ปาโบล ปีกัสโซ มีชื่อเต็มว่า ปาโบล รุยซ์ ปีกัสโซ (Pablo Ruiz Picasso) คือจิตรกรเอกของโลก เป็นบุคคลที่นิตยสารไทม์ยกย่องให้เป็นศิลปินที่มีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์มากที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 และได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถหลากหลาย ปัจจุบันผลงานภาพวาดของเขามีมูลค่าสูงมาก
ทั้งนี้เมื่อปี 2015 ภาพวาดสีน้ำมันชื่อ Women of Algiers ของเขาทำสถิติเป็นภาพเขียนราคาแพงที่สุดในโลกชิ้นใหม่ ด้วยราคาประมูลสูงถึง 179.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5,900 ล้านบาทเลยทีเดียว
แต่นอกจากการประสบความสำเร็จในวงการภาพเขียน ชีวิตของ ปาโบล ปีกัสโซ ก็มีสีสันไม่แพ้ภาพวาด ทั้งการมีอารมณ์แปรปรวน มีช่วงที่ซึมเศร้า และห้วงเวลาที่ใช้งานศิลปะต่อต้านความรุนแรงที่เกิดขึ้นบนโลก
ปีกัสโซ เกิดเมือวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1881 ที่เมืองมาลากา แคว้นอันดาลูซิอาทางตอนใต้ของ ประเทศสเปน เขาเป็นบุตรชายคนโตของ โฆเซ รุยซ์ อี บลัสโก กับ มาริอา ปิกาโซ อี โลเปซ พ่อของเขาเป็นครูสอนศิลปะในมหาวิทยาลัย งานของปิกาโซเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยแต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ แต่การเปลี่ยนแปลงทิศทางรูปแบบของผลงานนั้นเกิดจากหรืออาจได้รับแรงบันดาลใจมาจากแฟร์น็องด์ ออลีวีเย ที่เป็นคนรักคนแรกของเขา ก่อนที่ ปีกัสโซ จะแต่งงานครั้งที่ 2 กับฌาเกอลีน ร็อก ในปี ค.ศ. 1961
ในวัยเด็ก ปีกัสโซ ฉายแววการเป็นศิลปินระดับโลกด้วยการพูดคำว่า “ปิซ ปิซ” (มาจากคำว่า ลาปิซ ที่แปลว่าดินสอในภาษาสเปน) เป็นคำแรก แทนที่จะพูดคำว่า “แม่” เหมือนเด็กทั่วไป ด้วยความที่มีพ่อเป็นอาจารย์สอยศิลปะอาจเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาได้รับพรสวรรค์นี้มาตั้งแต่ยังเด็ก ปิกาโซได้รับจานสีและพู่กันเป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุ 6 ขวบจากพ่อ
ครั้งหนึ่ง พ่อของเขากำลังวาดรูปนกพิราบของเขาอยู่นั้น สิ่งที่น่าทึ่งคือเมื่อพ่อของเขาออกไปจากห้องเพื่อทำอะไรบางอย่าง ปีกัสโซ ได้เข้าไปในห้อง แล้ววาดภาพนกพิราบต่อจนเสร็จ เมื่อพ่อของเขากลับเข้ามาจึงได้พบว่าภาพที่วาดนั้นเสร็จสมบูรณ์และสวยกว่าที่ตนเองวาดเสียอีก เมื่อเ ปีกัสโซ อายุเพียงแค่ 15 ปี เขาจึงมีสตูดิโอเป็นของตัวเอง และต่อมาได้ตัดสินใจเปลี่ยนนามสกุลเป็น ปีกัสโซ เพื่อสร้างการจดจำในวงการศิลปะ
หลังจาก ปีกัสโซ เริ่มต้นอย่างผิดพลาดด้วยการเป็นนักเรียนด้านศิลปะที่เมืองมาดริดและช่วงโบฮีเมี่ยนในเมืองบาร์เซโลนา เขาได้เดินทางมาที่ปารีสครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1900 ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงด้านศิลปะ และได้ย้ายอาศัยอยู่อย่างถาวรเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 1904 ที่นี่เองที่เขาได้แสดงพรสวรรค์อย่างเต็มที่
ภาพเขียนของ ปีกัสโซ แบ่งเป็นช่วงเวลาต่าง ๆ ดังนี้
