โบราณสถานกัมพูชา – “ปีนี้ มีผู้คนราว ๆ 1.4 ล้านคนวางแผนเดินทางไปยังนครวัด ศาสนสถานชื่อดังอันเก่าแก่ของกัมพูชาซึ่งมีอายุกว่า 900 ปี แต่กลับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่วางแผนจะไปเยี่ยมชมโบราณสถานที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น ‘เมืองหลวงของอาณาจักรขอมโบราณ’ อย่างเกาะแกร์ (Koh Ker) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากนครวัดออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 109 กิโลเมตร” ซาราห์ คลาสเซน (Sarah Klassen) นักโบราณคดีกล่าว
แม้ว่าเกาะแกร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาททรงพีระมิดขนาดใหญ่ที่สุดในกัมพูชาจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งล่าสุดของประเทศไปเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา กระนั้น สถานที่แห่งนี้ก็ยังคงเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางโบราณคดีที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ซึ่งมักถูกนักท่องเที่ยวมองข้าม
ด้วยเหตุนี้ บทความนี้จึงได้รวบรวม 4 โบราณสถานลับในกัมพูชาที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ถึง 15 ซึ่งเป็นช่วงที่อาณาจักรขอมโบราณรุ่งเรืองถึงขีดสุด มาแนะนำให้ผู้อ่านทุกท่านได้รู้จัก
อาณาจักรขอมซึ่งก่อตั้งขึ้นราว ๆ ปี ค.ศ. 802 เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ และสามารถแผ่ขยายอำนาจอาณาเขตออกไปได้อย่างกว้างไกลจนครอบคลุมพื้นที่เมียนมาไปจนถึงเวียดนาม ในยุคนั้น อาณาจักรขอมถูกปกครองโดยราชวงศ์สมมติเทพอันทรงอำนาจจากเมืองพระนคร เมืองหลวงของอาณาจักรซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทนครวัด มีอาณาบริเวณโดยรวมกว่า 1.6 ตารางกิโลเมตร พระปรางค์ห้ายอดที่ถูกแกะสลักอย่างประณีตงดงาม ตัวปราสาทที่ตั้งสูงตระหง่าน ระเบียงคดรอบพระปรางค์ รวมไปถึงลานโล่งที่ประดับประดาไปด้วยภาพสลักและงานประติมากรรม ล้วนแล้วแต่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ปราสาทนครวัด ซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 กลายเป็นศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในกัมพูชา จนภาพของสถานที่แห่งนี้ถูกนำไปใช้ในธงประจำชาติ
คลาสเซนซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการร่วมของโครงการ Cambodian Archaeological Lidar Initiative หรือโครงการสำรวจโบราณสถานในกัมพูชาด้วยเทคโนโลยีไลดาร์ และผู้อำนวยการของโครงการสำรวจแหล่งโบราณคดีเกาะแกร์ ได้กล่าวไว้ว่า “ความสามารถในการเกณฑ์และคุมกำลังคนมาสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่อย่างตัวปราสาทนครวัดเป็นอะไรที่น่าทึ่งมากค่ะ” เธอยังกล่าวเสริมอีกว่า “เพราะการสร้างสถาปัตยกรรมเช่นนี้เป็นเหมือนการพิสูจน์อำนาจและความเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมขอมโบราณ”
ฤดูแล้งอันยาวนานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เองก็มีส่วนทำให้ระบบอ่างเก็บน้ำและคลองที่ถูกสร้างขึ้นด้วยวิทยาการอันล้ำหน้าเข้าไปเกี่ยวข้องกับระบบการปกครองของอาณาจักรเช่นกัน “เพราะการบริหารจัดการน้ำมีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับบทบาทหน้าที่ของกษัตริย์อย่างใกล้ชิดค่ะ” คลาสเซนกล่าวเสริม พร้อมชี้ว่า ความเสียหายของระบบน้ำในอาณาจักรขอมโบราณอาจมีส่วนทำให้อาณาจักรอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ล่มสลาย
1. ปราสาทเกาะแกร์ (Koh Ker)
ปราสาทเกาะแกร์หรือปราสาทธม ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพีระมิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกัมพูชาคือ ปราสาทศูนย์กลางของเกาะแกร์ อดีตเมืองหลวงของอาณาจักรขอม “ที่นี่เป็นสถานที่แห่งเดียวที่ถูกตั้งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเช่นเดียวกับเมืองพระนคร แต่เกาะแกร์มีสถานะเป็นเมืองหลวงได้เพียง 16 ปีเท่านั้นค่ะ” คลาสเซนกล่าว สำหรับเธอ การย้ายศูนย์กลางของอาณาจักรกลับไปยังเมืองพระนครของชาวขอมโบราณนั้นยังเป็นหนึ่งในปริศนาที่บรรดานักวิจัยต้องค้นหาคำตอบต่อไป
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 10 พระเจ้าชัยวรมันที่ 4 ได้มีคำสั่งให้สร้างปราสาทหลายหลังขึ้นในบริเวณเกาะแกร์เพื่ออุทิศถวายแด่พระศิวะ ปราสาทเหล่านั้นมีชื่อเสียงจากศิวลึงค์แกะสลักซึ่งถูกนำไปประดิษฐานเอาไว้ตามบริเวณต่าง ๆ เอีย ดาริธ (Ea Darith) ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์อนุสรณ์สถานและโบราณคดีขององค์การแห่งชาติพระวิหาร (Preah Vihear National Authority) ได้ให้คำอธิบายเสริมไว้ว่า “ที่เกาะแกร์ไม่ได้มีเพียงพีระมิดเท่านั้น แต่ยังมีปราสาทลึงค์อีกมากกว่า 20 หลังครับ”
