เรื่องราวจากกาแลกซีอันไกลโพ้นเต็มไปด้วยจินตนาการทางวิทยาศาสตร์ล้ำสมัยมากมายซึ่งสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ให้แก่แฟนหนังอยู่เสมอ คุณ Elizabeth Holm นักวัสดุศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอนกล่าวว่า “ฉันคิดว่านักวิทยาศาสตร์หลายๆ คนได้ความรู้สึกจากตัวหนังว่า มันก็เป็นไปได้นะ และมันทำให้ฉันจินตนาการถึงอนาคตมากกว่าปัจจุบันอีกด้วย”
สตาร์ วอร์สร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ไว้อย่างไร สามารถอ่านได้ที่นี่
จุดจบของดาวมรณะ
“ดาวมรณะ” หรือ “เดธสตาร์” (Death Star) นั้นไม่ใช่ดวงจันทร์แต่เป็นสุดยอดขีปนาวุธของจักรวรรดิกาแลกติกที่มีประสิทธิภาพการทำลายล้างสูง ไม่สมดุลกับความทนทาน คุณกาย วอล์คเกอร์ (Guy Walker) อาจารย์วิศวกรรมโยธาแห่งมหาวิทยาลัยแฮเรียต-วัตต์ ประเทศสก็อตแลนด์ และคณะของเขา ทำการศึกษาคู่มือโมเดลทางเทคนิคของเดธสตาร์และหาข้อบกพร่องของดาวมรณะโดยจำกัดเวลาเพียงสี่วัน ซึ่งเทียบเท่ากับเวลากับที่พันธมิตรกบฏ (Rebel Alliance) ใช้ในการวางแผน
การวิเคราะห์ด้วยกรอบวิธี “Work domain analysis” ทำให้คุณกายและคณะสามารถยืนยันถึงความบกพร่องทางวิศวกรรมในช่องระบายความร้อนของดาวมรณะได้ นอกจากนั้นยังมีจุดอ่อนอื่นๆ เช่นระบบรักษาความปลอดภัยของระบบแรงโน้มถ่วงที่มีระดับต่ำและความอ่อนไหวต่อการโจมตีทางชีวภาพของดาว การวิจัยมีผลสรุปว่ากลวิธีที่มีประสิทธิภาพในการทำลายดาวมรณะที่สุดคือ “การใช้ อาร์ทูดีทู (R2-D2) สอดแทรกไวรัสคอมพิวเตอร์ไปในเครือข่ายของเดธสตาร์” ซึ่งอาจฟังดูไม่น่าตื่นเต้นเท่าในหนังเท่าไหร่
การแพทย์ในกาแลกซีอันไกลโพ้น
สงครามในกาแลกซีอันไกลโพ้นเต็มไปด้วยอันตรายจากอาวุธนานาชนิดทั้งปืนเลเซอร์และกระบี่แสง การมีชีวิตรอดจึงต้องพึ่งพาการแพทย์และระบบดูแลสุขภาพที่มีประสิทธิภาพและล้ำสมัยอย่างแขนกลของลุค สกายวอล์คเกอร์ (Luke Skywalker) และ “ชุดปรับแรงดันบรรยากาศสูง” (wearable pressurized hyperbaric chamber) ซึ่งช่วยในการหายใจของอนาคินหลังจากที่เขาแพ้การประลองบนที่สูงกว่าให้กับโอบีวัน เคโนบี
สองอายุรแพทย์ชาวเดนมาร์กประจำโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน คุณ Ronan Berg และคุณ Ronni Plovsing ทำการวิจัยโดยศึกษาจังหวะการพูดของดาร์ธ เวเดอร์แบบฉากต่อฉากเพื่อเป็นกรณีศึกษาสำหรับนักเรียนแพทย์ของพวกเขา
การวิจัยให้เหตุผลว่าปอดของดาร์ธ เวเดอร์นั้นถูกลวกจนพองจากความร้อนจากการสูดหายใจก๊าซและอนุภาคความร้อนสูงในภูเขาไฟ เยื่อปอดของเขาเป็นแผลพุพองเรื้อรังทำให้เขาต้องใส่ “ชุดปรับแรงดันบรรยากาศสูง” ซึ่งช่วยดันอากาศเข้าไปในปอด อย่างไรก็ตาม คุณ Berg กล่าวว่าทางเลือกการรักษาของเขาน่าจะเป็นการปลูกถ่ายอวัยวะปอดมากกว่า และ “การหาปอดสภาพดีให้รองผู้บัญชาการของจักรวรรดิเผด็จการคงทำได้ไม่ยากหรอก”
“ภัยซ่อนเร้น”
นอกจากความเจ็บป่วยทางกายภาพแล้ว มนุษย์และสิ่งมีชีวิตในหมู่ดาวอันไกลโพ้นอาจมีความเจ็บป่วยทางจิตเหมือนมนุษย์โลกอีกด้วย