– ยุคสีน้ำเงิน ช่วงที่เขาจมลงไปในภาวะซึมเศร้ารุนแรง เขาวาดภาพสีเดียวเป็นหลักในเฉดสีของสีฟ้า สีเขียวและสีฟ้าอ่อนผสมกับสีอื่น ๆ เป็นยุคที่เขาอยู่ในอารมณ์ซึมเศร้า จากฐานะที่แร้นแค้น มีชีวิตอย่างยากลำบากกับการเป็นศิลปินหน้าใหม่
– ยุคสีชมพู ช่วงที่เขามีความสุขจากความสัมพันธ์กับคนรักคนแรกของเขาคือ แฟร์น็องด์ ออลีวีเย และประกอบกับสภาพจิตใจที่ดีขึ้น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้งานของเขาเกี่ยวข้องกับลวดลายข้าวหลามตัด นักแสดง และ ตัวตลก
– ยุคอิทธิพลแอฟริกา ได้รับอิทธิพลจากงานประติมากรรมแอฟริกาที่ถูกนำกลับไปยังพิพิธภัณฑ์ในกรุงปารีส เป็นผลมาจากการขยายตัวของจักรวรรดิฝรั่งเศสในแอฟริกา
– ยุคบาศกนิยม ยุคความเคลื่อนไหวทางศิลปะล้ำยุคในศตวรรษที่ 20 ริเริ่มโดย ปิกาโซ และ ฌอร์ฌ บรัก ได้เปลี่ยนรูปโฉมของจิตรกรรมและประติมากรรมยุโรป รวมไปถึงดนตรีและงานเขียนที่เกี่ยวข้อง สาขาแรกของบาศกนิยมเป็นที่รู้จักกันในชื่อ บาศกนิยมแบบวิเคราะห์
– ยุคนิยมแบบแผนและเหนือจริง กระแสการเปลี่ยนแปลงของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ปิกาโซเริ่มผลิตงานในรูปแบบลัทธิคลาสสิกใหม่ การกลับไปทำงานแบบตามสั่ง ตามรูปแบบที่เคยมีมานี้เห็นได้ชัดในการทำงานของศิลปินชาวยุโรปจำนวนมากในช่วง ค.ศ. 1920 โดยเป็นช่วงที่เขาอยู่ในอารมณ์แปรปรวน ทั้ง มีความสัมพันธ์กับหญิงสาวมากหน้าหลายตา ขี้หึง และมีพฤติกรรมที่เป็นอคติกับผู้หญิง
– ยุคสุดท้าย ผลงานสุดท้ายของ ปีกัสโซ เป็นการผสมของรูปแบบวิธีในการแสดงออกอย่างมีสีสันในงานของเขาจนกระทั่งจบชีวิต (ระหว่าง 1968-1972)
ปีกัสโซ ผลิตผลงานออกมามากมายทั้งภาพวาดและแกะสลักทองแดงหลายร้อยชิ้น ซึ่งผลงานส่วนใหญ่นั้นถูกปฏิเสธไม่ได้รับการยอมรับเนื่องจากเป็นผลงานที่สื่อความอย่างอนาจาร แต่ภายหลังเมื่อปิกาโซได้เสียชีวิตลง กระแสทิศทางของศิลปะก็ได้เปลี่ยนแปลงจากลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แนวนามธรรมและกระแสรูปแบบศิลปะแบบลัทธิสำแดงพลังอารมณ์ใหม่ (neo-expressionism) ในเวลาต่อมา
ปีกัสโซ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในศิลปินผู้ริเริ่มศิลปะแบบคิวบิสม์ (Cubism) กับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางศิลปะแบบเก่าอย่างสิ้นเชิง โดยไม่ได้เน้นการแสดงออกถึงความรู้สึกของศิลปินหรือค่อนข้างที่จะหลุดออกไปจากชีวิตประจำวัน เหมือนอย่างที่ศิลปะแบบอิมเพรสชั่นนิสเคยทำมา
ศิลปะลัทธิบาศกนิยมที่ ปีกัสโซ กับ ฌอร์ฌ บรัก ร่วมกันพัฒนาขึ้นจะใช้รูปทรงเรขาคณิตแสดงภาพมนุษย์และสิ่งต่างๆ และใช้สีน้ำตาลโมโนโครมในงาน แต่ภายหลังก็เริ่มใช้สีที่หลากหลายขึ้นและเริ่มหยิบจับเอาวัตถุอื่นๆ อาทิ กระดาษหนังสือพิมพ์มาตัดแปะลงไปในงานด้วย เพื่อตั้งคำถามถึงความจริงและภาพลวงตา
ภาพวาดของ ปีกัสโซ มีชื่อเสียงหลายภาพ แต่ถ้าให้พูดถึงงานสร้างชื่อต้องยกให้ Les Demoiselles d’Avignon หรือ หญิงสาวแห่งอาวีญง ผลงานสร้างชื่อของปิกัสโซ ที่ปฏิวัติวงการศิลปะไปตลอดกาล ภาพนี้วาดขึ้นในปี 1907 ได้ชื่อมาจากซ่องโสเภณีบนถนน Carrer d’Avinyó ในเมืองบาร์เซโลนา
ส่วนผลงานชิ้นเอกของเขาได้แก่ Guernica ที่วาดขึ้นในปี 1937 โดย Guernica สะท้อนถึงความเศร้าโศกเสียใจหลังเกิดสงครามกลางเมืองในประเทศสเปน ภาพมีขนาด 3.49 × 7.76 เมตร แสดงถึงชิ้นส่วนมนุษย์และสัตว์ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ปัจจุบัน เกร์นิกา ถูกจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระราชินีโซฟีอาในกรุงมาดริด
ปีกัสโซ วาดภาพนี้ขึ้นโดยได้แรงบันดาลใจจากการที่ ในปี 1937 รัฐบาลสเปนได้ว่าจ้างให้ปิกัสโซซึ่งลี้ภัยการเมืองอยู่ที่ฝรั่งเศสวาดภาพฝาผนังขนาดใหญ่สำหรับแสดงในศาลาสเปนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการศิลปะนานาชาติในงานเวิลด์แฟร์ที่กรุงปารีส
ช่วงเริ่มทำงาน ปีกัสโซ ได้ข่าวโศกนาฏกรรมที่เกอร์นิกา หมู่บ้านชนบทเล็กๆ ในแคว้นบาสก์ในสเปน บ้านเกิดของเขาถูกรัฐบาลเผด็จการของ นายพลฟรังโก อาศัยกองกำลังทหารนาซีและฟาสซิสต์โจมตีเพื่อปราบปรามผู้ต่อต้านจนย่อยยับในสงครามกลางเมือง ทำให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ล้มตายเป็นจำนวนมากไม่เว้นแม้แต่เด็กแลผู้หญิง ปีกัสโซ โกรธแค้นมาก จึงตัดสินใจวาดภาพเกี่ยวกับเหตุการณ์ในเกอร์นิกาขึ้นมาแทน จนเกิดเป็นภาพเขียนแบบคิวบิสม์ที่ใหญ่สุดที่เขาเคยสร้างสรรค์ขึ้นมา
นอกจากการปฏิวัติวงการศิลปะโลกแล้ว ปาโบล ปีกัสโซ ยังมีแนวคิดต่อต้านสงครามและความรุนแรง เขาจึงเกลียด นายพลฟรังโก ทหารเผด็จการชาวสเปนอย่างมาก ถึงขั้นไม่ยอมที่จะไม่กลับประเทศตัวเอง
อย่างไรก็ตาม มีเรื่องเล่าว่า ช่วงที่ ปิกัสโซ อยู่ในกรุงปารีสตอนช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อทหารนาซีเข้ายึดครองฝรั่งเศสได้ ในฐานะศิลปินขบถหัวเอียงซ้าย ปีกัสโซ จึงตกเป็นเป้าหมายในการสอบสวน สตูดิโอของเขาถูกค้นหลายต่อหลายครั้ง แต่นาซีไม่สามารถหาหลักฐานเอาผิดเขาได้
เมื่อถูกก่อกวนหนัก ปิกัสโซ ได้ยื่นภาพโปสการ์ดที่เป็นรูปเกอร์นิกาให้ทหารนาซี ทหารคนดังกล่าวรับไปและพูดว่า คุณเป็นคนทำมันเหรอ เขาจึงตอบกลับไปว่า ไม่ คุณต่างหากที่เป็นคนทำ แน่นอนว่าคำพูดถากถางดังกล่าวอาจทำให้เขาอยู่ในอันตราย แต่ ปิกัสโซ ไม่เกรงกลัวต่อเผด็จการ
ปาโบล ปีกัสโซ คือศิลปินผู้ทำงานหลายแขนงไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ สื่อผสม เซรามิก ไปจนถึงงานออกแบบเวทีละคร เขาเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 1973 ขณะอายุได้ 91 ปี ที่เมืองมูแฌ็ง ประเทศฝรั่งเศส โดยทิ้งมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมเอาไว้บนโลกนี้มากมาย
สืบค้นและเรียบเรียง สิทธิโชติ สุภาวรรณ์
PHOTOGRAPHS BYPAOLO WOODS ANDGABRIELE GALIMBERT และ wikipedia
ที่มา
https://en.wikipedia.org/wiki/Pablo_Picasso
https://thestandard.co/podcast/ thesecretsauce73/
https://tuemaster.com/blog/ปาโบล-ปิกาโซ- pablo-picasso-กับผลงานส/
https://readthecloud.co/pablo-ruiz- picasso-house-museum-in-malaga/