วิวัฒนาการของมนุษย์ (Human Evolution) โฮโมเซเปียนส์ การคัดเลือกโดยธรรมชาติ

วิวัฒนาการของมนุษย์ โฮโมเซเปียนส์ และสิ่งมีชีวิตนั้น เป็นผลมาจาก “การคัดเลือกโดยธรรมชาติ”

วิวัฒนาการของมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ คือ กระบวนการการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมและการพัฒนาของสิ่งมีชีวิต โดยถ่ายทอดลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไปยังสิ่งมีชีวิตรุ่นต่อไป เพื่อให้เกิดการปรับตัวและเพิ่มโอกาสการมีชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง

ในปี 1859 ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ กล่าวถึงหลักการของวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตว่า วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตนั้น เป็นผลมาจาก “การคัดเลือกโดยธรรมชาติ” (Natural Selection) ทำให้เกิดการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อมต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสของการอยู่รอด โดยจะเกิดการถ่ายทอดลักษณะพิเศษจากการปรับตัวที่เกิดขึ้น ส่งผ่านไปยังสิ่งมีชีวิตในรุ่นต่อไป เช่น สี ขนาด รูปร่าง การสืบพันธุ์ หรือคุณสมบัติอื่นๆ

12 ทฤษฎี เราวิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์ได้อย่างไร?

วิวัฒนาการเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งอาจใช้เวลาหลายแสนจนถึงหลายล้านปี เพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ (Species) ในขณะที่สิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้ปรับตัวให้เหมาะสมต่อสภาพแวดล้อม อาจมีจำนวนประชากรลดลง หรืออาจถึงขั้นสูญพันธุ์จากโลกไปในท้ายที่สุด เปรียบเสมือนการต่อสู้กับทั้งธรรมชาติและตนเอง เพื่อความอยู่รอด (Survival of the Fittest)

วิวัฒนาการของมนุษย์ 

ต้นกำเนิดของตระกูลมนุษย์ หรือที่เรียกว่า “โฮมินิดส์” (Hominids) แยกตัวออกจากกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำพวกลิงใหญ่หรือลิงไม่มีหาง (Great ape) เมื่อราว 7 ถึง 13 ล้านปีก่อน

 

มนุษย์วานรยุคแรกเริ่ม หรือ

ออสตราโลพิเทคัส อะฟาเรนซิส

(Australopithecus afarensis) มีชีวิตอยู่บนโลกเมื่อราว 4 ล้านปีก่อน โดยวิวัฒนาการมาจากกลุ่มวานรสายพันธุ์ต่างๆ เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปในทวีปแอฟริกาจากป่าฝนเขตร้อน (Rain forest) ไปเป็นทุ่งหญ้า (Savannah) และป่าโปร่ง

ส่งผลให้เกิดการปรับตัวเพื่อให้สามารถมีชีวิตอยู่ได้ทั้งบนต้นไม้และบริเวณพื้นที่ราบ ออสตราโลพิเทคัส อะฟาเรนซิส จึงสามารถยืนตัวตรง มีมือ 2 ข้างที่คล่องแคล่ว สามารถใช้หินเป็นเครื่องมือ รวมถึงมีขนาดสมอง (ราว 400 ถึง 500 ลูกบาศก์เซนติเมตร) ใหญ่กว่าวานรสายพันธุ์อื่นๆ

อ่านต่อหน้า 2 สายพันธุ์ของมนุษย์ตั้งแต่ยุคแรก

สายพันธุ์ของมนุษย์ตั้งแต่ยุคแรก

จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปในทวีปแอฟริกานี้ ส่งผลให้ทุกสรรพชีวิต รวมถึงมนุษย์วานรในยุคแรกเริ่มต้องทำการปรับตัว ก่อให้เกิดมนุษย์วานรสายพันธุ์ใหม่ รวมถึงต้นตระกูลบรรพบุรุษของมนุษย์เรา (Homo) ซึ่งประกอบไปด้วย

ในช่วงต้นของสายวิวัฒนาการมนุษย์เริ่มจาก โฮโม แฮบิลิส (Homo habilis) มีชีวิตอยู่เมื่อ 2.35 ล้านปีก่อน เป็นมนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่มีความคล่องตัวมากขึ้น มีขนาดสมองที่ใหญ่ขึ้น (600 ถึง 750 ลูกบาศก์เซนติเมตร) และเป็นมนุษย์ดึกดำบรรพ์ยุคแรกที่สามารถคิดค้นอาวุธและประดิษฐ์เครื่องใช้เครื่องมือจากหิน

โฮโม เออร์แกสเตอร์ (Homo ergaster) เป็นสายพันธุ์ที่มีชีวิตอยู่บนโลกของเราเมื่อราว 1.8 ล้านปีก่อน มีความคล้ายคลึงมนุษย์ในปัจจุบันมาก เป็นมนุษย์ดึกดำบรรพ์สายพันธุ์แรกที่สื่อสารกันด้วยคำพูด มีโพรงจมูกและมีสัดส่วนแขนสั้นกว่าขา ซึ่งทำให้ โฮโม เออร์แกสเตอร์ เป็นคู่แข่งที่สำคัญของโฮโม แฮบิลิส จนส่งผลให้ โฮโม แฮบิลิส ต้องสูญพันธุ์ไปในท้ายที่สุด โดย โฮโม เออร์แกสเตอร์  มีทักษะยอดเยี่ยมในการสร้างอาวุธและเครื่องไม้เครื่องมือที่สลับซับซ้อน

