ผมคิดเอาเองว่ารั้วที่อยู่ใกล้กับเมืองลอสอินดิโอส รัฐเท็กซัส แห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จ
ผมทำงานในแถบตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯมาเกือบ 40 ปี เมื่อปี 2004 ผมบังเอิญพบบางสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นั่นคือ ถังสีฟ้าบรรจุน้ำหลายสิบลิตร ด้านข้างมีคำว่า “อากัว” (น้ำ) พ่นติดอยู่ ใกล้ๆกันเป็นเสาผูกธงสีฟ้าเรียบๆ ผมถ่ายภาพถังนี้ไว้ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน
ต่อมาในปี 2009 ซึ่งเป็นช่วงที่ผมเริ่มตระหนักถึงการสร้างกำแพงและหอสังเกตการณ์เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งความเคลื่อนไหวอื่นๆของรัฐบาลตลอดแนวพรมแดนยาว 3,145 กิโลเมตรระหว่างสหรัฐฯกับเม็กซิโก ผมจึงเริ่มถ่ายภาพอย่างจริงจัง และนั่นคือตอนที่ผมค้นพบว่า ถังน้ำนั้นคือจุดพักดื่มน้ำที่กลุ่มช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมนำมาตั้งไว้เพื่อช่วยป้องกันการขาดน้ำและการเสียชีวิตของผู้อพยพระหว่างรอนแรมข้ามพรมแดน
สำหรับโครงการถ่ายภาพนี้ ผมมักนั่งเครื่องบินไปเมืองหนึ่ง และเช่ารถออฟโรดเพื่อสำรวจภูมิภาคชายแดนที่อยู่ห่างไกลออกไป บางครั้งผมทำให้เซนเซอร์ตรวจจับบนพื้นดินทำงาน จนเจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดนของสหรัฐฯต้องเผยตัวออกมา บางคนยอดเยี่ยมมาก เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถึงกับออกมาคุ้มครองผม เพราะเธอกังวลว่าแถวนั้นมีการส่งยาเสพติดกัน แต่คนอื่นๆอาจไม่เป็นมิตรนัก
ผู้คนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ใกล้ชายแดนอาจไม่รู้ว่า มีกำแพงมากมายตั้งอยู่แล้วตามแนวชายแดนเป็นระยะทางราว 1,125 กิโลเมตร โครงสร้างเหล่านี้สิ้นเปลืองทั้งเงินและแรงงาน คุณต้องออกแบบกำแพง สร้างมันขึ้นมา จ่ายเงินชดเชยแทนการเวนคืน จากนั้นก็ติดตั้ง กำแพงยาว 1.5 กิโลเมตรมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 4 ล้านถึง 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ถ้าพูดถึงการใช้งานแล้ว กำแพงกั้นพรมแดนพยายามทำสองอย่าง หนึ่งคือสกัดกั้นการอพยพ ผู้คนมายังประเทศนี้เพื่อแสวงหาโอกาสในชีวิตที่ดีกว่า แต่พวกเขาจะหยุดเข้ามาก็ต่อเมื่อเราหยุดว่าจ้าง
อย่างที่สองคือป้องกันยาเสพติด แต่ชาวอเมริกันคือคนที่สร้างอุปสงค์หรือความต้องการ จนกว่าพวกเราจะจัดการปัญหาทางฝั่งเราสำเร็จ พวกค้ายาจะหาทางผ่านเข้ามาได้เสมอ กำแพงไม่ได้หยุดต้นเหตุที่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น
มีผู้โต้แย้งว่า แนวคิดว่าด้วยอำนาจอธิปไตยของชาติ กล่าวคือรัฐชาติต้องมีเขตแดนที่ผ่านเข้าออกไม่ได้นั้น ถูกทำลายไปนานแล้วโดยทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่อินเทอร์เน็ตไปจนถึงระบบทุนนิยมข้ามชาติ และไวรัส การสร้างกำแพงจึงดูเหมือนเป็นสัญลักษณ์มากกว่าอย่างอื่น เป็นสัญญาณของความสิ้นหวัง
ภาพถ่ายเหล่านี้ดำรงอยู่ในที่ซึ่งการเมือง วัฒนธรรม และธรรมชาติ มาบรรจบกัน แม้ว่าผมไม่มีคำตอบสำหรับปัญหาที่ซับซ้อนเหล่านี้ แต่ผมก็หวังว่างานของผมจะก่อให้เกิดการใคร่ครวญถึงปัญหาที่อยู่ตรงหน้าอย่างจริงจัง
เรื่องและภาพถ่าย ริชาร์ด มิสรัก
อ่านเพิ่มเติม