10 เรื่องราวดีๆของ สัตว์ป่า ปี 2020

ตั้งแต่การฟ้องร้อง “ไทเกอร์ คิง” ไปจนถึงการคุ้มครองตัวลิ่น ไม่ใช่ว่าทุกอย่างในปี 2020 จะเลวร้ายและเศร้าโศกเสมอไป  เรื่องราวดีๆของ สัตว์ป่า เช่นในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ประชาชนในรัฐโคโลราโดได้ลงมติเห็นชอบให้คืนชีพหมาป่าสีเทาซึ่งถูกล่าจนสูญพันธุ์เมื่อ 50 ปีก่อน

คงไม่มีใครปฏิเสธว่าปี 2020 นั้นถือเป็นปีที่หนักหน่วงอย่างมาก ไวรัสโคโรนาได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่าล้านคนทั่วโลกครอบครัว และชุมชนเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นในด้านของ สัตว์ป่า กลับไม่มีอะไรดีขึ้นเท่าที่ควร

รัฐบาลจีนส่งเสริมให้หมีรับการรักษาไวรัสโคโรนา เกิดการลักลอบล่าสัตว์เพิ่มขึ้น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศหยุดนิ่งและสัตว์ป่าที่ถูกกักขังอย่างเสือที่สวนสัตว์บรองซ์ และฟาร์มมิงค์ในเดนมาร์กได้รับการตรวจแล้วว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา เพื่อปกป้องมนุษย์จากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่พบในมิงค์ รัฐบาลเดนมาร์กจึงสั่งฆ่ามิงค์ที่อาศัยอยู่ในฟาร์มมากกว่า 15 ล้านตัว

แต่ปี 2020 ไม่ได้เลวร้ายมากขนาดนั้นเหล่านี้คือ 10 เรื่องราวที่เป็นประโยชน์ต่อสัตว์ป่า

เรื่อง : ราเชล โฟบาร์ และ ไดนา ฟายน์ มารอน

ภาพถ่าย : โรแนน โดโนแวน, เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก

1.สัตว์ป่าได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

การระบาดในช่วงแรก ๆ เกี่ยวข้องกับตลาดสดในอู่ฮั่น ประเทศจีน จึงทำให้การค้าสัตว์ป่าทั่วโลกเปลี่ยนไป ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 รัฐบาลจีนได้ออกคำตัดสินให้การค้าสัตว์ป่าเพื่อรับประทานเป็นความผิดทางอาญา

การล็อกดาวน์กระตุ้นให้เกิดการศึกษาธรรมชาติมากขึ้นอีกครั้ง จากเว็บไซต์วิทยาศาสตร์ภาคพลเมือง (Citizen Science) ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับบุคคลทั่วไปสามารถสังเกตและรายงานผลสภาพแวดล้อม ซึ่งตั้งแต่ปี 2019 มีการส่งข้อมูลโครงการอนุรักษ์เพิ่มขึ้น อย่างเว็บไซต์ SciStarter มีพลเมืองเข้าร่วมโครงการวิจัยที่ดำเนินการอยู่และได้รับการสนับสนุนข้อมูลเพิ่มขึ้นร้อยละ 480 ซึ่งแหล่งข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้นักวิจัยที่ต้องหยุดการทำงานภาคสนามชั่วคราวในช่วงที่มีการระบาดใหญ่สามารถเดินงานวิจัยต่อได้

ในเดือนมีนาคมและเมษายนในสหรัฐอเมริกาการจราจรบนท้องถนนลดลงมากถึงร้อยละ 73 และสัตว์ป่าอย่าง กวาง หมี และสิงโตภูเขาถูกรถชนลดลงร้อยละ 58 เฟรเซอร์ ชิลลิง ผู้อำนวยการร่วมเดวิส ศูนย์นิเวศวิทยาถนน (REC) มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย คาดการณ์ว่า การจราจรที่ลดลงร้อยละ 50 ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาหมายถึง สัตว์กว่า 500 ล้านตัวไม่ถูกฆ่าบนถนนและทางหลวง

2. เจ้าของสวนสัตว์ในสหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับผลกระทบทางกฎหมาย

ในช่วงต้นปี 2020 ก่อนที่ ไทเกอร์ คิง ของเน็ตฟลิกซ์ จะเริ่มฉาย โจเซฟ มัลโดนาโด-แพสเซจ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ โจ แอ็กโซติก เจ้าของฟาร์มเสือขนาดใหญ่ G.W. Zoo ถูกตัดสินจำคุก 22 ปี ในข้อหาก่ออาชญากรรม วางแผนที่จะสังหารแครอล บาสกิน (ประธานองค์กร Big Cat Rescue) รวมไปถึงการฆ่าเสือ 5 ตัวและขายเสือข้ามรัฐอย่างผิดกฎหมาย เจ้าของสวนสัตว์ที่มีชื่อเสียงรายอื่น ๆ ที่แสดงในรายการของเน็ตฟลิกซ์ ได้แก่ ดร.ภควัน ด็อก แอนเทิล และ ทิม สเตร็ก ก็ประสบปัญหาทางกฎหมายเช่นกัน

เจฟฟ์ ลอว์ เจ้าของสวนสัตว์ Exotic Animal Park Greater Wynnewood ของ โจ แอ็กโซติก แต่เดิมเขาได้สูญเสียใบอนุญาตในการจัดแสดงสัตว์สู่สาธารณะที่รัฐโอคลาโฮมา และตอนนี้เขาและภรรยาต้องเผชิญกับข้อหาทางเพ่งและคำสั่งศาลให้หยุดความพยายามใด ๆ ที่จะแสดงสัตว์ของพวกเขาทางออนไลน์หรือในโซเชียลมีเดีย

ภาพลูกเสือ และไลเกอร์เหล่านี้ถูกถ่ายที่ฟาร์มเสือ ของดร.ภควัน ด็อก แอนเทิล ในเมอร์เทิลบีช รัฐเซาท์แคโรไลนา ในปี 2018 (ไลเกอร์เป็นลูกของสิงโตตัวผู้และเสือตัวเมีย) เมื่อต้นปีนี้แอนเทิลถูกตั้งข้อหาค้าสัตว์ป่าและการทารุณกรรมสัตว์
ภาพถ่าย : สตีฟ วินเทอร์, เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก

3.นักอนุรักษ์ผิวสีเฉลิมฉลองความรักต่อสัตว์ป่าในช่วงสัปดาห์ Black Birders

ทุกอย่างเริ่มที่เซ็นทรัลพาร์ก นครนิวยอร์ก เมื่อผู้หญิงผิวขาวคนหนึ่งโทรแจ้งตำรวจหลังจากนักดูนกผิวสี คริสเตียน คูเปอร์ ขอให้เธอดูแลและจูงสุนัขของเธอในสวนสาธารณะ

สี่วันต่อมา คอไรนา นิวซัม นักศึกษาผิวสี ระดับบัณฑิตศึกษาด้านชีววิทยา ได้โพสต์วิดีโอบนทวิตเตอร์โดยกล่าวว่า “นานเกินไปแล้วที่สหรัฐอเมริกาได้แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการสำรวจกลางแจ้งเช่น การดูนกไม่เหมาะสำหรับคนผิวสีอย่างเรา ซึ่งสาเหตุมาจากวิธีที่สื่อเลือกที่จะนำเสนอว่า คนผิวสีคือคนนอก หรือการเหยียดสีผิว อย่างล่าสุดที่เราเห็นเมื่อไม่นานมานี้ใน เซ็นทรัลพาร์ก เราได้ตัดสินใจแล้ว ว่าเราจะเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้”

นิวซัม ร่วมจัดกิจกรรม Black Birders Week ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักวิทยาศาสตร์ผิวสีและผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ ได้มีโอกาสศึกษาธรรมชาติ รวมถึงได้รับการยอมรับในการทำกิจกรรมกลางแจ้งจากผู้คนในสหรัฐฯ

4. ลิ่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในการค้าที่ผิดกฎหมายมากที่สุดในโลกได้รับความคุ้มครองในประเทศจีน

ในเดือนมิถุนายน ปักกิ่งได้ให้การคุ้มครองตัวลิ่นในระดับสูงสุดภายใต้กฎหมายสัตว์ป่าของประเทศ การกำหนดนี้ห้ามการค้าในประเทศและการใช้ตัวลิ่นเกือบทั้งหมด จีนซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริโภคตัวลิ่นรายใหญ่ที่สุดได้ตัดตัวลิ่นออกจากรายชื่อส่วนผสมยาแผนโบราณ แม้แต่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายก็ไม่สามารถใช้เป็นวัตถุดิบได้อีกต่อไป

เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา พบการค้าลิ่นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่าแม้จะมีการห้ามการค้าในเชิงพาณิชย์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีเกล็ดทั่วโลกแล้ว แต่ตลาดของชิ้นส่วนตัวลิ่นสำหรับการแพทย์แผนจีนและเนื้อหรูหรายังคงเฟื่องฟู

ลิ่นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ตกอยู่ในการค้าผิดกฎหมายมากที่สุดในโลก ปัจจุบันได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติมภายใต้กฎหมายสัตว์ป่าของจีน ซึ่งประเทศจีนถือเป็นหนึ่งในผู้บริโภคลิ่นรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมักนำมาเป็นส่วนผสมของยาแผนโบราณ
ภาพถ่าย : เบรนต์ สเตอร์ทัน, เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก

5. จับกุมผู้ต้องสงสัยลักลอบขนกระรอกบิน

ในฟลอริดา เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายสำหรับแหล่งค้ากระรอกบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกจนนำไปสู่การจับกุมหลายครั้ง และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทางการฟลอริดาระบุว่ามีกระรอกบินหลายพันตัวหายไปจากป่าและถูกส่งไปยังลูกค้าชาวเกาหลีใต้

6. ความพยายามครั้งใหม่เพื่อต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นที่รุกรานเข้ามา

สหรัฐฯเพิ่มความพยายามมากขึ้นในการสกัดกั้นการนำเข้าสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นที่รุกรานมากที่สุดชนิดหนึ่ง นั่นคือปู Hairy-clawed ซึ่งถือเป็นอาหารอันโอชะ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า พวกเขายึดปูที่ยังมีชีวิตได้เกือบ 15,000 ตัวจากท่าเรือต่าง ๆ ตั้งแต่ปลายปี 2019

อีวา ลารา ฟิกัวร์โด หน่วยบริการปลาและ สัตว์ป่า แห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวกับเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิกว่า หากปูหลุดเข้าไปในป่าและเพิ่มจำนวนขึ้น พวกมันสามารถทำลายริมฝั่งแม่น้ำด้วยการรุกรานและล่าสัตว์ท้องถิ่น

7. ช้างในโรงละครสัตว์ถูกปลดเกษียณ

ในเดือนกันยายนนักอนุรักษ์ได้ประกาศว่าช้างของโรงละครสัตว์ Ringling Bros and Barnum & Bailey ถูกปลดเกษียณ และจะย้ายไปที่ศูนย์อนุรักษ์ที่มีพื้นที่กว่า 6,325 ไร่ในฟลอริดา

ในปีหน้า ศูนย์อนุรักษ์ไวท์อ็อก ซื้อช้างเอเชีย 35 ตัว เพื่อสร้างเป็นที่เก็บช้างเอเชียที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกตะวันตก มิเชล แกดด์ ผู้นำกลุ่มอนุรักษ์ระดับโลกของศูนย์อนุรักษ์ไวท์อ็อก กล่าวว่า เป็นโอกาสที่เราจะปล่อยให้พวกมันกลับไปใช้ชีวิตในป่ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ช้างที่ถูกปลดเกษียณจากโรงละครสัตว์ Ringling Bros. and Barnum ซึ่งเป็นภาพระหว่างการแสดงครั้งสุดท้ายในปี 2016
ภาพถ่าย BILL SIKES, AP PHOTO

8. พบแทสมาเนียนเดวิลในแผ่นดินใหญ่ของออสเตรเลียอีกครั้งในรอบหลายพันปี

แทสมาเนียนเดวิลหายไปจากแผ่นดินใหญ่ของออสเตรเลียเมื่อ 3,000 ปีก่อนซึ่งอาจเป็นเพราะนักชนเผ่าล่าพื้นเมือง ในปี 1990 รัฐแทสมาเนียจำนวนประชากรของแทสมาเนียนเดวิลลดลงเหลือ 25,000 ตัว หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคมะเร็งใบหน้าที่ติดต่อและร้ายแรงในแทสมาเนียนเดวิล

หลังจากนั้นในเดือนมีนาคมและกันยายน หลงเหลือแทสมาเนียนเดวิลเพียง 24 ตัวซึ่งถูกย้ายไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทางตะวันออกของออสเตรเลีย และตอนนี้เหล่าแทสมาเนียนเดวิลกำลังปรับตัวเข้าสภาพแวดล้อมใหม่ โดยทำการปล่อยพวกมันในพื้นที่ที่มีรั้วกั้น และติดปลอกคอวิทยุเพื่อติดตามพวกมันอย่างใกล้ชิด

