ทำไมญี่ปุ่นดำเนิน การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ แม้โอกาสชนะสหรัฐฯ มีน้อยนิด

ความตึงเครียดยาวนานระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ จากการขยายอาณาเขตของญี่ปุ่น ปะทุกลายเป็นความขัดแย้ง และ การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1941

“มี การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ นี่ไม่ไช่การฝึกซ้อม” เมื่อข้อความเร่งด่วนจากโฮโนลูลูถูกส่งไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1941 แม้แต่ผู้ที่คาดคะเนถึงความขัดแย้งระหว่างกับญี่ปุ่นยังตกใจต่อการโจมตีกองเรือแปซิฟิกของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ห่างจากโตเกียวไปเกือบ 6,437 กิโลเมตร 

“พระเจ้า นี่มันเป็นไปไม่ได้” แฟรงก์ น็อกซ์ เลขาธิการทบวงกองทัพเรือ กล่าว

ก่อนหน้า การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ หลายเดือน เหล่าผู้นำของฝ่ายญี่ปุ่นวางแผนการโจมตีฉับพลันอันบ้าบิ่นครั้งนี้เพื่อบอกสหรัฐฯ ว่า ใครกันแน่ที่เป็นผู้ครอบครองแปซิฟิก

กะลาสีนายหนึ่งมองดูการระเบิดท่ามกลางซากปรักหักพังที่ฐานกองบินทัพเรือประจำเกาะฟอร์ด ระหว่างการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ ภาพถ่ายโดย BETTMANN/GETTY IMAGES

ความตึงเครียดคุกรุ่น

ญี่ปุ่นเริ่มขยายอาณาจักรของตนเมื่อปลายทศวรรษที่ 19 โดยมีจุดประสงค์ทั้งการสรรหาทรัพยากรธรรมชาติและสร้างรัฐกันชนเพื่อปกป้องตนเอง ประเทศหมู่เกาะแห่งนี้แย่งชิงเกาหลีจากจีนเมื่อทศวรรษที่ 1890  คาบสมุทรเหลียวตง และบางส่วนของแมนจูเรียจากรัสเซียเมื่อทศวรรษที่ 1900

ฝ่ายญี่ปุ่นไม่มีภาพถ่ายสอดแนมทางอากาศเหนือเพิร์ลฮาร์เบอร์เช่นในภาพถ่ายของกองทัพเรือสหรัฐฯ ภาพนี้ แต่ทาเคโอะ โยชิคาวะ ผู้เป็นสายลับ ช่วยรายงานความเคลื่อนไหวของเรือที่ทอดสมอใกล้กับเกาะฟอร์ดแทน ภาพจาก U.S. NAVY/INTERIM ARCHIVES/GETTY IMAGES

เมื่อต้นศตวรรษที่ 20 ญี่ปุ่นขยายอาณาเขตอย่างไม่หยุดยั้งและแย่งชิงดินแดนจากจีนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงกลางทศวรรษที่ 1930 ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ก็ย่ำแย่ลง เพราะ สหรัฐฯ พยายามป้องกันไม่ให้ญี่ปุ่นกลายเป็นมหาอำนาจจากการล่าอาณานิคมผ่านวิธีการทางการทูตและการคว่ำบาตร ญี่ปุ่นเห็นว่าตนเองไม่จำเป็นต้องหยุดยั้งการขยายดินแดนของตนตามคำขอของประเทศตะวันตกซึ่งยึดฮาวายมาเป็นอาณานิคมของตนเอง และเลือกต่อสู้แทนที่จะยอมจำนน 

จู่โจมก่อนได้เปรียบ

พลเรือเอกอิโซโรกุ ยามาโมโตะ ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพเรือญี่ปุ่นและผู้บังคับบัญชากองเรือผสม เคยอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ และทราบว่าประเทศแห่งนี้มีทรัพยากรธรรมชาติและศักยภาพทางอุตสาหกรรมมากมายเพียงใด และเข้าใจอีกว่าการยั่วยุยักษ์หลับตนนี้ด้วยการโจมตีอาจทำให้เกิดผลลัพธ์อันตรายร้ายแรง เขาเตือนว่า “การต่อสู้กับสหรัฐฯ เปรียบได้กับการต่อสู้กับโลกทั้งใบ”

ภาพวาดพลเรือเอกอิโซโรกุ ยามาโมโตะ ผู้วางแผนจู่โจมกองเรือแปซิฟิกของสหรัฐฯ ภาพจาก THE NAVAL HISTORY AND HERITAGE COMMAND

ยามาโมโตะสันนิษฐานว่าความหวังเดียวของชัยชนะเหนือสหรัฐฯ คือการบดขยี้กองเรือแปซิฟิกที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ก่อนที่ทัพเรือสหรัฐฯ จะมีโอกาสระดมกำลังอย่างเต็มที่ หากญี่ปุ่นไม่ทำลายกองเรือดังกล่าวและป้องกันไม่ให้สหรัฐฯ ใช้กำลังได้อย่างเต็มที่ ญี่ปุ่นจะต้องพบกับปัญหามากมาย มีแต่การโจมตีอย่างฉับพลัน รุนแรง และไม่ทันให้ตั้งตัวเท่านั้นที่จะทำให้กองทัพสหรัฐฯ ในแปซิฟิกให้ซวนเซได้ และเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 1941 การเตรียมพร้อมทำสงครามก็ได้รับการอนุมัติ การวางแผนการจู่โจมเพิร์ลฮาร์เบอร์ได้เริ่มต้นขึ้น 

การตัดสินใจที่ไม่อาจหวนกลับ

26 พฤศจิกายน 1941 เรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่หกลำพร้อมเครื่องบินกว่า 400 ลำของกองบินกองทัพเรือที่หนึ่งที่อยู่บนดาดฟ้า และขบวนคุ้มกันซึ่งประกอบด้วยเรือประจัญบาน เรือลาดตระเวณ เรือพิฆาต และเรือดำน้ำเริ่มออกเดินทางจากญี่ปุ่น และใช้เส้นทางมุ่งหน้าขึ้นทิศเหนือซึ่งไม่ค่อยมีการใช้งานเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับ

เรือรบญี่ปุ่นเช่นลำที่เห็นในภาพนี้ทำหน้าที่คุ้มกันเรือบรรทุกเครื่องบินทั้งหกลำ ขณะมุ่งหน้าไปยังฮาวาย ภาพจาก ULLSTEIN BILD/GETTY IMAGES
นักบินทัพเรือญี่ปุ่นรับคำสั่งก่อนการโจมตี ภาพจาก KEYSTONE-FRANCE/GAMMA-KEYSTONE/GETTY IMAGES
นายเรือและกะลาสีกองทัพเรือญี่ปุ่นทำความเคารพธงอาทิตย์อุทัย ภาพจาก KEYSTONE-FRANCE/GAMMA-KEYSTONE/GETTY IMAGES
ลูกเรือประจำเรือบรรทุกเครื่องบินส่งเสียงเชียร์ขณะเครื่องบินออกตัวขึ้นจากดาดฟ้าเพื่อจู่โจมเพิร์ลฮาร์เบอร์เป็นระลอกที่สอง ภาพจาก MPI/GETTY IMAGES

วันที่ 7 ธันวาคม เวลา 6 นาฬิกา เรือบรรทุกเครื่องบินทั้งหกลำเข้าหากระแสลมเพื่อปล่อยเครื่องบินขับไล่ ทิ้งระเบิด และตอร์ปิโดระลอกแรกจำนวน 183 ลำ แม้คลื่นทะเลที่รุนแรงจะทำให้การนำเครื่องบินขึ้นเป็นเรื่องที่อันตรายก็ตาม “เรือมันโคลงเคลงและขยับตัวขึ้นลงพอควรเลยครับ” นักบินคนหนึ่งซึ่งออกตัวกับการจู่โจมระลอกที่สองกล่าวย้อนความ

แว่นตานักและเครื่องนำทางจากเครื่องบินฝ่ายญี่ปุ่นซึ่งถูกยิงตกและถูกเก็บกู้หลังการโจมตีจบลง ภาพถ่ายโดย KENNETH W. RENDELL

นาวาโทมิตซึโอะ ฟูชิดะ ผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำการโจมตี เกรงว่าเมฆจะบดบังเป้าหมายเบื้องล่าง ทว่าเขามีมั่นใจขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ฟังพยากรณ์อากาศของโฮโนลูลูจากวิทยุซึ่งกล่าวว่าท้องฟ้าแจ่มใส ส่วนผู้อยู่อาศัยบนเกาะซึ่งตื่นขึ้นมาพบกับสรวงสวรรค์ในเช้าวันอาทิตย์ กลับต้องจากลากับความสงบสุขภายในไม่ถึงสองชั่วโมงข้างหน้า 

นี่ไม่ไช่การซ้อม!

เมื่อเวลา 8 นาฬิกาตรง ขณะวงโยธวาธิตบนดาดฟ้าเรือยู.เอส.เอส. เนวาดา กำลังเริ่มบรรเลงเพลงชาติเพื่อเชิญธงขึ้นเสา ฝูงเครื่องบินตอร์ปิโด 40 ลำมุ่งหน้าดิ่งลงสู่อ่าวเบื้องล่าง เครื่องบินลำหนึ่งโจมตีเรือ ยู.เอส.เอส โอคลาโฮมา ซึ่งเทียบท่าใกล้กับเนวาดา เพียงครู่ต่อมา เนวาดาก็ถูกตอร์ปิโดเข้าลูกหนึ่งเช่นกัน

ความเสียหายจากตอร์ปิโดยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยระเบิดที่เจาะดาดฟ้าของบรรดาเรือรบก่อนที่จะระเบิดขึ้น ราว 8:20 นาฬิกา ระเบิดลูกหนึ่งเจาะทะลวงคลังแสงดินระเบิดบริเวณส่วนหน้าของยู.เอส.เอส. แอริโซนา ทำให้เกิดการระเบิดครั้งมโหฬารที่คร่าชีวิตลูกเรือนับร้อยโดยทันที จากกะลาสี 1,400 นายบนเรือลำนี้ มีไม่ถึง 300 นายที่รอดชีวิต

หน่วยกู้ภัยดึงลูกเรือคนหนึ่งขึ้นจากน้ำ ขณะที่เรือรบ ยู.เอส.เอส. เวสต์เวอร์จิเนียกำลังลุกไหม้ ภาพจาก UNIVERSAL HISTORY ARCHIVE/UNIVERSAL IMAGES GROUP/GETTY IMAGES
ควันขโมงลอยขึ้นจากเรือรบซึ่งได้รับความเสียหาย ภาพจาก U.S. NAVY/INTERIM ARCHIVES/GETTY IMAGES

วันอาทิตย์นองเลือด

ราว 9 นาฬิกา เครื่องบินระลอกที่สองเริ่มทำการจู่โจมและสร้างความเสียหายมากยิ่งขึ้น เมื่อการโจมตีเสร็จสิ้น ราว 9:45 นาฬิกา เรือประจันบานทั้งแปดลำและเรือรบอื่นๆ อีก 11 ลำล้วนถูกจมหรือได้รับความเสียหายอย่างหนัก แม้ส่วนใหญ่จะถูกซ่อมแซมในภายหลัง แต่เรือแอริโซนาและโอคลาโฮมานั้นพังพินาศ ความสูญเสียของเรือทั้งสองลำคิดเป็นจำนวนเกือบสามในสี่ของความสูญเสียทั้งหมดในวันอาทิตย์นองเลือดครั้งนี้

มีชีวิตที่ต้องดับสูญไป กว่า 2,400 ชีวิต ซึ่งมีที่มากจากทหารเหล่าทัพต่างๆ รวมไปถึงพลเรือน นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ 1,200 ราย 

หนังสือพิมพ์ฉบับพิเศษซึ่งตีพิมพ์หลังเพิร์ลฮาร์เบอร์ถูกโจมตีได้ไม่นาน พาดหัวถึงพลเรือนที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ ภาพจาก THREE LIONS/GETTY IMAGES

ศัตรูตื่นขึ้นแล้ว

เมื่อฟูชิดะและนักบินกลับถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน ความยินดีจากการจู่โจมศัตรูได้อย่างไม่ทันตั้งตัวกลับเหือดหายลงไป เพราะแม้พวกเขาจะสร้างความเสียหายได้มาก แต่กองเรือแปซิฟิกก็มิได้ถูกทำลายจนไม่สามารถฟื้นตัว คลังน้ำมันและอู่ซ่อมแซมซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกองเรือในเพิร์ลฮาร์เบอร์กลับได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย

พลเรือเอกยามาโมโตะ ซึ่งทราบผลการโจมตีในภายหลัง กล่าวว่าการโจมตีศัตรูที่กำลังหลับใหล ซึ่งต่อมาได้ลืมตาตื่นขึ้นและพร้อมโจมตีกลับนั้นเป็นเรื่องที่ไร้เกียรติ เขารู้ดีว่ากระแสย่อมตีกลับหากพวกเขาไม่สามารถทำภารกิจที่ตั้งเป้าไว้ให้สำเร็จลุล่วง

กะลาสีจากเรือโอคลาโฮมา 429 นายเสียชีวิตเมื่อเรือถูกตอร์ปิโดและพลิกคว่ำลง ภาพถ่ายโดย BOB LANDRY/THE LIFE PICTURE COLLECTION/GETTY IMAGES

‘วันอัปยศ’

ในไม่กี่ชั่วโมงหลังการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ กองกำลังญี่ปุ่นโจมตีเป้าหมายอื่นๆ ภายในระยะ 9,656 กิโลเมตร เพื่อเปิดทางให้การรุกรานที่จะมาถึง ซึ่งเป็นปฏิบัติการรุกครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยทำโดยประเทศเดียว พวกเขารุกรานฐานที่มั่นของสหราชอาณาจักรที่สิงคโปร์ และทิ้งระเบิดฐานทัพสหรัฐฯ ที่กวม เกาะเวค และฟิลิปปินส์ สถานที่ซึ่งเครื่องบินขับไล่และเครื่องบินทิ้งระเบิดจำนวนมากถูกทำลายบนลานบินที่ฐานทัพคลาร์ก ดังเช่นที่ประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ กล่าวเมื่อเขาขอให้สภาคอนเกรสประกาศสงครามกับญี่ปุ่นว่า วันที่เจ็ดธันวาคมจะ “ถูกจดจำในฐานะวันอัปยศ”

การสำแดงพลังของญี่ปุ่นทำให้สหรัฐฯ ต้องเจ็บปวด และเป็นช่วงเวลาที่แสนยากลำบากกว่ากองกำลังของพวกเขาและฝ่ายสัมพันธมิตรจะเริ่มยึดอาณาเขตที่สูญเสียในไปในสมรภูมิแปซิฟิกกลับคืนมาได้

กะลาสีจากฐานบินกองทัพเรือคาเนโอเฮที่ฮาวายวางช่อดอกไม้บนหลุมศพของสหายที่เสียชีวิตที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ ภาพจาก BETTMANN/GETTY IMAGES

เรื่อง กองบรรณาธิการนิตยสาร เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก

แปล ภาวิต วงษ์นิมมาน


อ่านเพิ่มเติม เรื่องลับของนักบินสหรัฐฯ ชำระแค้นญี่ปุ่นให้เพิร์ลฮาร์เบอร์ในสงครามโลกครั้งที่ 2

© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.