กรุงเวียนนา ได้รับสมญานามว่า “เมืองแห่งศิลปะและดนตรี” และขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแสนโรแมนติกแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งนักแต่งเพลงคลาสสิกอย่าง บีโธเฟ่น, โมสาร์ท, ชูเบอร์ก, บราห์ม หรือ โยฮัน สเตราส์ ศิลปินอมตะแห่งดนตรีคลาสสิกล้วนมาจากเมืองนี้ นอกจากนี้กรุงเวียนนายังถูกยกให้เป็นเมืองที่มีความเข้มแข็งและมั่นคงทั้งทางด้าน เศรษฐกิจ วัฒนธรรม รวมถึงการเมือง
ในปี 2018 กรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรียยังคงครองแชมป์เมืองน่าอยู่ถึง 10 ปีซ้อน ซึ่งผลการสำรวจและจัดอันดับ “The Global Liveability Report 2018” ของนิตยสาร The Economist Intelligence Unit กรุงเวียนนาได้คะแนนรวมถึงร้อยละ 99.1
ความโดดเด่นและคุณภาพชีวิตที่ดีในกรุงเวียนนา
นอกจากดนตรีคลาสสิกและสถาปัตยกรรมอันสวยงามของเมือง กรุงเวียนนายังถือว่าเป็นเมืองเงียบสงบ เพราะชาวออสเตรียนเป็นคนอนุรักษ์นิยม ไม่ชอบความรุนแรงและความขัดแย้ง ทำให้เป็นเมืองที่มีปัญหาอาชญากรรมต่ำเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ในแถบยุโรป ทำให้กลายเป็นเมืองที่โดดเด่นในเรื่องความปลอดภัยของประชากร และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ออสเตรียเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ซึ่งเห็นได้จากวัฒนธรรมและความมั่งคั่งของประเทศ โดยชาวออสเตรียนมีลักษณะนิสัยใจคอรักความสงบเป็นมิตรกับผู้มาเยือน จึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากในแต่ละปี ซึ่งเป็นเมืองทำรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุดของประเทศ
นอกจากนี้ยังมีระบบขนส่งสาธารณะสุขและการคมนาคมขนส่งอันยอดเยี่ยม เพราะมีระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ ที่แสนสะดวกสบาย รวมทั้งมีเส้นทางปั่นจักรยานสำหรับประชาชน เพื่อลดอัตราการเดินทางโดยพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิง จึงเรียกได้ว่าเป็นเมืองที่มีระดับมลพิษน้อยและมีสภาพแวดล้อมที่ดี และได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองสีเขียว ทั้งนี้ยังมีบริการสาธารณสุขครอบคลุมอย่างทั่วถึง ประชาชนจะมีประกันสุขภาพทุกคน ราคาเช่าบ้านไม่สูงมากเมื่อเทียบกับรายได้ รวมไปถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความเพียบพร้อมของสถานที่สันทนาการต่างๆ
ผลการจัดอันดับวัดมาจากอะไร
การจัดอันดับมาจากผลการสำรวจและประเมินข้อมูลของเมืองทั่วโลกถึง 140 แห่ง โดยพิจารณาจากปัจจัยเชิงคุณภาพ ทั้งเสถียรภาพทางการเมืองและสังคม ปัญหาอาชญากรรม ความมั่นคงทางวัฒนธรรม สภาพแวดล้อม การศึกษา รวมไปถึงการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข นอกจากนี้กรุงเวียนนายังขึ้นแท่นอันดับหนึ่งแทนเมืองเมลเบิร์นที่ครองแชมป์นานถึง 7 สมัย
จากผลรายงานกล่าวว่า “แม้ว่าเมลเบิร์นและเวียนนาจะจดทะเบียนสำหรับเมืองที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา แต่คะแนนของกรุงเวียนนาที่เพิ่มขึ้นในเรื่องความมั่นคงนั้นเพียงพอสำหรับการขึ้นเป็นอันดับหนึ่งแซงหน้าเมืองเมลเบิร์นได้”
ซึ่งในการประเมินครั้งนี้เมืองต่างๆ ถูกคั่นด้วยคะแนนเพียง 0.7 จากคะแนนร้อยละของเวียนนาที่สูงถึง 99.1 แน่นอนว่าเมืองเมลเบิร์น ครองอันดับสองด้วยคะแนน 98.4 โดยเวียนนาและเมลเบิร์นมีผลคะแนนดีเยี่ยมในด้านสาธารณะสุขและด้านการศึกษา ทำให้คะแนนห่างกันอยู่ไม่มากนัก
ปัจจัยเชิงคุณภาพที่ส่งผลต่อการจัดอันดับ
หากมองไปถึงปัจจัยเชิงคุณภาพเหล่านี้ ทำให้เมืองที่อยู่ในอันดับรั้งท้ายและมีค่าดัชนีต่ำกว่าเกณฑ์ มักเป็นเมืองที่มีผลกระทบมาจากภาวะการทำสงคราม ความไม่สงบทางการเมือง การก่อการร้าย หรือปัญหาอาชญากรรม เหตุนี้ผลกระทบดังกล่าวมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการประเมินผลและการจัดอันดับเมืองที่มีคะแนนน้อยสุดจนติดทำเนียบ 10 อันดับเมืองน่าอยู่น้อยที่สุดในปี 2018
ซึ่งเมืองที่ได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองอย่างกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย มีผลคะแนนรวมเพียง 30.7 ทำให้กรุงดามัสกัส ถูกมองว่าเป็นเมืองน่าอยู่น้อยที่สุด ตามด้วยเมืองธากา ประเทศบังกลาเทศ และเมืองลากอส อดีตเมืองหลวงของประเทศไนจีเรีย
ในขณะที่การจัดอันดับเมืองน่าอยู่ปี 2018 กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ติดอยู่ในอันดับที่ 98 จาก 140 ประเทศทั่วโลก
10 อันดับเมืองน่าอยู่ปี 2018
อันดับแรก กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
อันดับสอง เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
อันดับสาม เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น
อันดับสี่ เมืองคาลการี ประเทศแคนาดา
อันดับห้า ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
อันดับหก แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา
อันดับเจ็ด เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
อันดับแปด โทรอนโต ประเทศแคนาดา
อันดับเก้า โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
อันดับสิบ แอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย
***แปลและเรียบเรียงโดย ปุณยวีร์ เฉลียววงศ์เจริญ
โครงการนักศึกษาฝึกงาน กองบรรณาธิการ นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย