พื้นที่ในหลายๆ เมืองของยูเครนกลายเป็นพื้นที่สำหรับการประดิษฐ์ ระเบิดขวด ชาวยูเครนบางรายลงมือประดิษฐ์และกักตุนระเบิดขวดในบ้านของตัวเอง ลานหญ้าในเมืองดนีปรอและลานจัดปาร์ตี้กลางแจ้งในเมืองลวีฟกลายเป็นที่ที่ชาวเมืองรวมพลกันผลิตอาวุธที่พวกเขาจะต้องใช้ในการต่อต้านการบุกรุกของทหารรัสเซียที่ยังคงดำเนินการอยู่ ณ เวลานี้
“มันเหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญเรื่องเดียวในตอนนี้นะ” คุณครูชาวยูเครนท่านหนึ่งกล่าว
ระเบิดขวด หรือที่นิยมเรียกในภาษาอังกฤษว่า “โมโลทอฟ ค็อกเทล” (Molotov cocktail) เป็นอาวุธที่หาง่ายและผลิตง่าย โดยวัตถุดิบหลักมีแค่ขวดแก้วเติมด้วยเชื้อเพลิงที่ไวไฟ ความง่ายในการผลิตทำให้ระเบิดขวดเป็นอาวุธที่นิยมใช้ในการต่อสู้ โดยเฉพาะในการต่อสู้ของคน “เบี้ยล่าง” ต่ออำนาจที่เหนือกว่า ดังที่ชาวยูเครน เหล่ากบฏ นักรบและผู้ประท้วงในหลากหลายเหตุการณ์ทั่วโลกในช่วงศตวรรษที่ผ่านมาใช้ในการต่อสู้ของพวกเขา
หนึ่งในสงครามสำคัญที่เริ่มมีการใช้ระเบิดขวดคือสงครามสเปนปี ค.ศ. 1936 ถึง 1939 สงครามสเปนเป็นสงครามระหว่างกลุ่มนิยมสาธารณรัฐและกลุ่มกบฏชาตินิยม ระเบิดขวดเป็นอาวุธที่ทหารกบฏใช้ต่อสู้กับรถถังของรัฐบาลสเปนที่รับมาจากสหภาพโซเวียต นายพลชาวอังกฤษเล่าว่า รถถังกว่า 9 คันถูกทำลายด้วยระเบิดบ้านๆ เหล่านี้ และไม่นานทหารของฝั่งรัฐบาลก็เริ่มใช้ระเบิดขวดด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนั้นระเบิดขวดยังไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ
จุดเริ่มต้นของการเรียก ระเบิดขวด ว่า “โมโลทอฟ ค็อกเทล” (Molotov cocktail) เกิดขึ้นในสงครามฤดูหนาวซึ่งเป็นการรุนรานประเทศฟินแลนด์ของกองทัพโซเวียตในปี ค.ศ. 1939 กองทัพโซเวียตใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดถล่มเมืองในฟินแลนด์ แต่ ”วยาเชสลาฟ มิไคโลวิตช์ โมโลทอฟ” (Vyacheslav Mikhaylovich Molotov) รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของโซเวียตพยายามกลบเกลื่อนการโจมตีโดยอ้างว่าเครื่องบินของกองทัพโซเวียตนั้นช่วยทิ้งเสบียงอาหารให้ ไม่ใช่ทิ้งระเบิด ชาวฟินแลนด์จึงเรียกการทิ้งระเบิดอย่างประชดประชันว่าเป็น “ตะกร้าขนมปังของโมโลทอฟ” (Molotov’s bread baskets) ทหารฟินแลนด์จึงเรียกระเบิดขวดที่ใช้ในการต่อสู้กับโซเวียตว่า “โมโลทอฟ ค็อกเทล” เพื่อเปรียบเทียบว่าเป็นเครื่องดื่มควบคู่กับ “ตะกร้าขนมปังของโมโลทอฟ” ชื่อโมโลทอฟ ค็อกเทลกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว
ระเบิดขวดกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่สหราชอาณาจักรใช้ในการเตรียมรับมือภัยคุกคามจากนาซีเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองกำลังพิทักษ์บ้านเมืองหรือ “Home Guard” ซึ่งเป็นกองกำลังของผู้สูงวัยถูกฝึกด้วยวีดิโอสาธิตวิธีรับมือรถถังด้วยการสร้างสิ่งกีดขวางและถล่มรถถังด้วยระเบิดขวด
ในปี ค.ศ. 1940 นิตยสาร Picture Post ของอังกฤษเผยแพร่คู่มือการทำและใช้ระเบิดขวดซึ่งเขียนโดยคุณทอม วินทริงแฮม (Tom Wintringham) นายทหารผ่านศึกสงครามสเปน นอกจากนี้ยังมีการผลิต “ระเบิดไฟโมเดล 76” (model 76 grenade) กว่าหกล้านลูกเพื่อนำไปซ่อนไว้ทั่วสหราชอาณาจักรสำหรับเตรียมรับมือภัยคุกคาม จนในปัจจุบันล่าสุดในปี ค.ศ. 2018 ยังคงมีการค้นพบที่ซ่อนของระเบิดเหล่านี้อยู่
หลังสงครามโลก ระเบิดขวดก็ยังเป็นอาวุธสำคัญในการปฏิวัติฮังการี ค.ศ. 1956 ซึ่งชาวฮังการีทั่วประเทศลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลโซเวียตในช่วงหลังสงครามโลก รถถังโซเวียตกว่า 400 คันถูกทำลายก่อนที่การปฏิวัติจะถูกปราบลง
นับแต่นั้น ระเบิดขวดยังคงเป็นอาวุธต่อสู้ของผู้ประท้วงต่ออำนาจที่เหนือกว่าอยู่เรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นในการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ผู้ต่อต้านทหารอิสราเอล การต่อสู้ของขบวนต่อต้านชาห์การปฏิวัติอิหร่าน การต่อสู้ของทหารซานดินิสตาในนิการากัว การต่อสู้ของชาวเชโกสโลวาเกียกับการรุกรานสหภาพโซเวียตและพันธมิตรวอร์ซอในช่วง “ปรากสปริง” (Prague Spring) จนไปถึงการประท้วงในฮ่องกงช่วงที่ผ่านมา และวันนี้ ระเบิดขวดถูกใช้ในการต่อสู้ของชาวยูเครนต่อรัสเซีย และคงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่รถถังรัสเซียต้องตกเป็นเป้าหมายของระเบิดขวด
แปล นิธิพงศ์ คงปล้อง
โครงการสหกิจศึกษากองบรรณาธิการเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย