เมื่อพูดถึงคุณค่า หนังสือไทย บางเล่มอาจเป็นตำราหายากของนักวิชาการตัวเก็งรางวัลโนเบล อาจเป็นของสะสมของเศรษฐี ผู้หลงใหลประวัติศาสตร์ทางปัญญา หรืออาจไม่ต่างจากกระดาษชำระสำหรับคนไม่เห็นค่า เมื่อพูดถึงมูลค่า หนังสือไทย อาจเป็นที่มาของอุตสาหกรรมมูลค่า 20,000 ล้านบาทต่อปี อาจเป็นแหล่งรายได้สำหรับจ่ายค่าเช่าตึกของสำนักพิมพ์เปิดใหม่ หรือไม่ก็เป็นความหวังสุดท้ายของนักเขียนไส้แห้ง เมื่อพูดถึงชีวิต หนังสือบางเล่มอาจบอกเล่าเรื่องราวความรักประโลมโลก หรือสะท้อนภาพชีวิตจริงอันน่าเศร้าของมนุษย์ และหากพูดถึงมนุษยชาติ หนังสือเพียงเล่มเดียวอาจนำทางเด็กน้อยสักคนให้เติบใหญ่ขึ้นเป็นได้ทั้งไอน์สไตน์, ดา วินชี, ดาร์วิน, เอดิสัน, คานธี และแม้แต่ฮิตเลอร์ แต่สำหรับผม ทุกอย่างเริ่มจากหนังสือเล่มหนึ่งที่พบในห้องสมุดโรงเรียน หนังสือที่หาใช่วรรณกรรมอมตะระดับโลก ไม่ใกล้เคียงหนังสืออันเป็นตัวแทนแห่งการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ หรือหนังสือเพื่อการหลุดพ้นทางจิตวิญญาณ หนังสือเล่มนั้นคือรวมเรื่องสั้นหัสนิยายชุด “ฒ ผู้เฒ่า” ของมนัส จรรยงค์ ราชาเรื่องสั้นเมืองไทยผู้จากโลกนี้ไปแล้วกว่า 50 ปี เรื่องสั้นชุดนั้นพาผมล่องลอยไปบนฉากชีวิตแห่งท้องทุ่งเมืองเพชรบุรี และชนบทไทยในยุคปลายพุทธศตวรรษที่ 24 แวดล้อมด้วยธรรมชาติอันบริบูรณ์ หรือไม่ก็ความแห้งแล้งกันดาร การกดขี่ ธาตุแท้ของมนุษย์ ความเรียบง่าย ความทรหด อารมณ์ขันร้ายกาจ ไปจนถึงตัวละครเท่ ๆ อย่างนักเลงปืน เสือนักปล้น อนงค์สะคราญ และพระเอกโฉมงามแห่งบ้านทุ่ง ที่ขาดไม่ได้คือบรรดาเฒ่าหนู เฒ่าโพล้ง […]