เหลือ 6-8 ตัวสุดท้ายบนโลก! ‘ วากีตา ‘ แพนด้าแห่งทะเลใกล้สูญพันธุ์

เหลือ วากีตา อยู่เพียง 6 ถึง 8 ตัวสุดท้ายบนโลกเท่านั้น การสำรวจครั้งล่าสุดในปี 2024 ทำให้สิ่งมีชีวิตชนิดนี้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์มากที่สุด

ในแต่ละปี ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติจะรวมตัวกันใช้เวลาหลายสัปดาห์ใน “ทะเลเม็กซิโก” เพื่อออกสำรวจตามหาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลที่หายากที่สุด นั่นก็คือ วากีตา (Vaquita) โดยการสำรวจก่อนหน้านี้ เผยให้เห็นว่าพวกมันเหลืออยู่ประมาณ 10 ตัวในพื้นที่เท่านั้น

.

แต่เมื่อพวกเขาสำรวจครั้งล่าสุดในปี 2024 ตามรายงานคือเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าเศร้ายิ่งกว่าเดิม เมื่อพบว่าวากีตา เหลืออยู่เพียง 6 ถึง 8 ตัวเท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา

.
“มันน่าเป็นห่วง” บาร์บารา เทย์เลอร์ (Barbara Taylor) นักวิจัยวากีตาและผู้นำทีมการสำรวจ กล่าว “เราต้องออกไปดูว่าวากีตามีการย้ายไปที่อื่นแล้วหรือยัง และต้องจัดการมันให้เหมาะสม”

.
วากีตาเป็นโลมาที่เล็กที่สุดในโลก พวกมันมีใบหน้ากลมและมีรอยรอบดวงตา จึงมีชื่อที่เรียกกันเล่น ๆ ว่า ‘หมีแพนด้าแห่งท้องทะเล’ อีกทั้งยังมีรอยยิ้มที่คล้ายกับโมนาลิซา ทำให้พวกมันมีความน่ารักตั้งแต่แรกเห็น ขณะเดียวกันชื่อของมันในภาษาสเปนก็แปลว่า ‘วัวทะเลตัวน้อย’ กลายเป็นสัตว์ที่มีความน่าเอ็นดูอย่างยิ่ง

.
ทว่า กลับไม่มีใครให้ความเอ็นดูชีวิตของพวกมันเลย เนื่องจากสัตว์ชนิดนี้ต้องเสียชีวิตเพราะอุปกรณ์ประมงที่ถูกทิ้งไว้ในอ่าวแคลิฟอร์เนียตอนบนของเขตประเทศเม็กซิโกเป็นจำนวนมาก อวนขนาดใหญ่เข้าไปพัวพัน วากีตา จนจมน้ำตาย

.
แต่อย่างไรก็ตาม ทีมนักวิทยาศาสตร์และรัฐบาลเม็กซิโกยังคงมองโลกในแง่ดีว่า อาจมีวากีตาตัวอื่น ๆ อยู่นอกพื้นที่การค้นหา เนื่องจากในครั้งล่าสุดนี้ พวกเขาสำรวจพื้นที่คิดเป็นตัวเลขเพียงร้อยละ 12 ของพื้นที่ทั้งหมดที่เคยตรวจสอบในปี 2015 ทำให้เชื่อกันว่าตัวเลขจริง ๆ อาจจะอยู่ที่ 9 ถึง 11 ตัว ทว่าก็ยังเป็นจำนวนที่น่าเป็นห่วงอยู่ดี

.
“เนื่องจากวากีตาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระภายในพื้นที่อนุรักษ์ เราจึงต้องขยายการสำรวจโดยใช้การตรวจจับเสียง เพื่อพิจารณาว่าวากีตาจะไปที่ไหนได้บ้าง” เทย์เลอร์ กล่าว

.
ทางกองทัพเรือเม็กซิโกได้ทิ้งคอนกรีตทั้งหมด 193 ก้อนพร้อมตะขอขนาดใหญ่ซึ่งออกแบบมาเพื่อเกี่ยวกับอวนประมง เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวประมงเข้ามาในพื้นที่ ขณะเดียวกันล่าสุดที่ผ่านมา รัฐบาลก็ได้อนุมัติให้วางบล็อกคอนกรีตเพิ่มอีก 200 ก้อน ซึ่งทำให้มีอวนประมงในพื้นที่ลดลงเป็นจำนวนมาก นับเป็นน่าดีในอีกมุมมองหนึ่ง

.
อย่างไรก็ดี แม้จะมีการห้ามตกปลาด้วยอวนทั่วทั้งอ่าวแคลิฟอร์เนียตอนบน แต่ในทางปฏิบัติจริงนักวิทยาศาสตร์พบว่ายังคงมีการลักลอบใช้อยู่เช่นเดียวกัน เนื่องจากมีปลาที่ชื่อว่า ‘โทโตอาบา’ (Totoaba) ซึ่งเป็นปลาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกับวากีตา และมักขายได้ราคาสูงในเอเชียตะวันออก

.
ทั้งหมดนี้ทำให้วากีตาได้รับลูกหลงจากอันตรายไปด้วย การดักจับปลาอย่างผิดกฎหมายเหล่านี้ทำให้วากีตาต้องเสียชีวิตลงอย่างต่อเนื่องนานหลายทศวรรษ จากที่เคยมีอยู่กว่า 600 ตัวในปี 1997 จนเหลือเพียงหลักสิบหรือหลักหน่วยในปัจจุบันเท่านั้น

