สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน ฉลองครบรอบ 50 ปี พร้อมจัดงานเสวนา “ฉากทัศน์อนาคตสังคมไทย” หัวข้อ “เราจะร่วมเปลี่ยนแปลงสังคมไทยได้อย่างไร” เพื่อสะท้อนถึงสภาพปัญหาและแนวทางการแก้ไขที่จะร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงร่วมกันในสังคมไทยอย่างยั่งยืน โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน
ความเหลื่อมล้ำทางสังคมคือปัญหาของประเทศไทยมาหลายยุคหลายสมัย ซึ่งในโอกาสที่สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชนมีอายุครบ 50 ปี ได้จัดงานเสวนา “ฉากทัศน์อนาคตสังคมไทย” เพื่อระดมสมองหาทางออก
โอกาสนี้ อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกานำ โดยกล่าวว่า ทุกสังคมในประเทศทั่วโลกมีปัญหาแย่งชิงระหว่างคน มีการใช้คำว่าชาติมาแบ่งแยก รักชาติจนคนอื่นไม่มีที่อยู่หรือเปล่า หรือคนที่คิดเหมือนกันรักชาติ คนที่คิดต่างกันเป็นศัตรู นี่คือ สิ่งที่น่ากลัว การจินตนาการเป็นสิ่งที่ดี แต่ทุกวันนี้เป็นจินตนาการในทางเสื่อมทราม กล่าวร้ายซึ่งกันและกัน ฉากทัศน์ในสังคมไทยคล้ายฉากทัศน์ในสังคมอื่น แต่ที่แปลกสังคมไทยเป็นสังคมที่เสื่อมมาเรื่อยด้วยคนไทยด้วยกันเอง ความหูเบา อิจฉาริษยา อาฆาตพยาบาท อยากสืบทอดอำนาจ หวงแหนสิ่งที่มีอยู่ไม่คิดแบ่งปันให้ผู้อื่น เป็นปฏิกิริยาที่มีความหมายลบต่อสังคม อยากมีประชาธิปไตยต้องเข้าใจประชาธิปไตยคืออะไร ปัญหาคอร์รัปชั่นฉ้อโกงทุกรัฐบาลมีความตั้งใจ แต่ไม่พอ ต้องอาศัยความคิดที่ดี ความรอบคอบ ประสิทธิภาพในการบริหารงาน พูดน้อยทำมาก เราไม่มีสิ่งเหล่านี้นานแล้ว
“ ทุกสังคมจะมีฉากทัศน์ที่ดีได้ ไม่ใช่ความมั่งคั่ง ประเทศมีคนร่ำรวยที่สุด แต่สังคมมีความสุขหรือเปล่า มีความเสมอภาคทางความสุขหรือไม่ ทุกชั้นวรรณะมีความสุขอย่างพอเพียง ทุกวันนี้นำคำว่า พอเพียง ไปพูดตลกโปกฮา ทั้งที่ความหมายแท้จริงลึกซึ้งมาก และไม่ได้กีดกันความร่ำรวย หากขาดความเลื่อมใสและศรัทธาใน 3 สถาบัน สังคมไทยจะไปทิศทางไหน ทุกสังคมถ้ามีแต่ความผิดหวัง ไม่ไว้ใจกันจะเป็นสังคมที่ไม่มีความสุข ทุกวันนี้เห็นผิดเป็นชอบ เห็นชั่วเป็นดี ชอบโกหก มีแต่พวกหิวแสง เด็กและเยาวชนไปอยู่ต่างประเทศ ทั้งที่อนาคตของประเทศไทย คือ เยาวชน “ อานันท์ กล่าว
ทางด้าน นายมีชัย วีระไวทยะ เผยถึงการเสวนา โดยขอบคุณหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนรวมถึงองค์กรต่างๆทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนการทำงานด้วยความเป็นมิตรมาโดยตลอดระยะ 50 ปีที่ผ่านมา พร้อมกล่าวถึงการพัฒนาสังคมที่สมาคมฯ มุ่งขับเคลื่อนการทำงานมิติต่างๆ สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับสังคมไทย เริ่มตั้งแต่ ลดการเกิดและให้เกิดอย่างมีคุณภาพ ด้วยงานวางแผนครอบครัวและ งานอนามัยเจริญพันธุ์ ลดการตาย ด้วยงานด้านสาธารณสุข การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ลดความยากจน ด้วยการสร้างอาชีพและรายได้โดยร่วมกับภาคธุรกิจเอกชน ลดความเขลา ด้วยการจัดตั้ง โรงเรียนมีชัยพัฒนา เป็นโรงเรียนต้นแบบที่ถูกนำแนวคิดและรูปแบบไปใช้ในโรงเรียนต่างๆ ทั้ง ลดความเห็นแก่ตัว ด้วยการปลูกฝังการมีจิตสาธารณะ การรู้จักแบ่งปันและความซื่อสัตย์
อีกงานสำคัญ การตั้งโรงเรียน และทำให้โรงเรียนเป็นศูนย์กลางการพัฒนาคุณภาพชีวิตและรายได้ของชุมชนบริเวณรอบโรงเรียน โดยเฉพาะการสร้างความมั่นคงด้านอาหารและรายได้สำหรับผู้สูงอายุ โดยให้โรงเรียนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาร่วมกับวัด โรงพยาบาลประจำอำเภอ โรงพยาบาลประจำตำบล และอสม.ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของชุมชนชนบท พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคธุรกิจเอกชนต่อยอดงานต่างๆ ที่ได้ทำมาแล้วให้บรรลุเป้าหมายในอีก 50 ปีต่อไปเพื่อให้คนในสังคมไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะการส่งเสริมให้กลุ่มผู้สูงอายุมีความมั่นคงในชีวิต และมีโอกาสได้กลับเข้าสู่ระบบการผลิตในชุมชนชนบท มีความมั่นคงด้านอาหารและรายได้
