถึงสัตว์ฟันแทะ กิ้งก่า และยังไม่นับรวมสัตว์ที่พวกมันไม่คาบกลับมาหรือกินไปแล้ว
ภาพประกอบ Kays และคณะ Movebank Data Repository.
“มันเป็นจำนวนที่มากอยู่พอสมควร เมื่อคิดในแง่จำนวนประชากรต่อพื้นที่ และเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีสำหรับเหยื่อของแมวที่อาศัยอยู่ในละแวกที่แมวครอบครอง” เขาอธิบายเพิ่มเติม
เมื่อเขาคำนวนเปรียบเทียบจำนวนการล่าของแมวบ้านกับสัตว์ผู้ล่าตามธรรมชาติ พบว่า แมวบ้านมีอัตราการล่ามากกว่าสี่ถึงสิบเท่า ผู้ล่าตามธรรมชาติ อย่างแมวป่าทั้งหลายนั้น มีจำนวนการล่าที่มากเช่นกัน แต่พื้นที่การหากินกว้างกว่าแมวบ้าน
“ความกังวลอย่างหนึ่ง คือพื้นที่ทับซ้อนของประชากรมนุษ์ที่เลี้ยงแมวกับพื้นที่หากินของแมวป่าตามธรรมชาติ ซึ่งมีขนาดเล็กและเปราะบางมากกว่า” เคย์สกล่าว
การศึกษาชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นว่า ทั้งแมวบ้านและแมวจรฆ่าสัตว์ปีกจำนวนกว่าล้านตัวในแต่ละปี
“สิ่งง่ายๆ ที่คุณทำได้คือ เลี้ยงแมวไว้ในบ้านของคุณ”
ส่วนใครที่ไม่เห็นด้วยที่จะเลี้ยงแมวในระบบปิด นี่คือทางเลือกที่มีประสิธิภาพ
ซูซาน วิลล์สัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเซนต์ลอว์เรนซ์ ได้ช่วยเหลือแมวชื่อ กอริลลา ในช่วงแรก มันปรับตัวเข้ากับแมวที่ฉันเลี้ยงไว้ไม่ได้ ฉันจึงตัดสินใจให้กอริลลาอยู่พื้นที่นอกบ้าน แต่หลังจากนั้น ฉันก็พบว่า กอริลลนำซากนกกลับมาฝากฉัน
“ฉันเป็นนักปักษีวิทยา การกระทำของกอริลลาเป็นเรื่องที่ฉันรับไม่ได้” เธอกล่าว
วิลล์สันลองใส่ปลอกคอที่มีกระดิ่ง แต่ก็ยังไม่ได้ผล ดังนั้นเธอจึงลองมาหาปลอกคอที่สีสันฉูดฉาดจากร้านค้าออนไลน์
“ปลอกคอที่ฉันได้มามีขนาดใหญ่และสีสีนฉูดฉาด ดูเหมือนกับคอเสื้อของสตรีในราชวงศ์อังกฤษ” เธอกล่าวและเสริมว่า “แนวความคิดคือ เพื่อให้นกมองเห็นปลอกคอขนาดใหญ่ได้ก่อนที่แมวจะเข้าโจมตี”
วิลล์สันทดลองใช้ปลอกคอชนิดนี้กับแมวของเธอและแมวบ้านอีกสิบสองตัว พบว่า จำนวนนกที่ถูกล่าจากแมวบ้านลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่สัตว์ฟันแทะขนาดเล็กไม่โชคดีเหมือนนก
“ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่น่าแปลกใจ เพราะว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม [เหล่านั้น] มองเห็นเป็นสีขาวดำ” เธออธิบาย “การมองเห็นของพวกมันไม่ดีเหมือนนก”
แต่กระนั้น เธอกล่าวว่า การป้องกันไว้ได้บางส่วนก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
“ฉันไม่ได้บอกว่าปลอกตอแบบนี้สามารถป้องกันการล่านกได้ทุกตัว” เธอกล่าวและเสริมว่า “แต่การเจอนกที่มีชีวิตในสวนหลังบ้านของเรา ฉันคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ”
ตั้งแต่การทดลองครั้งนั้น แมวขงอวิลล์สันก็เลิกออกไปเพ่นพ่านนอกบ้าน
“ตอนนี้ กอริลลามีความสุขกับการอยู่ในบ้าน และมันก็ดูพอจในชีวิตของมัน” เธอกล่าว
เรื่อง: JONATHAN LOSOS
ภาพถ่าย: HEIDY KIKILLUS
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ: คำแนะนำจากสัตวแพทย์เกี่ยวกับข้อดีของการเลี้ยงแมวระบบปิด