“แมลงปอกำลังใกล้สูญพันธุ์ เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ”
หากคุณไปรีสอร์ท โรงแรม หรือสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติใกล้แหล่งน้ำ แล้วสงสัยว่าทำไมพื้นที่แห่งนั้นแทบไม่มียุงให้รำคาญเลย ประโยชน์ดังกล่าวอาจเป็นผลมาจากแมลงปอ ผู้เป็นนักล่าที่เก่งกาจซึ่งกินลูกน้ำยุงและไรแดงในตอนที่ยังเป็นตัวอ่อน
เมื่อแมลงปอโตเต็มวัยจะล่าแมลงขนาดเล็กอื่น ๆ ที่บินได้เช่นยุง แมลงหวี่ หรือแมลงวันเป็นอาหาร โดยมีอัตราความสำเร็จที่น่าประทับใจเกิน 90 เปอร์เซ็น แมลงปอจึงเป็นตัวควบคุมประชากรไม่ให้แมลงที่ ‘น่ารำคาญ’ เหล่านั้นมีมากเกินไป และเป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่สำคัญ โดยเฉพาะแหล่งน้ำจืดที่หากพบตัวอ่อนแมลงปอ ก็แสดงว่าแหล่งน้ำนั้นมีคุณภาพสูง สะอาด และอุดมสมบูรณ์
ยิ่งไปกว่านั้น แมลงชนิดนี้ปรากฏขึ้นมาบนโลกครั้งแรกในช่วงยุคปลายเพอร์เมียน (Permian Period) หรือก็คือเมื่อ 275 ล้านปีก่อน ซึ่งไดโนเสาร์กำลังเริ่มเผยตัวขึ้นในในประวัติศาสตร์ และรอดชีวิตผ่านดาวเคราะห์น้อยมาได้อย่างน่าทึ่ง มันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จ ทว่าตอนนี้ เรากำลังผลักดันให้ความน่าทึ่งเหล่านี้ค่อย ๆ หายไป
“แมลงปอรอดชีวิตจากดาวเคราะห์น้อยได้ แต่ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและไฟป่ากำลังคุกคามพวกมันในรูปแบบที่วิวัฒนาการตามไม่ทัน” ซาราห์ นัลลีย์ (Sarah Nalley) นักศึกษาปริญญาเอกสาขาชีววิทยาบูรณาการ มหาวิทยาลัยโคโลราโด เดนเวอร์ ผู้เขียนหลักกล่าว
“ผลการวิจัยของเราชี้ให้เห็นว่าการปรับตัวเพียงอย่างเดียวอาจไม่รวดเร็วพอที่จะปกป้องสิ่งมีชีวิตในสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนี้”
วิทยาศาสตร์พลเมือง
โดยทั่วไปปแล้ว แมลงปอหลายชนิดมีจุดดำบนปีก ซึ่งเป็นลวดลายที่คอยดึงดูดเพศตรงข้ามให้มาผสมพันธุ์ นอกจากนี้จุดเหล่านั้นยังดูดซับความร้อนมากกว่าปกติ จุดเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญในการศึกษาแมลงปอ มันทำให้นักวิทยาศาสตร์และคนทั่วไปที่สนใจมองเห็นแมลงปอผ่านอุปกรณ์ได้ง่ายขึ้น
แต่ข้อมูลภาพถ่ายความร้อนจากทั้งผู้เชี่ยวชาญและจากวิทยาศาสตร์พลเมืองในช่วง 40 ปีที่ผ่านมากลับเผยให้เห็นแนวโน้มที่น่ากังวล แมลงปอกำลังหายไปจากแหล่งที่อยู่อาศัยที่เกิดไฟป่า และบริเวณที่มีอากาศร้อนทั่วภูมิภาค ซึ่งเกิดจากจุดดำบนปีกกำลังดูดซับความร้อนเร็วเกินไป และทำให้ตัวผู้มีอุณหภูมิสูงกว่าเดิม
ส่งผลให้พวกมันใช้เวลาพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูตัวเองมากขึ้น และใช้เวลาน้อยลงในการหาคู่ สำหรับแมลงปอแล้ว สีปีกมีผลต่อความสำเร็จในการสืบพันธุ์ และการเปลี่ยนแปลงพลวัตรการผสมพันธุ์ก็สามารถผลักดันประชากรแมลงปอสู่ขอบเหวได้
“สิ่งนี้เปลี่ยนมุมมองของเราเกี่ยวกับความเปราะบาง” ไมเคิล มัวร์ (Michael Moore) ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเดนเวอร์ ผู้ร่วมเขียนงานวิจัยกล่าว “ไม่ใช่แค่เรื่องที่ว่าสัตว์จะสามารถอยู่รอดหลังไฟป่าได้หรือไม่ แต่เป็นเรื่องที่ว่าพวกมันสามารถสืบพันธุ์ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่ นั่นคือกุญแจสำคัญสู่การอยู่รอดในระยะยาว”
หากการสืบพันธุ์ล้มเหลว แน่นอนว่าพวกมันจะมีประชากรลดลง สัตว์ที่ถูกแมลงปอกินอย่าง ‘ยุง’ ก็จะเพิ่มขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น แมลงปอก็ยังเป็นอาหารของนก ปลา และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำหลายชนิด ดังนั้นห่วงโซ่อาหารทั้งระบบนิเวศอาจหายไปหากแมลงปอหายไป
ก้าวต่อไป
ทีมวิจัยเชื่อว่าผลลัพธ์นี้จะส่งผลกรทะบอย่างกว้างขวางต่อความหลากหลายทางชีวภาพและการอนุรักษ์ หากแมลงปอที่เป็นสัตว์นักล่าซึ่งแข็งแรงและอาศัยอยู่บนโลกมานานหลายร้อยล้านปี ยังสามารถอ่อนไหวต่อความเปราะบางเหล่านี้ได้ สิ่งมีชีวิตอื่นก็คงได้รับผลกระทบยิ่งกว่า
งานวิจัยนี้เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการทบทวนกลยุทธ์การจัดการสัตว์ป่า ไม่ใช่แค่การอยู่รอดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพฤติกรรมการผสมพันธุ์และความสำเร็จในการสืบพันธุ์ด้วย
“การทำงานร่วมกับซาร่าห์ผลักดันให้ผมคิดเกี่ยวกับงานวิจัยของตัวเองในมุมมองใหม่” มัวร์กล่าว “เธอมาพร้อมกับคำถามสำคัญ ๆ เกี่ยวกับไฟป่าและการสืบพันธุ์ ซึ่งทำให้ผมคิดทบทวนวิธีการจัดการกับปัญหาทางนิเวศวิทยาที่สำคัญเหล่านี้”
สืบค้นและเรียบเรียง
วิทิต บรมพิชัยชาติกุล
ที่มา