นายมีชัย กล่าวอีกว่า เมื่อ 50 ปีที่แล้วคนไทยมีลูกดก การแก้ไขแก้ปัญหาวางแผนครอบครัวแบบเดิมให้บริการผ่านระบบสาธารณสุขลดได้เพียงยี่สิบเปอร์เซนต์ แต่การมีอาสาสมัคร ชุมชนเป็นศูนย์กลาง ร้านชำ ร้านทำผม ร่วมกันทำงานกับอาสาสมัครวางแผนครอบครัว ทั้งการอบรมครูกว่าสามแสนราย ฯลฯ ในที่สุดลดการเกิดลง
“ ลดการตาย ในเรื่อง HIV เราให้ความรู้และมีความเข้าใจ โดยประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโรคเอดส์ ร่วมมือกับภาครัฐ เอกชนร่วมแก้ไข โดยภาคเอกชนให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง รวมถึงอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ในสถาบันอุดมศึกษา ฯลฯ หรือลดความยากจน มีการฝึกอบรมเพิ่มทักษะเพื่อให้เกิดการช่วยเหลือตนเอง ทั้งเปลี่ยนอาชีพเกษตรกรจากปลูกพืชที่ทำรายได้น้อยเป็นการปลูกต้นไม้ที่มีรายได้สูง ฯลฯ หรือ การสร้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ สร้างนักเรียนให้เป็นคนดี มีความซื่อสัตย์ มีทักษะชีวิตและอาชีพ รู้จักการแบ่งปัน ช่วยเหลือสังคม สมาคมฯมองเห็นปัญหาด้านการศึกษาที่ยังขาดความเสมอภาคจึงสร้างโรงเรียนมีชัยพัฒนา อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ โดยให้นักเรียนมีส่วนสำคัญในการบริหารโรงเรียน ฯลฯ ซึ่งบทบาทของโรงเรียนช่วยลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพชีวิตและรายได้ เป็นต้น”
ด้าน ฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน นำโดยอาจารย์มีชัย วีระไวทยะ วางรากฐานไว้กว่า 50 ปี ผ่านโครงการต่างๆ เป็นรูปแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งมิติประชากรและชุมชน คุณภาพชีวิต การศึกษา ความมีคุณธรรม เติมเต็มให้กับสังคมไทย ตนมองว่า การแก้ปัญหาต้องมองที่ต้นเหตุ และสร้างพลังบวก เดินไปในทางที่ถูกต้อง ไทยเบฟสนับสนุนการด้านการศึกษา การเพิ่มโอกาสทางศิลปะและกีฬา เป็นอีกแนวทางสร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำ เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพ หากพูดถึงฉากทัศน์อนาคตของสังคมไทย ไทยเบฟทำงานในมิติเศรษฐกิจฐานราก ขับเคลื่อนวิสาหกิจเพื่อสังคม ผ่านบริษัทประชารัฐรักสามัคคีทั่วประเทศไทย เกิดเครือข่ายการทำงานร่วมกัน เราร้อยเรียงบุคคลต่างๆ ทุกสาขาอาชีพมาจับไม้จับมือรวมพลังทำงานเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น คนยุคปัจจุบันต้องนำทางและต้องทำทางให้คนรุ่นหลังได้เดินต่อไป
“ ฉากทัศน์อนาคตสังคมไทยจากภาคธุรกิจเอกชน อยากเห็นเยาวชนมีการเรียนรู้ตลอดชีวิต และเติบโตมาแบบเข้าใจศาสตร์และเห็นคุณค่าของเงิน รู้จักการออม และการลงทุนเป็นประโยชน์ต่อชีวิต ฝึกทักษะรู้จักคุณค่าของเงิน มีวินัยทางการเงิน ส่วนวัยเกษียณต้องมีการเตรียมพร้อมและวางแผนในอนาคต ปรัชญาพอเพียงของในหลวง ร.9 เป็นแนวทางในการใช้ชีวิตและการเงิน มีการประมาณตน ลดปัญหาหนี้สิน ทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ รวมถึงฝึกฝนทักษะความเป็นคนดี “
ทางด้าน นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป สมาชิกวุฒิสภาให้มุมมองอีกว่า การแก้ปัญหาความยากจน โรงเรียนและเด็กเป็นเรื่องสำคัญ เครื่องมือที่จะแก้ปัญหาความยากจนและตัดวงจรความยากจนที่มีประสิทธิภาพมากสุดคือโรงเรียน โดยศึกษาจากโรงเรียนมีชัยพัฒนาซึ่งมีโมเดลการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยปฏิรูปการศึกษาทั้งโรงเรียน เปลี่ยนวิธีคิดนับแต่ระดับบริหาร นักเรียน ผู้นำชุมชน ฯลฯ เป็นการเรียนการสอนแบบแอคทีฟเลินนิ่ง และสิ่งที่สำคัญโรงเรียนปลูกฝังความดี เคารพห่วงใยในเพื่อนมนุษย์ มีจิตสาธารณะ สร้างพลเมืองที่มีคุณภาพ และมีแนวทางเปลี่ยนโรงเรียนเป็นศูนย์เรียนรู้ของคนทุกวัยในชุมชน ทั้งแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะผู้สูงอายุในชุมชน ปัญหาความยากจน เพิ่มโอกาสให้กับเด็กมีโรงเรียนทางเลือกที่มีคุณภาพ