“แม้จะมีพิษ แต่น้ำลายของกิล่ามอนสเตอร์
ช่วยตรวจหาเนื้องอกในตับอ่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
กิล่ามอนสเตอร์ (Gila monster) สิ่งมีชีวิตคล้ายไคจูที่เหมือนกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์สัตว์ประหลาดแต่มีอยู่จริงบนโลก ซึ่งอาจไม่คุ้นหูและคุ้นตาคนไทยมากนัก อย่างไรก็ตามหากคุณได้เห็นมันสักครั้งหนึ่งก็ไม่มีทางลืมมันไปได้แน่นอน กิ้งก่าตัวนี้มีเอกลักษณ์จนยากจะลืมได้
ด้วยลักษณะร่างกายที่แม้จะไม่ได้ใหญ่ซึ่งมีขนาดเพียง 0.5 เมตร แต่กลับโดดเด่นด้วยเกล็ดสีชมพูและดำตัดกันผ่านลำตัวที่เตี้ยกับหางที่สั้น แต่สิ่งเหล่านี้ทำให้มันพิเศษยิ่งกว่าเดิมก็คือ กิล่ามอนสเตอร์เป็นกิ้งก่าหนึ่งในสองสายพันธุ์เท่านั้นบนโลกที่ ‘มีพิษ’
การกัดของมันสามารถสร้างอันตรายต่อระบบประสาทที่แม้จะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็ทำให้คุณทุกข์ทรมานได้จากความเจ็บปวด อาการบวม คลื่นไส้ และอาเจียน กระนั้นนักวิทยาศาสตร์บางคนก็ช่างสรรหาข้อดีที่อยู่ในความร้ายกาจนี้ น้ำลายของกิล่ามอนสเตอร์มีสารชนิดหนึ่งที่ดูจะมีประสิทธิภาพในการตรวจจับเนื้องอกของตับอ่อนขนาดเล็กที่ชื่อว่า ‘อินซูลินโนมา’ (insulinomas) ที่สแกนหาได้ยากด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน
“โรคนี้เป็นโรคที่ท้าทายมาก” มาร์ติ บอสส์ (Marti Boss) ผู้เขียนงานวิจัยคนแรกซึ่งเผยแพร่บนวารสาร The Journal of Nuclear Medicine กล่าว “เราสามารถตรวจเลือดได้ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเนื้องอกที่เป็นสาเหตุนั้นอยู่ที่ใด มีการสแกนหลายแบบเช่น CT, MRI หรือ PET แต่ก็ไม่สามารถเปิดเผยถึงอินซูลินโนมาได้เสมอไป”
“ในอดีตศัลยแพทย์จะเริ่มผ่าตัดตับอ่อนบางส่วนออกจนกว่าจะพบเนื้องอก หากพบในตอนท้าย ตับอ่อนก็แทบจะหายไปหมดแล้ว” มาร์ติน ก็อตต์ฮาร์ดท์ (Martin Gotthardt) ศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์และผู้เขียนการศึกษาร่วม กล่าวเสริม “คุณสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องมีตับอ่อน แต่คุณจะต้องต่อสู้กับโรคเบาหวานขั้นรุนแรง และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดตลอดเวลา ดังนั้นการสแกนให้เจอจึงดีกว่าและมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ต้องทำให้สำเร็จ”
ความช่วยเหลือมาแล้ว
หน้าที่หลักอย่างหนึ่งของตับอ่อนคือการผลิตอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล โดยหน้าที่จริง ๆ ของการผลิตนั้นอยู่กับเซลล์เฉพาะทางที่ชื่อว่า เบต้าเซลล์ แต่บางครั้งเซลล์เหล่านี้อาจทำงานผิดปกติและกลายเป็นเนื้องอกขึ้นมาแต่วิธีการรักษานั้นง่ายมากนั่นคือการเอามันออกมาและผู้ป่วยก็จะใช้ชีวิตได้ปกติ แต่ปัญหาใหญ่ที่ยุ่งยากและน่าหงุดหงิดที่สุดคือวิธีต้นหาเนื้องอกเหล่านี้ การสแกนด้วยเครื่องทันสมัยไม่สามารถหาพบได้ทุกครั้ง และผู้ป่วยจำนวนมากก็ไม่ต้องการถูกผ่าเอาตับอ่อนออกไปทั้งหมด
ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงมองหาแนวทางอื่น งานวิจัยก่อนหน้านี้ชี้ให้เห็นว่าน้ำลายของกิล่ามอนสเตอร์นั้นมีความสามารถในการจับกับโมเลกุลเฉพาะของเนื้องอกอินซูลินโนมาที่เรียกว่า ‘ตัวรับ GLP1’ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการเก็บตัวอย่างน้ำลายของสัตว์ประหลาดตัวนี้ไว้ในห้องทดลอง
“สารจากน้ำลายไม่เสถียรในร่างกายมนุษย์มากนัก” ก็อตต์ฮาร์ดท์ กล่าว
เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น นักวิจัยจึงพัฒนาสารสังเคราะห์ที่มีความเสถียรทางเคมีมากขึ้นซึ่งมีชื่อว่า เอ็กเซนดิน (Extendin) จากนั้นจึงนำไปผสมกับสารติดตามกัมมันตภาพรังสีอ่อน ๆ ที่ใช้ในการสแกน PET แบบมาตรฐาน พร้อมกับทดสอบในผู้ร่วมงานวิจัยจำนวน 69 คนที่ได้รับการวินิจฉัยทางชีวเคมีว่ามีแนวโน้มจะมีเนื้องอก
การสแกน PET ทั่วไปก่อนหน้านี้มีความแม่นยำอยู่ที่ประมาณ 65% อย่างไรก็ตามวิธีการใหม่นี้กลับให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมมากโดยอยู่ที่ 95% โดยหลังจากยืนยันแล้ว ศัลยแพทย์ก็สามารถผ่าตัดเอาเนื้องอกทั้งหมดออกจากผู้ป่วยอย่างสำเร็จเรียบร้อย
“เราชื่อว่าการสแกนแบบใหม่สามารถแทนที่การสแกนแบบอื่นได้ทั้งหมด” บอสส์ กล่าว “ผู้ป่วยทั้งหมดหายขาดจากการผ่าตัด แม้ว่าบางคนจะป่วยมานานหลายสิบปีก็ตาม”
ขณะที่ ก็อตต์ฮาร์ดท์ เสริมว่า “เราแค่ต้องกระจายเทคโนโลยีนี้ ทุกคนควรสามารถใช้มันได้เพราะมันช่วยผู้ป่วยได้จริง ๆ”
สืบค้นและเรียบเรียง
วิทิต บรมพิชัยชาติกุล
ที่มา