เนื่องจากเกาะแกร์ตั้งอยู่ใกล้กับเหมืองหิน งานสถาปัตยกรรมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นพีระมิดที่สูงกว่า 35 เมตร ทับหลัง หรือรูปแกะสลักต่าง ๆ ภายในแหล่งโบราณคดีแห่งนี้จึงมีความประณีตสวยงามกว่างานศิลป์ที่ปรากฏอยู่ในนครวัด “แท่งหินขนาดใหญ่ถูกนำมาใช้ครั้งแรกที่เกาะแกร์ครับ” ดาริธกล่าว นอกจากนั้นแล้ว นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมปราสาทเกาะแกร์ยังสามารถเดินทางไปยังปราสาทเบ็งเมเลีย (Beng Mealea) กลุ่มปราสาทฮินดูซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล เพื่อเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมแบบเดียวกับปราสาทนครวัดต่อได้
2. ปราสาทสมโบร์ไพรกุก (Sambor Prei Kuk)
กลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุกคือ แหล่งโบราณสถานที่มีปราสาทแบบศิลปะฮินดูซึ่งสร้างขึ้นด้วยอิฐมากกว่า 180 หลัง กระจัดกระจายไปตามพื้นที่ป่ารกทึบทางตะวันออกของกัมพูชา เดวิด บราเธอร์สัน (David Brotherson) นักโบราณคดีซึ่งประจำอยู่ที่เมืองเสียมราฐ อธิบายว่า “ในยุคก่อนอาณาจักรขอม ปราสาทสมโบร์ไพรกุกเป็นเมืองศูนย์กลางของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานอาศัยกระจายอยู่ทั่วกัมพูชา โดยผู้คนแต่ละกลุ่มจะติดต่อและเชื่อมโยงกันผ่านทางน้ำครับ ”
ดาริธอธิบายต่อว่า “กลุ่มปราสาท 3 หลังบนฐานเดียวกันในสมโบร์ไพรกุก ที่มีปราสาทหลังหนึ่งตั้งเป็นจุดศูนย์กลาง และมีงานสถาปัตยกรรมอื่น ๆ อยู่ล้อมรอบคือ ปราสาทอิฐที่สูงและใหญ่ที่สุดในกัมพูชาครับ”
3. ปราสาทเขาพระวิหาร (Preah Vihear)
ปราสาทเขาพระวิหารคือ ปราสาทหินที่ถูกสร้างขึ้นราว ๆ ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 10 ถึง 12 เพื่ออุทิศถวายแด่พระศิวะ ศาสนสถานโบราณแห่งนี้ตั้งอยู่บนทิวเขาพนมดงรัก บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาซึ่งสูงกว่า 600 เมตร บราเธอร์สันกล่าวว่า “สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ของเขาพระวิหารทำให้ปราสาทแห่งนี้โดดเด่นกว่าปราสาทแห่งอื่น ๆ ครับ”
“บนปราสาทจะมีทางเดินยาวประมาณ 800 เมตรที่สร้างขึ้นจากหินทราย เป็นถนนเชื่อมโคปุระหรือซุ้มประตูทั้ง 5 เข้าด้วยกันครับ” ดาริธกล่าว พร้อมชี้ว่า หินที่ใช้ปูทางถูกนำมาจากเหมืองหินบนภูเขา นักท่องเที่ยวสามารถเช่ารถจักรยานยนต์ได้ในราคาคันละ 5 ดอลลาร์ (ประมาณ 184 บาท) หรือเช่าเหมาคันรถสองแถวได้ในราคาคันละ 25 ดอลลาร์ (ประมาณ 920 บาท) เพื่อใช้เดินทางจากจุดจำหน่ายตั๋วเข้าไปยังตัวปราสาทได้
4. ปราสาทบันทายฉมาร์ (Banteay Chhmar)
ปราสาทบันทายฉมาร์อันห่างไกลแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทนี้ถือเป็นปราสาทขอมที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในกัมพูชา นอกจากนั้นภายในพื้นที่ของแหล่งโบราณสถานนี้ยังเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่ได้รับอิทธิพลมาจากปราสาทศาสนสถานทางพุทธศาสนาชื่อดัง เช่น ปราสาทบายนซึ่งแกะสลักตัวปราสาทเป็นรูปใบหน้าคนและมีภาพประติมากรรมนูนต่ำที่บอกเล่าเรื่องราวทาบงประวัติศาสตร์, รากต้นสมพงยักษ์ที่ปกคลุมตามตัวปราสาท, ราวบันไดที่ทำขึ้นตามแบบปราสาทพระขรรค์แห่งเมืองกำปงสวาย, และพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ 32 กร ที่ถูกแกะสลักลงบนผนังทางตะวันตกของปราสาทอย่างอย่างวิจิตรบรรจง
บราเธอร์สันอธิบายว่า “ที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของปราสาททางตะวันตกแห่งนี้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อใช้แสดงอำนาจของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และอำนาจของอาณาจักรขอมให้ศัตรูได้ประจักษ์ครับ” เขากล่าวเสริมว่า “จะเห็นได้ว่าปราสาทส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการบูรณะ ดังนั้น ผู้ที่มาเยี่ยมชมจะได้สัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่จากการเดินสำรวจปราสาทที่ยังอยู่ในสภาพดั้งเดิมครับ”
ในปัจจุบันนี้ มีบริษัทหลายแห่ง เช่น กลุ่มการท่องเที่ยวเมืองบันทายฉมาร์ จัดทัวร์หลากหลายรูปแบบขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศและโบราณสถานอันลึกลับที่ซ่อนอยู่ในผืนป่าลึกของกัมพูชา
แปล พรรณทิพา พรหมเกตุ