มิเกล กอร์เรีย ชี้ไปที่พื้นทะเล ฉันมองตาม แล้วส่ายหัว เขาจิ้มนิ้วสวมถุงมือรัวๆ ที่จุดเดิม ฉันว่ายเข้าไป ใกล้ขึ้น เพ่งมองหาจริงจังกว่าเดิม นั่นไง ซุกอยู่ในกอสาหร่ายตรงที่ฉันมองหามาแต่แรกนั่นเอง ม้าน้ำ จมูกยาวชนิด Hippocampus guttulatus สูง 76 มิลลิเมตร สีเหลืองอมน้ำตาล มีจุดกระสีเข้มประปราย และก้านผิวหนังตั้งเรียง เป็นแผงคอ
ต่อมาในการดำไดฟ์เดียวกัน ฉันยังเห็นญาติจมูกสั้นของเจ้าตัวแรก (เพราะมีคนชี้ให้ดูเช่นกัน) นั่นคือHippocampus hippocampus ม้าน้ำพื้นถิ่นอีกชนิดในทะเลสาบน้ำเค็มชื่อ รีอาฟอร์โมซา บนชายฝั่งของโปรตุเกส ในน่านน้ำชายฝั่งของทุกทวีป ยกเว้นแอนตาร์กติกา เราพบปลาที่เป็นตำนานเล่าขานชนิดนี้หลากหลายชนิด นักวิทยาศาสตร์ระบุชนิดพันธุ์ม้าน้ำได้ 46 ชนิดทั่วโลก และจำนวนดังกล่าวมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ลำพังในช่วงสิบปี ที่ผ่านมา ก็มีการระบุชนิดพันธุ์ใหม่ๆ ได้อีกสี่ชนิดแล้ว
ไม่นานมานี้เอง รีอาฟอร์โมซาซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคอัลการ์ฟของโปรตุเกส เป็นบ้านของม้าน้ำจำนวนมากถึง สองล้านตัว กอร์เรีย นักชีววิทยาที่มหาวิทยาลัยศูนย์สมุทรศาสตร์อัลการ์ฟ กล่าว เขากับเพื่อนร่วมงานเพาะพันธุ์และศึกษาสัตว์ชนิดนี้ในอาคารริมน้ำหลังเล็ก และได้เห็นประชากรของทั้งสองชนิดพันธุ์ลดลงอย่างฮวบฮาบ “เราสูญเสียไปมากถึงร้อยละ 90 ในเวลาไม่ถึง 20 ปีครับ” เขาบอก
การดิ่งลงของประชากรม้าน้ำเหมือนจะเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ส่วนหนึ่งเพราะม้าน้ำใช้ชีวิตอยู่ตามถิ่นอาศัย ในทะเลที่ถูกย่ำยีหนักที่สุดในโลก รวมถึงบริเวณปากแม่น้ำ ป่าชายเลน ดงหญ้าทะเล และแนวปะการัง ตัวการก่อความเสียหายร้ายแรงที่สุดทั่วโลก คือการทำประมงไร้การควบคุมที่หล่อเลี้ยงธุรกิจค้าม้าน้ำแห้ง เมื่อถูกกวาดจับจากก้นทะเลขึ้นมาในฐานะสัตว์พลอยได้ หรือการจับได้โดยบังเอิญในอวนลากหน้าดินและเครื่องมือประมงที่จับสัตว์น้ำได้ทุกขนาดชนิดอื่น ม้าน้ำจะถูกขายทั่วโลกเพื่อใช้ทำยาจีนแผนโบราณและของประดับกระจุกกระจิก ส่วนม้าน้ำที่ขายแบบเป็นๆ ในธุรกิจค้าปลาสวยงามมีจำนวนน้อยกว่ามาก
เสน่ห์ดึงดูดของม้าน้ำนั้นเห็นได้ง่ายๆ จากรูปลักษณ์ลูกผสมสุดแปลกที่ดูเหมือนยืมจากสัตว์อื่นหลายชนิด คือได้หัวมาจากม้า ตาสองข้างที่ทำงานเป็นอิสระจากกันกับทักษะการพรางตัวจากกิ้งก่าคาเมเลียน ถุงหน้าท้องจากจิงโจ้ หางที่ใช้ยึดจับจากลิง Hippocampus มีสีสันหลากหลาย อีกทั้งรูปแบบของหนอก ปุ่ม ลายแถบ จุดแต้ม หนาม และริ้วรยางค์ผิวหนังก็แตกต่างกันอย่างหลากล้น ม้าน้ำมีแผ่นกระดูกเหมือนเกราะหุ้มแทนเกล็ด และเนื่องจากไม่มีกระเพาะใช้กักเก็บอาหาร พวกมันจึงต้องดูดกินโคพีพอด กุ้ง ตัวอ่อนปลา และของกินได้ขนาดจิ๋วอื่นๆ แทบตลอดเวลา
นักล่าประเภทซุ่มรอเหล่านี้มีความเป็นนักร่ายรำประมานหนึ่ง ระหว่างการเกี้ยวพาราสี คู่ม้าน้ำจะลอยตัวขึ้นลงโดยหันหน้าเข้าหากันในน้ำ สื่อสารกันด้วยการเปลี่ยนสี และใช้หางกระหวัดกอดรัดกัน ทั้งคู่อาจเต้นแทงโกกันอยู่อย่างนี้หลายวัน และจะจับคู่อยู่ด้วยกันตลอดฤดูกาล
แล้วก็ถึงจุดหักมุม นั่นคือเพศเมียจะเป็นฝ่ายทำให้เพศผู้ตั้งท้องแทนที่จะกลับกัน ซึ่งเป็นความผิดแผกทางวิวัฒนาการที่พบเฉพาะในม้าน้ำกับญาติใกล้ชิดของมันเท่านั้น ฝ่ายหญิงจะปล่อยไข่ที่อุดมด้วยไข่แดงเข้าไปในถุงหน้าท้องของฝ่ายชาย ผ่านทางช่องคล้ายท่อบนลำตัวฝ่ายหญิงที่เรียกว่า ท่อวางไข่ หลายสัปดาห์ต่อมา คุณพ่อม้าน้ำ ท้องป่องก็จะคลอดลูกด้วยการหดเกร็งลำตัวเป็นจังหวะ เพื่อดีดลูกม้าน้ำหลายสิบจนถึงหลายพันตัวแล้วแต่ขนาด ของชนิดพันธุ์ ออกมาสู่กระแสน้ำ เหล่าลูกม้าน้ำจะล่องลอยตามกระแสน้ำไปพักหนึ่งก่อนจะหาที่เกาะบนพื้นทะเล และจะมีเพียงไม่กี่ตัวที่รอดพ้นจากการถูกกินโดยผู้ล่าในช่วงหลายวันแรกนี้
ทั้งที่เป็นสัตว์ระบือลือนาม ใครบ้างเล่าจะไม่รู้จักม้าน้ำ แต่เรายังรู้เรื่องเกี่ยวกับปลาชนิดนี้น้อยมาก ซึ่งรวมถึงพวกมันอาศัยอยู่ที่ไหนบ้าง และสถานภาพประชากรเป็นอย่างไรกันแน่ ในบัญชีแดงว่าด้วยชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามของ ไอยูซีเอ็น มี Hippocampus อยู่ครบทุกสายพันธุ์ และอีกหลายชนิดถูกจัดไว้ในหมวดข้อมูลไม่เพียงพอที่จะประเมินสถานะได้
อแมนดา วินเซนต์ นักชีววิทยาทางทะเล และศาสตราจารย์ประจำสถาบันเพื่อการวิจัยด้านมหาสมุทรและ การประมง มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย (ยูบีซี) บอกว่า “สำหรับชนิดพันธุ์ม้าน้ำส่วนใหญ่ นอกเหนือจากอนุกรมวิธาน กับรายละเอียดพื้นฐานแล้ว เราแทบไม่รู้อะไรเลยค่ะ” วินเซนต์เป็นผู้อำนวยการโปรเจ็กต์ซีฮอร์ส (Project Seahorse) องค์กรพันธมิตรด้านการอนุรักษ์ที่ทำงานร่วมกับสมาคมสัตววิทยาแห่งลอนดอน และยูบีซี
โปรเจ็กต์ซีฮอร์สประเมินว่า กิจการประมงพาณิชย์ตักตวงม้าน้ำจากทะเลปีละอย่างน้อย 76 ล้านตัว และมีราว 80 ประเทศที่เกี่ยวข้องกับการค้าม้าน้ำ “สมัยก่อนชาวประมงจะปล่อยพวกมันกลับลงทะเลไปค่ะ” ฮีลี แฮมิลตัน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของเนเจอร์เซิร์ฟ (NatureServe) กลุ่มอนุรักษ์ที่มีฐานอยู่ในรัฐเวอร์จิเนีย กล่าวและเสริมว่า “แต่เดี๋ยวนี้ในหลายแห่งคุณจะเห็น [ผู้ซื้อ] รอรับอยู่ที่ท่าเรือเลยค่ะ”
ขณะที่ชาวประมงบางส่วนตั้งใจจับม้าน้ำโดยตรง แต่การจับในฐานะสัตว์พลอยได้คือสิ่งที่ล้างผลาญประชากรม้าน้ำ แซราห์ ฟอสเตอร์ ผู้จัดการโครงการของโปรเจ็กต์ซีฮอร์ส อธิบาย การส่งออกทั่วโลกควรจะค่อยๆ เขยิบไปทางยั่งยืนหลังจากปี 2004 เมื่อความกังวลเกี่ยวกับการค้าม้าน้ำข้ามชาติอย่างกว้างขวาง ผลักดันให้เกิดข้อบังคับใหม่ๆ ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) “น่าเสียดายนะคะ ดูเหมือนว่าการค้าม้าน้ำแห้งส่วนใหญ่กลับย้ายไปอยู่ใต้ดินเสียอย่างนั้น” วินเซนต์กล่าว แต่ข่าวดีคือ การค้าม้าน้ำมีชีวิตเปลี่ยนไปพึ่งพาการเพาะพันธุ์ในสถานเพาะเลี้ยงมากขึ้น ช่วยคลายแรงกดดันต่อประชากรในธรรมชาติได้ในระดับหนึ่ง เธออธิบาย
เรื่อง เจนนิเฟอร์ เอส. ฮอลแลนด์
ภาพถ่าย เดวิด ลิตต์ชวาเกอร์
ติดตามสารคดี ความอัศจรรย์พันลึกของ ม้าน้ำ ฉบับสมบูรณ์ ได้ที่นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย เดือนเมษายน 2565
สั่งซื้อนิตยสารได้ที่ https://www.naiin.com/product/detail/543178