จดหมายถึงบรรณาธิการนิตยสาร Psychiatry Research ในปี พ.ศ. 2554 เขียนโดยทีมจิตแพทย์ชาวฝรั่งเศสนำโดยคุณ Eric Bui พูดถึงอนาคินว่าเขาอาจเป็นผู้ป่วยที่มี “ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบก้ำกึ่ง” (Borderline Personality Disorder) ซึ่งเป็นสาเหตุให้เขามีอารมณ์ขึ้นลงไม่คงที่ มีท่าทีการแสดงออกแบบหุนหันพลันแล่นและเข้าสังคมได้ยาก โดยสถาบันสุขภาพจิตแห่งอเมริกา (National Institute of Mental Health) ประเมินว่าชาวอเมริกันกว่า 3 ล้านคนมีลักษณะนิสัยแบบนี้เช่นกัน
การศึกษาในปี พ.ศ. 2558 ของนักจิตแพทย์สองท่าน คุณ Ryan C. W. Hall และคุณ Susan Hatters Friedman พบสัญญาณของโรคจิตเวชในตัวละครอื่นๆ เช่นโรค “ไซโคพาธ” (psychopath) ของ “จั๊บบ้า เดอะฮัตต์” โรคเสพติดการพนันของแลนโด คาลริสเซียน รวมถึงอาการของโรคซึมเศร้าในผู้สูงวัยของโอบีวัน เคโนบี อย่างไรก็ตาม กรณีศึกษาที่จิตแพทย์ทั้งสองรายเน้นเป็นของ “จักรพรรดิพัลพาทีน” (Emperor Palpatine) ซิธลอร์ดมหาวายร้ายแห่งจักรวรรดิกาแลกติกผู้ซึ่งมีสติสัมปชัญญะและสุขภาพจิตที่สมบูรณ์ดี
“เมื่อมีการกระทำเลวร้ายเกิดขึ้น หลายคนอาจมองว่าปัญหามันมาจากความป่วยทางจิตของ แต่ความจริงแล้วผู้ป่วยทางจิตมักเป็นเหยื่อของความรุนแรงมากกว่า”
นอกจากนี้ยังมีการวินิจฉัยชาวกันแกนจอมพล่ามอย่างจาร์ จาร์ บิงคส์ (Jar Jar Binks) ว่าเขาเป็นโรคสมาธิสั้น หรือ “attention-deficit hyperactivity disorder” (ADHD) ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับทฤษฎีที่ว่าจาร์ จาร์บิงคส์เป็นอภิมหาซิธลอร์ดอีกรายเท่าไหร่นัก
“เราทุกคนต่างเคยประสบกับความเศร้าและความทุกข์ยาก เราจึงควรเรียนรู้จากตัวละครเหล่านี้และหวังว่าเราจะก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ ดังที่ตัวละครทำได้” คุณ Hall กล่าว
ค้นหาดาวทาทูอีน
เรื่องราวการผจญภัยของลุคเริ่มขึ้นบนดาวที่มีชื่อว่า “ทาทูอีน” (Tatooine) ทาทูอีนเป็นดาวเคราะห์แห้งแล้ง เต็มไปด้วยทะเลทรายและชุมนุมไปด้วยเดนมนุษย์ นอกจากนี้ทาทูอีนยังมีพระอาทิตย์สองดวงซึ่งเรียกได้ว่ามันเป็นดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดาวฤกษ์คู่ (circumbinary planet)
ในปี พ.ศ. 2543 คุณ Matthew Muterspaugh จากมหาวิทยาลัยเทนเนสซีและคุณ Maciej Konacki จากวิทยาลัยวิทยาศาสตร์โปแลนด์ (Polish Academy of Sciences) ริเริ่มโปรเจกต์ค้นหาดาวเคราะห์โคจรรอบดาวฤกษ์คู่ของพวกเขา ชื่อโปรเจกต์ของพวกเขาคือ “ความพยายามในการสังเกตดาวเคราะห์นอกระบบในสภาพวงโคจรไม่เป็นเดี่ยว” หรือ “The Attempt To Observe Outer-planets In Non-single-stellar Environments” ซึ่งเรียกสั้นๆ ว่า “TATOOINE”
โปรเจค TATOOINE เสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2552 ด้วยข้อมูลที่ไม่เพียงพอที่จะยืนยันถึงการปรากฏของดาวเคราะห์โคจรรอบดาวฤกษ์คู่ อย่างไรก็ตาม คุณจอร์จ ลูคัสชื่นชอบชื่อโปรเจกต์เป็นอย่างมากและเขาได้ให้สิทธิ์พิเศษแก่คุณ Muterspaugh ในการเยี่ยมสำนักงาน “Skywalker Ranch” อีกด้วย
แม้โปรเจกต์อาจไม่ได้ข้อมูลเท่าที่ต้องการ แต่นักดาราศาสตร์ทั้งสองรายมองว่าจักรวาลอันกว้างใหญ่ยังคงมีความมหัศจรรย์เกินจินตนาการหลายอย่างรออยู่ “จักรวาลนี้น่าสนใจมากกว่าสตาร์วอร์อีกนะ หลายอย่างยังคงเหนือความคาดหมายของผู้กำกับหนังเองด้วย” คุณ Konacki กล่าว
แปล นิธิพงศ์ คงปล้อง
โครงการสหกิจศึกษากองบรรณาธิการเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย