มรดกโลกอิหร่านที่อาจสูญเสียในความขัดแย้งอิหร่าน-สหรัฐ
เนื่องจากความตึงเครียดที่ระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่าน แหล่ง มรดกโลกอิหร่าน ของวัฒนธรรมจักรวรรดิเปอร์เซียที่ขึ้นชื่อเหล่านี้อาจถูกทำลายไปด้วย จากพระราชวังเปอร์เซียที่แผ่ขยายไพศาลไปจนถึงศาสนสถานที่มีสถาปัตยกรรมละเอียดอ่อนโดดเด่น อิหร่านเป็นที่ตั้งของแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโกถึง 22 แห่ง รวมถึงสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญระดับโลกนับร้อยแห่ง ซากเมืองหลวงเก่าปาซาร์กาดีและเปอร์เซโปลิส (Pasargadae and Persepolis) ยังคงแสดงออกถึงอำนาจจากหลากเชื้อชาติของมหาจักรวรรดิที่เป็นผู้สร้าง และนวัตกรรมด้านโครงสร้างพื้นฐานทำให้เมืองกลางทะเลทรายของประเทศยังคงมีน้ำใช้จนถึงทุกวันนี้ ผู้แสวงบุญนับล้านคนยังคงหลั่งไหลไปเยือนอนุสาวรีย์ของศาสนาอิสลามนิกายชีอะฮ์ และยังมีเมืองของอิหร่านอีกมากมายที่ได้รับการขึ้นทะเบียนด้านความสำคัญทางประวัติศาสตร์ขององค์การยูเนสโก
นั่นเป็นเหตุผลว่า การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความลงบัญชีทวิตเตอร์เตือนว่าสหรัฐฯจะพุ่งเป้าการโจมตีไปที่แหล่งมรดกโลกของอิหร่าน จึงได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง
มรดกโลกทางวัฒนธรรมได้รับการปกป้องตามอนุสัญญาปี 1954 เพื่อคุ้มครองทรัพย์สินวัฒนธรรมในกรณีการขัดแย้งกันด้วยอาวุธ (1954 Hague Convention for the Protection of Cultural Property in the Event of Armed Conflict) และอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติปี 1972 (1972 Convention Concerning the Protection of the World Cultural and Natural Heritage) โดยทั้งสหรัฐฯและอิหร่านต่างลงนามในอนุสัญญาสองฉบับนี้
เมืองโบราณปาซาร์กาดีและเปอร์เซโปลิส ซึ่งมีคุณค่ามากที่สุดของอิหร่าน เป็นศูนย์กลางจักรวรรดิเปอร์เซียโบราณ และเป็นสถานที่แสดงออกถึงวิสัยทัศน์และศิลปะของบรรดาสถาปนิก ยังคงมีชื่อก้องมานานกว่า 2,000 ปีให้หลัง นครยาซิดและชูสตาร์ (Yazd and Shustar) คือประจักษ์พยานแห่งนวัตกรรมของวิศวกรยุคโบราณที่ใช้พลังจากน้ำเพื่อรักษาพื้นที่ต้นไม้ของเมืองมาเป็นเวลานับพันปี และมีอนุสรณ์สถานทางศาสนามากมาย นับตั้งแต่มัสยิดวันศุกร์แห่งเมืองอิสฟาฮานที่มีรายละเอียดการตกแต่งอันวิจิตรบรรจง ไปจนถึงพื้นที่ของศาสนสถาน Sheikh Safi al-Din และอารามนักบุญ Thaddeus ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงถึงความหลากหลายที่แบ่งบานใจกลางภูมิภาคเอเชียตะวันตก
เหตุผลที่มรดกทางวัฒนธรรมควรได้รับการปกป้องอย่างยิ่งในช่วงสงคราม เนื่องจากศิลปวัตถุและอนุสรณ์สถานต่างๆเหล่านี้สะท้อนคุณค่าของชุมชนหรือวัฒนธรรมที่ให้ความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน รวมไปถึงการแสดงออกถึงความต่อเนื่องของมรดกทางวัฒนธรรม ดังนั้น การทำลายสถานที่เหล่านี้ก็คือการลบล้างอัตลักษณ์ของมนุษย์นั่นเอง
เมืองยาซิด (Yzad) ของอิหร่านที่เป็นบ้านของผู้คนราวห้าแสนคนและได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโกเมื่อปี 2017 ได้รับการยอมรับในด้านมรดกทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ภาพถ่ายโดย RICHARD I’ANSON, GETTY IMAGES เสาวิหารของพระราชวังอายุ 2,500 ปี ตั้งตระหง่านที่เมืองเปอร์เซโปลิส เมืองหลวงยุคโบราณของจักรวรรดิเปอร์เซียซึ่งสร้างขึ้นโดยพระเจ้าดาริอัสที่ 1 หรือพระเจ้าดาริอัสมหาราช (Darius The Great) ภาพถ่ายโดย DEAGOSTINI/ GETTY IMAGES หญิงมุสลิมชาวอิหร่านเข้าชม Qara Kelisa หรือโบสถ์ดำ (Black Church) มรดกโลกของยูเนสโกในเมือง Chaldran ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิหร่าน ซึ่งเป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่าอารามนักบุญ Thaddeus อารามหนึ่งในสามแห่งของชาวอาร์เมเนียในอิหร่านที่เป็นมรดกโลก ภาพถ่ายโดย HASAN SARBAKHSHIAN, AP มัสยิดวันศุกร์ (Friday Mosque) ที่มีการตกแต่งอย่างวิจิตร ชี้เส้นทางผู้ศรัทธาไปยังนครเมกกะ มัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดในอิหร่านแห่งนี้แสดงถึงสถาปัตยกรรมที่มีอายุ 1,200 ปีของอิหร่าน ภาพถ่ายโดย ERIC LAFFORGUE, BRIDGEMAN IMAGES ผู้ศรัทธารวมตัวกันที่ลานกว้างของศาสนสถานฟาติมา มาซุเมห์ (Fatima Masumeh Shrine) ในเมืองกอม ซึ่งสร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 9 ศาสนสถานแห่งนี้ถือว่าเป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญของศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ ภาพถ่ายโดย KONRAD ZELAZOWSKI, GETTY IMAGES ป้อมปราการแห่งเมืองแบม (The citadel of Bam) ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของอิหร่าน ทำหน้าที่เฝ้ายามเมืองมาเป็นเวลากว่า 2,500 ปี และรุ่งเรืองมากในยุคกลางเมื่อเมืองแบมทำหน้าที่เป็นจุดแลกเปลี่ยนการค้าที่สำคัญบนเส้นทางสายไหม แต่มรดกโลกแห่งนี้ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากเหตุแผ่นดินไหวในปี 2003 ภาพถ่ายโดย ERIC LAFFORGUE, BRIDGEMAN IMAGES ทางเข้าประตูเป็นสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ของพระราชวังพระเจ้าดาริอัส ภาพถ่ายโดย SIMON NORFOLK, NAT GEO IMAGE COLLECTION สุสานของพระเจ้าไซรัสที่ 2 แห่งเปอร์เซีย หรือพระเจ้าไซรัสมหาราช ผู้ขึ้นครองราชย์ในช่วง 559 – 530 ปีก่อนคริสตกาล ตั้งตระหง่านเหนือเมืองปาซาร์กาดี แหล่งมรดกโลกที่มีอาณาเขตกว่า 1.6 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยพระราชวังและพื้นที่ส่วนที่ยังเหลืออยู่ ภาพถ่ายโดย STEFAN AUTH, BRIDGEMAN IMAGES เรื่อง KRISTIN ROMEY
© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.