โฮโม อีเรกตัส (Homo erectus) มีวิวัฒนาการโดยตรงมาจาก โฮโม แฮบิลิส ในอีกราว 3 แสนปีต่อมา เป็นมนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่มีทักษะยอดเยี่ยมในการใช้เท้า ทั้งการเดินและการวิ่ง มีรูปร่างสูงขึ้นและสมองที่ใหญ่ขึ้น (1,100 ลูกบาศก์เซนติเมตร) รวมถึงความสามารถในการพูดจาสื่อสาร เป็นมนุษย์สายพันธุ์แรกที่ริเริ่มจุดไฟ รวมถึงการสร้างที่พักอาศัย

นอกจากนี้ โฮโม อีเรกตัส ยังเป็นมนุษย์ดึกดำบรรพ์สายพันธุ์แรกที่อพยพออกจากทวีปแอฟริกา โดยโครงกระดูกของโฮโม อีเรกตัส ถูกค้นพบในดินแดนต่างๆ ทั้งในทวีปยุโรป (Homo antecessor) และทวีปเอเชีย โดยที่สายพันธุ์ที่ถูกค้นพบในประเทศจีนได้รับการเรียกขานว่า “มนุษย์ปักกิ่ง” (Homo erectus pekinesis) เช่นเดียวกับ “มนุษย์ชวา” (Homo erectus soloensis) ที่พบในประเทศอินโดนีเซีย

อ่านต่อหน้า 3 สายพันธุ์มนุษย์ที่วิวัฒนาการมาจนถึงปัจจุบัน

สายพันธุ์มนุษย์ที่วิวัฒนาการมาจนถึงปัจจุบัน

โฮโม นีแอนเดอร์ธาลเอนซิส (Homo neanderthalensis) อาศัยอยู่ในทั้งในทวีปยุโรปและเอเชียเมื่อราว 3 แสนปีก่อน มีขนาดสมองราว 1,400 ลูกบาศก์เซนติเมตร อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ออกล่าสัตว์ร่วมกัน สามารถใช้ประโยชน์จากไฟ มีเสื้อผ้าสวมใส่ รวมถึงการมีสังคม วัฒนธรรมและมีความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ เช่น ภาพจิตรกรรมฝาผนัง แต่ โฮโม นีแอนเดอร์ธาลเอนซิส หรือ มนุษย์นีแอนเดอร์ธาล สูญพันธุ์ไปเมื่อราว 40,000 ปีก่อน

โฮโม เซเปียนส์ (Homo Sapiens) หรือมนุษย์ในปัจจุบัน เมื่อราว 2 แสนปีก่อน ซึ่งเป็นมนุษย์สายพันธุ์เดียวที่หลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้ เรามีภาษา วัฒนธรรม และความสามารถในการสร้างสรรค์และประดิษฐ์สิ่งต่างๆ โฮโม เซเปียนส์ ได้ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์ยุคก่อน จากการล่าสัตว์ พัฒนาจนเกิดการทำเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม จากการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มประชากรเล็กๆ พัฒนาจนกลายเป็นหมู่บ้าน เมืองและประเทศ ซึ่งมนุษย์ปัจจุบันนั้น ปรากฏขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ของโลกในช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป โดยในประเทศไทยพบหลักฐานของ โฮโม เซเปียนส์ ที่เก่าแก่ที่สุดถูกพบในจังหวัดกระบี่

ทวีป

ปรากฏขึ้นครั้งแรกเมื่อ

แอฟริกา

160,000  ปีก่อน

ยุโรป

40,000 ปีก่อน

เอเชียตะวันออก

100,000 – 60,000 ปีก่อน

ออสเตรเลีย

50,000 ปีก่อน

อเมริกา

15,000 ปีก่อน

ทุกวันนี้ มนุษย์เรายังคงพัฒนาและแสวงหาความก้าวหน้าเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม วิวัฒนาการที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นผลมาจากการพัฒนาทางสังคม วัฒนธรรมและเทคโนโลยี มากกว่าวิวัฒนาการโดยตรงจากโครงสร้างทางชีววิทยาเหมือนเช่นในอดีต

ภาพแสดงทิศทางการอพยพของโฮโม

ตลอดระยะเวลาหลายล้านปีที่ผ่านมา ทุกชีวิตบนโลกต่างดำรงอาศัยอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ขณะที่ผลจากการกระทำของมนุษย์ในช่วงระยะเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมานี้ ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทั้งธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นๆ ทำให้การมีชีวิตรอดท่ามกลางโลกที่แปรเปลี่ยนเร็วขึ้น กลายเป็นเรื่องยากและเสี่ยงต่อการสูญสิ้นของเผ่าพันธุ์

ดังนั้น วิวัฒนาการและการปรับตัวจึงยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดิ้นรนให้มีชีวิตรอดบนโลกใบนี้


ข้อมูลอ้างอิง

http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=33&chap=4&page=chap4.htm
https://kids.frontiersin.org/article/10.3389/frym.2019.00022
https://scienceforthekids.wordpress.com/2013/03/12/what-is-evolution/
https://www.trueplookpanya.com/blog/content/57798
https://cosmosmagazine.com/palaeontology/where-did-we-come-from-a-primer-on-early-human-evolution
https://www.nationalgeographic.com/news/2015/09/human-evolution-101/
https://earthhow.com/human-evolution-timeline/#infographic


มนุษย์จะเป็นอย่างไรในอนาคต?

ขอบคุณภาพจาก Artystarty / iStock
© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.