ชมหิมะใต้ท้องทะเล เมื่อปะการังผสมพันธุ์

ชมหิมะใต้ท้องทะเลเมื่อ ปะการังผสมพันธุ์

ในค่ำคืนที่สว่างไสวไปด้วยแสงจากพระจันทร์เต็มดวง Michaela Skovranova ช่างภาพใต้น้ำและทีมนักดำน้ำของเธอเลือกที่จะวนเวียนอยู่แถวแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ เพื่อมองหาสัญญาณบางอย่างที่พวกเขาเฝ้ารอคอย

หลังการดำสำรวจทุกๆ 15 นาที ในที่สุดพวกเขาก็มองเห็นบางสิ่งที่มีขนาดเล็กมากๆ มันคือไข่ใบเหนียวที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากปะการัง บางครั้งมันมากมายเสียจนทำให้ผิวน้ำกลายเป็นสีแดง

เมื่อนักดำน้ำเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขารีบกระโดดลงไปในน้ำด้วยความหวังว่าจะได้เป็นประจักษ์พยานของเหตุการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นเพียงปีละครั้ง เมื่อน้ำอุ่นกำลังดีในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง

เมื่อ ปะการังผสมพันธุ์ พวกมันจะปลดปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ทั้งของเพศผู้และเพศเมียออกมา เซลล์เหล่านี้จะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำพวกมันจะจับคู่และรวมตัวกันเพื่อปฏิสนธิ จากไข่จะพัฒนาไปเป็นตัวอ่อนปะการังที่ล่องลอยไปตามมวลน้ำก่อนที่จะเลือกลงเกาะโขดหินในพื้นที่ที่เหมาะสม

ทีมนักดำน้ำว่ายผ่านแนวปะการังเพื่อมองหาจุดที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพกลางคืน
ฝูงปลาสลิดหินว่ายน้ำเหนือปะการัง Lodestone ในแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ พวกมันกินสาหร่ายเป็นอาหารซึ่งช่วยกระตุ้นให้ปะการังเติบโต

 

กลยุทธ์ที่ว่าด้วยความเสี่ยง

การปลดปล่อยเซลล์สืบพันธุ์นับล้านเซลล์ในเวลาเดียวกันช่วยเพิ่มอัตราการปฏิสนธิให้แก่บรรดาปะการังทั้งยังมั่นใจได้ว่าลูกหลานที่จะถือกำเนิดขึ้นนั้นจะเต็มไปด้วยความหลากหลายทางพันธุกรรม เนื่องจากว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น บรรดานักดำน้ำจึงต้องระมัดระวังอย่างมากที่จะไม่ว่ายผ่านเพื่อไปรบกวนกระบวนการผสมพันธุ์ของปะการัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงไฟจากนักดำน้ำ

เพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์นี้  Skovranova ดำน้ำลงสู่ความมืดมิดเพื่อให้สายตาของเธอปรับเข้ากับสิ่งแวดล้อมเอง แทนที่จะใช้แสงไฟช่วย การว่ายน้ำผ่านปะการังในความมืดนั้นเต็มไปด้วยความเสี่ยง นักดำน้ำต้องพึงระวังเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ไปแตะหรือทำลายปะการังเข้า

เหตุการณ์การวางไข่ของปะการังมักถูกนำไปเปรียบเทียบกับพายุหิมะที่เกิดขึ้นใต้น้ำ แต่เมื่อ Skovranova ดำน้ำชมเหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อปีที่ผ่านมา เธอพบว่าไม่ใช่ปะการังทุกชนิดในบริเวณนั้นจะปลดปล่อยไข่ออกมา ภาพถ่ายของเธอแสดงให้เห็นว่าปริมาณไข่มีความหนาแน่นเพียงใดเมื่อเทียบกับน้ำ แม้จะเป็นการผสมพันธุ์จากปะการังเพียงบางส่วนก็ตาม

ปลาดาวหนาว ดาวทะเลชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ตามแนวปะการังของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก พวกมันกินปะการังเป็นอาหาร ในทางนิเวศวิทยาถือเป็นสัตว์ที่ควบคุมประชากรปะการังไม่ให้มีมากจนเกินไปแต่ในหลายพื้นที่ก็มีการแพร่ระบาดจนเกิดเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น ในแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟนี้

 

การอนุรักษ์

กระบวนการปลดปล่อยไข่ของปะการังเป็นช่วงเวลาสำคัญของนักวิทยาศาสตร์ พวกเขาจะเก็บรวบรวมไข่และสเปิร์มของปะการังจำนวนหนึ่งเพื่อนำไปศึกษาและสร้างตัวอ่อนของปะการังขึ้นในห้องปฏิบัติการ วิถีปฏิบัติดังกล่าวกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการอนุรักษ์ปะการัง

ในปี 2016 และปี 2017 แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟเผชิญปัญหาใหญ่จากการฟอกขาวส่งผลให้แนวปะการังได้รับความเสียหายไปถึง 2 ใน 3 กระบวนการฟอกขาวเกิดขึ้นจากการที่แหล่งน้ำเป็นพิษหรือมีอุณหภูมิสูงกว่าผิดปกติส่งผลให้สาหร่ายที่เกาะอยู่ที่เนื้อเยื่อของปะการังไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ซึ่งสาหร่ายเหล่านี้ช่วยให้อาหารปะการังผ่านการสังเคราะห์แสง เมื่อภาวะดังกล่าวไม่ได้รับการแก้ไข ปะการังจะตายและเหลือเพียงแค่โครงสร้างหินปูนสีขาวเท่านั้น

หนึ่งในการศึกษาวิจัยโดยยูเอ็นคาดการณ์ไว้ว่าภายในระยะเวลา 30 ปีนี้ แนวปะการังทั่วโลกจะตายหมดหากไม่มีสิ่งใดมาแก้ไขวิกฤติภาวะโลกร้อนที่กำลังเกิดขึ้น ผลกระทบดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและเป็นวงกว้าง เนื่องจากปะการังเป็นนิคมขนาดใหญ่ที่เปรียบเสมือนบ้านของปลาเล็กปลาน้อยและสัตว์น้ำอื่นๆ ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง

ทีมนักวิทยาศาสตร์จาก สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลในออสเตรเลียมีแผนที่จะศึกษาเซลล์ของปะการังที่พวกเขาเก็บรวบรวมมาได้จากการปลดปล่อยไข่ประจำปี เพื่อดูว่าปะการังเหล่านี้มีการปรับตัวเพื่ออยู่อาศัยในน้ำอุ่นอย่างไร เนื่องจากมีสัญญาณบางประการบ่งชี้ว่าปะการังบางชนิดสามารถปรับตัวให้มีชีวิตอยู่ในน้ำที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นได้ สร้างความหวังใหม่ให้แก่บรรดานักอนุรักษ์

เรื่อง ซาร่า กิบเบ็นส์

ภาพถ่าย Michaela Skovranova

หลังพบว่าแนวปะการังเริ่มวางไข่แล้ว Skovranova เปิดไฟฉายแสดงให้เห็นไข่และสเปิร์มของปะการังรวมถึงแพลงก์ตอนอื่นๆ
แสงอาทิตย์ยามบ่ายส่องลงมายังปะการัง Lodestone ในแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ

 

อ่านเพิ่มเติม

โลกร้อน อาจทำให้แนวปะการังหายไปภายใน 30 ปี

© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.