เมฆรูปธง (Banner Cloud) หรือ “เมฆป้าย” คือ หนึ่งในกลุ่มเมฆภูเขา (Orograhic Cloud) ที่ก่อตัวขึ้นจากการเคลื่อนที่ของกระแสอากาศหรือมวลอากาศในแนวระดับที่ยกตัวสูงขึ้น เมื่อเคลื่อนที่ปะทะเข้ากับสิ่งกีดขวาง โดยเฉพาะเทือกเขาสูงชัน และจะคงตัวอยู่ (Stationary Cloud) ด้านหลังลมของยอดเขาก่อนจะสลายตัวไป
เมฆรูปธงจึงถูกพบเห็นบ่อยครั้งตามเทือกเขาสูงที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว โดยเฉพาะภูเขาที่มียอดเขาแหลมคมและมีรูปทรงคล้ายพีระมิด ทำให้เมฆพิเศษชนิดนี้ เมื่อปรากฏขึ้นจึงดูคล้ายคลึงกับการมีธงหรือป้ายขนาดใหญ่โบกสะบัดอยู่เหนือยอดเขา และยังทำให้เมฆรูปธงส่วนใหญ่มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเพียงหิมะบนยอดเขาที่ถูกพัดลงมาตามกระแสลมเท่านั้น
การก่อตัวของเมฆรูปธง
เมฆรูปธงมีกลไกการก่อตัวคล้ายคลึงกับเมฆยอดเขา (Cap Cloud) ที่ได้รับอิทธิพลมาจากการยกตัวของภูมิประเทศ (Orographic Influence) ทำให้เกิดเมฆทางด้านรับลม (Windward Side) ของแนวเทือกเขาที่จะค่อย ๆ สลายตัวไป เมื่อกระแสลมเคลื่อนที่ลงไปตามด้านหลังลม (Leeward Side) ของเทือกเขา
อย่างไรก็ตาม เมฆรูปธงมักก่อตัวขึ้นและคงตัวอยู่ทางด้านหลังลมของภูเขาเท่านั้น เมื่อกระแสลมพัดผ่านเทือกเขาโดดเดี่ยวที่มีลักษณะของปลายยอดแหลม ทำให้กระแสอากาศที่มีความร้อนสูงพัดพาเอาความชื้นจากบริเวณที่ราบหรือพื้นที่ในระดับต่ำกว่า เคลื่อนที่ขึ้นไปตามแนวเทือกเขา ก่อนเย็นตัวลงและก่อให้เกิดการกลั่นตัวของไอน้ำ กลายเป็นกลุ่มเมฆที่ก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการแบ่งชั้นของกระแสลมเหนือยอดเขาด้านบน
การยกตัวขึ้นของมวลอากาศบางส่วนหลังเทือกเขา (Leeside Upwelling) และกระแสลมรอบเทือกเขาที่ทำให้เกิดการไหลวนของกระแสอากาศบริเวณปลายยอดในด้านหลังลม ก่อตัวเป็นเมฆรูปธงจากการไหลของกระแสอากาศที่เคลื่อนที่ด้านหลังเทือกเขา ทำให้เมฆรูปธงที่ก่อตัวขึ้นมีลักษณะคล้ายกับหิมะที่พัดพามาจากยอดเขา
เมฆรูปธงที่โด่งดังที่สุด
เมฆรูปธงที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ เมฆที่เกิดขึ้นเหนือยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น (The Matterhorn) ในสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีความสูงราว 4,475 เมตร และเหนือยอดเขาเอเวอเรสต์ (Mount Everest) ที่มีความสูงราว 8,848 เมตร ซึ่งเทือกเขาสูงทั้งคู่ต่างมีลักษณะปลายยอดแหลมคม รูปทรงคล้ายพีระมิด
เมฆรูปธงเหนือยอดเขาเอเวอเรสต์มักปรากฏขึ้นในเวลากลางวัน ก่อนสลายตัวไปในตอนเย็น โดยที่นักเดินทางและนักปีนเขาที่มีประสบการณ์มักนำการก่อตัวของเมฆรูปธงมาใช้ในการพยากรณ์สภาพอากาศ ซึ่งตำแหน่งและความสูงของเมฆสามารถช่วยบ่งบอกทิศทางลมและความรุนแรงของกระแสลมเหนือยอดเขา
เช่น เมื่อเมฆรูปธงที่ปรากฏขึ้นเหนือยอดเขาเอเวอเรสต์ชี้ไปทางทิศเหนือ แสดงว่าหิมะกำลังจะตกหนัก หรือหากเมฆรูปธงม้วนตัวขึ้นเหมือนควันจากปล่องไฟแทนการโบกสะบัดตามแรงลมเฉกเช่นปกติ นักปีนเขาส่วนใหญ่มักคาดการณ์ว่า สภาพอากาศกำลังจะเลวร้ายลง เป็นต้น
สืบค้นและเรียบเรียง
คัดคณัฐ ชื่นวงศ์อรุณ และณภัทรดนัย
World Meteorological Organization (WMO) – https://cloudatlas.wmo.int
University of Wyoming – http://www-das.uwyo.edu
Met Office College – https://www.weatheronline.co.uk
China Daily – http://en.chinaculture.org
Volkmar Wirth – https://www.researchgate.net