ทิม ฟอล์กเนอร์ ประธานองค์กรฟื้นฟูสายพันธุ์ AussieArk กล่าวกับเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ว่า  “เราทำงานมานานกว่าทศวรรษ ตอนนี้มันจบลงแล้ว พวกมันเป็นอิสระแล้ว” เนื่องจากแทสมาเนียนเดวิลเป็นสัตว์กินซากพวกมันจึงมีบทบาทสำคัญในการรักษาระบบนิเวศให้แข็งแรง และนักวิทยาศาสตร์หวังว่าพวกมันจะช่วยคืนความสมดุลในพื้นที่ที่ถูกทำลายโดยสายพันธุ์ที่รุกรานอย่างสุนัขจิ้งจอกแดง

9.จากความร่วมมือระดับโลกสู่การปราบปรามการลักลอบค้าสัตว์ป่า

ระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคมหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจากทั่วโลกและเจ้าหน้าที่สัตว์ป่าได้ยึดของกลางซึ่งเป็นชิ้นส่วนของ สัตว์ป่า หลายพันรายการ

ส่วนหนึ่งของ Operation Thunder 2020 พบของเถื่อนเป็นตัวลิ่น 1,700 ตัว รถบรรทุกไม้สงวน 87 คัน ลิงชิมแปนซีมากกว่า 30 ตัว และสัตว์เลื้อยคลานกว่า 1,800 ตัว ความร่วมมือครั้งนี้นำโดยอินเตอร์โพลและองค์การศุลกากรโลก (WCO) ซึ่งเป็นความร่วมมือจากหลายร้อยประเทศ

ความร่วมมือกันดังกล่าวสามารถส่งเสริมขีดความสามารถของประเทศต่างๆให้สูงสุด เนื่องจากการตรวจผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายจำนวนมากพบว่า เอกสารและใบขออนุญาตเป็นของปลอม รีเบกกา เร็กเนอรี ผู้อำนวยการอาวุโสด้านสัตว์ป่าของมนุษยสังคมนานาชาติ กล่าว เมื่อประเทศต่างๆร่วมมือกัน ทำให้พวกเขาสามารถระบุตัวผู้กระทำผิดได้ดีขึ้นและเปรียบเทียบเอกสารเพื่อรับรองความถูกต้องได้แม่นยำขึ้น

10. หมาป่าสีเทาจะกลับมาอีกครั้งในรัฐโคโลราโด

ในเดือนพฤศจิกายนผลการลงคะแนนให้อนุมัติมาตรการนำหมาป่าสีเทากลับมาในเทือกเขาร็อกกีทางตอนใต้อีกครั้ง หลังจากพวกมันถูกล่าจนสูญพันธุ์ในปี 1940 เป็นครั้งแรกที่รัฐลงมติให้นำสัตว์เข้าสู่ระบบนิเวศอีกครั้ง และกรมอุทยานสัตว์ป่าโคโลราโดจะดูแลโครงการนี้โดยเริ่มในปี 2022 หรือ 2023

นักชีววิทยาประเมินว่ารัฐโคโลราโดสามารถรองรับหมาป่าได้หลายร้อยตัว ซึ่งหมาป่าสามารถช่วยลดการกินอาหารมากเกินไป และการรุกรานพื้นที่จากการล่ากวางและเอลก์รวมถึงซากสัตว์ที่ล่าได้เป็นอาหารสำหรับสัตว์กินซากอย่างหมาป่า นกอินทรี และหมี

“การนำหมาป่ากลับเข้ามาอีกครั้งจะทำให้สมดุลตามธรรมชาติของโคโลราโดคืนกลับมา”

โจนาธาน พรอกเตอร์ นักอนุรักษ์จากหน่วยพิทักษ์สัตว์ป่าที่ไม่แสวงหาผลกำไร กล่าว ซึ่งคำพูดดังกล่าวเป็นส่วนผลักดันให้มาตรการดังกล่าวผ่านลุล่วงมาได้

***แปลและเรียบเรียงโดย พชร พงศ์ยี่ล่า

โครงการนักศึกษาฝึกงาน กองบรรณาธิการ นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย


เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เปิดบัญชีแดง สิ่งมีชีวิต 31 สายพันธุ์ล่าสุดที่ สูญพันธุ์ จากโลกไปแล้วตลอดกาล

© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.