.
“วากีตาเผชิญกับภัยคุกคามร้ายแรงจนจะสูญพันธุ์จากอวนจับปลาที่เป็นอันตรายในถิ่นที่อยู่ของพวกมัน” อเล็กซ์ โอลิเวรา (Alex Olivera) นักวิทยาศาสตร์ตัวแทนจากศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพของเม็กซิโก กล่าว “และการบังคับใช้กฎระเบียบเกี่ยวกับป้องกันของรัฐบาลเม็กซิโกก็มีความหละหลวม” ทั้งหมดนี้ผลักดันให้วากีตาจวนเจียนใกล้จะสูญพันธุ์อย่างยิ่ง

.
อีกสิ่งหนึ่งที่ทีมนักวิทยาศาสตร์มีความกังวลก็คือ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศกำลังทำให้สภาพแวดล้อมในมหาสมุทรเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะทั้งเอลนีโญที่เป็นรูปแบบสภาพอากาศวัฏจักรตามธรรมชาติ และปัจจัยที่ถูกขับเคลื่อนในมนุษย์อย่าง ภาวะโลกร้อน

.
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เนื่องจากวากีตากินปลาตัวเล็กเป็นอาหารหลัก และปลาตัวเล็กเหล่านั้นก็เคลื่อนไหวไปตามจุลินทรีย์เล็ก ๆ ในมหาสมุทร ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ดังนั้น เมื่อหน่วยเล็กสุดของอาหารเคลื่อนไหววากีตาก็ต้องเคลื่อนไหวตาม ซึ่งทำให้พวกมันเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายนอกพื้นที่อนุรักษ์

.
ทาง ดร. ลอเรนโซ โรยาซ-บราโช (Lorenzo Rojas-Bracho) นักชีววิทยาจากมูลนิธิสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลแห่งชาติ (National Marine Mammal Foundation) ซึ่งเป็นกลุ่มไม่แสวงกำไรกล่าวว่า คอนกรีตที่มีตะขอเหล่านั้น “กำลังซื้อเวลา แต่ไม่สามารถรักษาวากีตาได้”

.
เขาและผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ระบุว่าปัญหาเหล่านี้จำเป็นจะต้องได้รับการแก้ไขที่ต้นเหตุ นั่นคือการส่งเสริมให้ชาวประมงเปลี่ยนจากอวนจับปลาขนาดใหญ่ เป็นอุปกรณ์อย่างอื่นที่ไม่ทำร้าย วากีตาซึ่งปัจจุบันมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ทำเช่นนี้

.
“มีความกังวลและมีความผิดหวังอย่างยิ่งต่อการขาดความคืบหน้าของรัฐบาลเม็กซิโก ในการดำเนินการประเมินอุปกรณ์ตกปลาทางเลือกอย่างเข้มงวดและโปร่งใส” รายงานของคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ของคณะกรรมาธิการล่าวาฬระหว่างประเทศ (IWC) ระบุ

.
ขณะที่ พาโบล อาเรนัส ฟูเอนเดส (Pablo Arenas Fuentes) ผู้อำนวยการทั่วไปของสถาบันวิจัยด้านการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืนแห่งเม็กซิโก กล่าวอย่างชัดเจนว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชาวประมงมีอุปกรณ์พร้อม แต่สิ่งที่เรา ในฐานะรัฐบาลยังไม่ได้ทำคือการชักชวนให้พวกเขานำอุปกรณ์เหล่านี้ไปใช้อย่างกว้างขวาง”

.
โอลิเวรา เน้นย้ำว่า จะต้องมีระเบียบอย่างเข้มงวดและต้องมีการนำไปใช้อย่างเข้มข้น เพื่อให้วากีตามีเวลาฟื้นตัว เนื่องจากพวกมันเป็นสายพันธุ์ที่ฟื้นตัวได้ยากและใช้เวลานานหากไม่มีการช่วยเหลือ

.
“วากีตาแพร่พันธุ์ช้ามากจนไม่สามารถฟื้นตัวได้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ และความอยู่รอดของพวกมันก็ยังคงเป็นคำถามต่อไป” โอลิเวรา กล่าว “แม้จะอยู่ในถิ่นที่อยู่ปลอดอวน ประชากรทั้งหมดก็จะใช้เวลาประมาณ 50 ปีจึงจะกลับสู่จุดเดิมเมื่อ 15 ปีที่แล้วที่พวกมันเคยเป็น”

.
ทีมนักวิทยาศาสตร์กำลังอยู่ในขั้นตอนการขยายการสำรวจไปจนถึงเดือนกรกฏาคมและสิงหาคม รวมถึงขยายพื้นที่การค้นหาโดยการใช้เครื่องตรวจจับเสียงและการสำรวจทางสายตา ด้วยความหวังว่าพวกเขาจะเจอวากีตาที่มีสุขภาพดีเพิ่มขึ้น

สืบค้นและเรียบเรียง วิทิต บรมพิชัยชาติกุล

ที่มา
https://seashepherd.org/2024/06/11/executive_summary/
https://phys.org/news/2024-06-mexico-sights-vaquita-porpoises-endangered.html
https://www.nytimes.com/2024/06/11/climate/vaquita-porpoise-survey-mexico.html
https://www.iflscience.com/just-6-to-8-individuals-of-the-worlds-rarest-mammal-sighted-in-vaquita-survey-74634
https://abcnews.go.com/International/wireStory/mexico-expedition-sights-6-8-vaquita-porpoises-endangered-111039377


อ่านเพิ่มเติม โลมา วากีตา “แพนด้าแห่งท้องทะเล”สัตว์ใกล้การสูญพันธุ์มากที่สุด เหลือเพียง 10 ตัว เนื่องจากการล่าผิดกฎหมาย

วากีตา
© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.