องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ได้อัปเดตข้อมูลใหม่ที่มาจากการประเมินทั่วโลก ระบุว่าสายพันธุ์นกมากกว่าครึ่งหนึ่งกำลังลดลง และโลกกำลังสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพอย่างรวดเร็ว แต่อีกหลายสายพันธุ์ก็ได้เตือนเราว่า ‘ยังคงมีความหวัง’ ในการอนุรักษ์
บัญชีแดง (Red List) เป็นรายงานที่จัดทำโดยเครือข่ายนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต โดยมีฐานข้อมูลมากกว่า 172,620 สายพันธุ์ รายงานนี้เพิ่งมีการอัปเดตไปล่าสุดในการประชุมที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ผ่านมา
จอน พอล โรดริเกซ (Jon Paul Rodríguez) ประธานคณะกรรมาธิการการอยู่รอดชนิดพันธุ์สัตว์ของ IUCN กล่าว “มันเหมือนกับเทอร์โมมิเตอร์เมื่อคุณป่วย คุณกำลังวัดบางสิ่งที่บอกว่ามีบางอย่างผิดปกติ”
พร้อมเสริมว่า “แรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังความเสื่อมโทรมของความหลากหลายทางชีวภาพนั้นมีมากมาย และพวกมันก็รุนแรง แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่รู้ว่าต้องทำอะไร เพียงแต่พวกเรามีน้อยกว่าความต้องการพื้นฐานที่จำเป็น”
รายงานใหม่ได้เผยให้เห็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่งต่อสายพันธุ์หนึ่ง นั่นคือ แมวน้ำอาร์กติก ซึ่งต้องการน้ำแข็งในทะเลเพื่อการผสมพันธุ์ เลี้ยงลูก พักผ่อน และหาอาหาร แต่เนื่องจากอาร์กติกอุ่นขึ้นเร็วกว่าส่วนอื่น ๆ ของโลกถึง 4 เท่า
ผลกระทบดังกล่าวทำให้น้ำแข็งในทะเลลดน้อยถอยลง ท้ายที่สุดสิ่งมีชีวิตที่พึ่งพาระบบเหล่านี้ก็ลดจำนวนลงไปตาม ไม่ว่าจะเป็นแมวน้ำฮู้ด แมวน้ำเครา หรือแมวน้ำลายพิณที่ลดลงอย่างน่าใจหาย จนใกล้สูญพันธุ์และกำลังถูกคุกคามตามลำดับ
ตามการอัปเดต น้ำแข็งในทะเลที่น้อยลงนี้จะคุกคามระบบนิเวศในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร และทุกสิ่งที่เกี่ยวข้อง
“การปกป้องแมวน้ำอาร์กติกเป็นมากกว่าการปกป้องแค่สายพันธุ์เหล่านี้” คิท โควาซส์ (Kit Kovacs) ประธารร่วมและผู้นำการวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพ กล่าว “แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการปกป้องความสมดุลอันละเอียดอ่อนของอาร์กติก ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเราทุกคน”
นอกจากนี้ยังมีผลลัพธ์ที่น่าตกใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ “นก” ตลอดระยะเวลาการประเมินนกทั่วโลก 9 ปี นักวิทยาศาสตร์หลายพันคนพบว่าจำนวนนกกว่าร้อยละ 61 กำลังลดลงทั่วโลก โดยมีสาเหตุหลักมาจากการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรม ซึ่งเกิดจากเกษตรกรรมและการตัดไม้ทำลายป่าเป็นสาเหตุสำคัญ
มาดากัสการ์ แอฟริกาตะวันตก และอเมริกากลางเป็นภูมิภาคที่มีความเสี่ยงสูงสุด เนื่องจากการสูญเสียป่าเขตร้อน สัตว์บางชนิดที่ถูกคุกคาม เช่น นกเงือกปากดำ ที่พบในแอฟริกาตะวันตกและกลาง เองก็ตกอยู่ในภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากการล่าสัตว์และการค้าสัตว์ป่า
นกเงือกเหล่านี้เป็นจิ๊กซอว์ส่วนสำคัญของระบบนิเวศขนาดใหญ่ เนื่องจากพวกมันสามารถกระจายเมล็ดพันธุ์ได้มากถึง 12,700 เมล็ดต่อกิโลเมตรในแต่ละวัน สร้างความมั่นคง ความหลากหลาย และฟื้นฟูพื้นความเสื่อมโทรมให้กับป่า
เอียน เบอร์ฟิลด์ (Ian Burfield) ผู้ประสานงานด้านวิทยาศาสตร์ระดับโลกของ BirdLife International ซึ่งเป็นหน่วยงานบัญชีแดงของ IUCN เกี่ยวกับนก กล่าวว่าการค้นพบนี้ชี้ให้เห็นถึง “วิกฤตของความหลากหลายทางชีวภาพที่ฝังลึก” และเรียกร้องให้รัฐบาลต่าง ๆ ดำเนินการอย่างแข็งขัน
แม้จะเป็นไปด้วยข่าวร้าย แต่รายงานใหม่ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความหวังบางประการ เช่นเต่าตนุ ที่กำลังฟื้นตัวซึ่งเป็นผลจากความพยายามในการอนุรักษ์ในน่าน้ำเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนทั่วโลก โดยเพิ่มขึ้นมาประมาณร้อยละ 28 นับตั้งแต่ทศวรรษ 1970
การอนุรักษ์มุ่งเน้นไปที่การปกป้องตัวเมียที่ทำรังและไข่ของเต่าตนุเป็นหลัก ซึ่งมักถูกลักลอบไปค้าขาย รายงานตั้งข้อสังเกตว่า ความพยายามในเกาะแอสเซนชัน บราซิล เม็กซิโก และฮาวาย ประสบความสำเร็จเป็นพิเศษ
ทว่าอนาคตของสายพันธุ์นี้ยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกมันยังคงเสี่ยงต่อการพัฒนาชายฝั่งและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์เหล่านี้เน้นย้ำถึงความสามารถในการอนุรักษ์
“ทรัพยากรของเรามีจำกัด และเราต้องจัดลำดับความสำคัญ เราต้องคิดหาวิธีในการลงทุนอย่างชาญฉลาด เพื่อที่มันจะสร้างผลกระทบมากที่สุด และบัญชีแดงก็เป็นข้อมูลสำคัญในการทำเช่นนั้น” โรดริเกซ กล่าว
พร้อมเสริมว่า “เรามองไปที่ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่การอนุรักษ์ทั่วโลกต้องเผชิญ และเราพยายามที่จะต่อยอดจุดแข็งและความรู้จากเสียงเหล่านี้ทั้งหมด สิ่งที่ออกมาจากการประชุมเป็นตัววัดที่ดีถึงสิ่งที่โลกรู้และลำดับความสำคัญคืออะไร”
สืบค้นและเรียบเรียง
วิทิต บรมพิชัยชาติกุล
ที่มา