“อันที่จริงแล้ว บรรพบุรุษของเราวิวัฒนาการมาเพื่ออากาศหนาวเย็น ไม่ใช่เขตร้อน
การค้นพบอายุ 66 ล้านปีกำลังท้าทายเรื่องราวต้นกำเนิดของไพรเมตขึ้นมาใหม่”
ข้อมูลจากสปอร์ฟอสซิลและละอองเรณูเผยให้เห็นว่าบรรพบุรุษยุคแรกของเราวิวัฒนาการมาในสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็นและแห้งแล้ง แถมบางส่วนยังไปตั้งถิ่นฐานในเขตภูมิภาคอาร์กติกด้วยซ้ำ
เมื่อพูดถึงต้นกำเนิดมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์ค่อนข้างมั่นใจว่าบรรพบุรุษของเราเดินทางออกมาจากแอฟริกาซึ่งในตอนนั้นเพิ่งจะกลายเป็นระบบนิเวศแบบทุ่งหญ้าสะวันนา และถ้าย้อนไปไกลกว่านั้นล่ะ ผู้เชี่ยวชาญก็ค่อนข้างมั่นใจว่าบรรพบุรุษยุคแรก ๆ ก็น่าจะอาศัยอยู่แถวนั้นมาก่อน ซึ่งระบบนิเวศน่าจะเป็นป่าฝนเขียวชอุ่มที่เต็มไปด้วยต้นไม้
หากย้อนไปไกลขึ้นอีก พวกเขาก็ยังคงค่อนข้างมั่นใจว่าไพรเมตยุคแรก ๆ ของเรายังโลดแล่นอยู่กับต้นไม้สีเขียว และไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะมีความคิดว่าสิ่งมีชีวิตในอดีตเหล่านั้นจะเฉียดเข้าไปใกล้พื้นที่หนาวเย็น แต่งานวิจัยใหม่กำลังท้าทายความเชื่อนั้น บรรพบุรุษอันแสนไกลของเราวิวัฒนาการมาเพื่อฝ่าฝันความหนาว
“ในฐานะนักนิเวศวิทยาที่ศึกษาชิมแปนซีและลีเมอร์ภาคสนามในยูกันดาและมาร์ดากัสการ์ ผมรู้สึกทึ่งกับสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมบรรพบุรุษไพรเมตของเรา” เจสัน กิลคริสต์ (Jason Gilchrist) นักนิเวศวิทยาจากมหาวิทยาลัยเอดินบะระ กล่าว “การค้นพบใหม่เหล่านี้ได้หักล้างสมมติฐานที่สั่งสมมานานหลายทศวรรษเกี่ยวกับต้นกำเนิดของวงศ์ตระกูลของเรา”
ฟอสซิลที่คาดไม่ถึง
งานวิจัยใหม่ที่เผยแพร่บนวารสาร PNAS ซึ่งนำโดย จอร์จ อาวาเรีย-ยลาตูเรโอ (Jorge Avaria-Llautureo) จากมหาวิทยาลัยรีดดิ้ง ได้จัดทำแผนที่ต้นกำเนิดทางภูมิศาสตร์ของบรรพบุรุษไพรเมตของเราและสภาพภูมิอากาศในอดีตของ ณ สถานที่เหล่านั้น
ผ่านการศึกษาไพรเมตจำนวน 479 ชนิดซึ่ง 178 ชนิดสูญพันธุ์ไปแล้วผ่านทางฟอสซิล และอีก 301 ชนิดที่เหลือนั้นยังมีชีวิตอยู่ ทั้งในแง่ความอุดมสมบูรณ์ของชนิดพันธ์ ความทนทานต่อสภาพอากาศ และช่วงทางภูมิศาสตร์ว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป
แต่การสร้างความสัมพันธ์เชิงวิวัฒนาการระหว่างชนิดพันธุ์ เข้ากับปัจจัยอื่น ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และยิ่งต้องย้อนไปไกลถึง 66 ล้านปี (สิ้นสุดยุคไดโนเสาร์) ยิ่งซับซ้อนเข้าไปอีก ทีมวิจัยได้ใช้ข้อมูลอ้างอิงจาก ‘supertree’ ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่าางไพรเมตที่สูญพันธุ์ไปแล้วและที่ยังเหลืออยู่
“หนึ่งในไพรเมตยุคแรกสุดที่รู้จักคือ เทลฮาร์ดินา (Teilhardina) สัตว์ที่อาศัยอยู่บนต้นไม้ขนาดเล็ก น้ำหนักเพียง 28 กรัม ใกล้เคียงกับไพรเมตที่เล็กที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันซึ่งก็คือ มาดามเบอร์เธลีเมอร์เมาส์ ด้วยขนาดที่เล็กมาก เทลฮาร์ดินา จึงต้องได้รับอาหารแคลอรีสูงเช่น ผลไม้และแมลง” กิลคริสต์ อธิบาย
ฟอสซิลชี้ให้เห็นว่า เทลฮาร์ดินา นั้นแตกต่างจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ ในยุคนั้น เนื่องจากมีเล็บมือมากกว่าจะเป็นกรงเล็บ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าช่วยให้มันจับกิ่งไม้และกินอาหารได้ ซึ่งเป็นลักษณะของไพรเมตที่ยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ มันปรากฎตัวขึ้นเมื่อประมาณ 56 ล้านปีก่อน และกระจายอย่างรวดเร็วไปยังอเมริกาเหนือ ทั่วยุโรป และจีน
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะคิดได้ว่า บรรพบุรุษไพรเมตเหล่านี้วิวัฒนาการขึ้นมาในสภาพอากาศอบอุ่นและชื้น เช่นเดียวกันไพรเมตปัจจุบันก็อาศัยอยูใ่นเขตร้อน และฟอสซิลไพรเมตส่วนใหญ่ก็ถูกค้นพบที่นั่นเช่นกัน
แต่เมื่อทีมวิจัยเริ่มเพิ่มรายละเอียดเข้าไปในแต่ละสาขาของ supertree ผ่านข้อมูลต่าง ๆ ทั้งฟอสซิลละอองเรณู สปอร์ฟอสซิล ตำแหน่งของไพรเมตที่พบ เขตภูมิอากาศของยุคนั้น และปรับค่าให้เหมาะสมกับการเคลื่อนตัวของทวีปและแผ่นเปลือกโลก พวกเขาก็เริ่มเห็นภาพที่แตกต่างออกไป
“เมื่อนักวิทยาศาสตร์ผู้อยู่เบื้องหลังการศึกษาใหม่นี้ใช้ข้อมูลสปอร์และละออเรณูจากฟอสซิลของไพรเมตยุคแรกเริ่มเพื่อคาดการณ์สภาพอากาศ พวกเขาพบว่าสถานที่เหล่านั้นไม่ได้อยู่ในเขตร้อนในตอนนั้น” กิลคริสต์ เล่า “แท้จริงแล้วไพรเมตมีต้นกำเนิดในอเมริกาเหนือ”
สิ่งที่พวกเขาพบคือ บรรพบุรุษของไพรเมตยุคแรก ๆ บางตัวน่าจะทนต่อสภาพอากาศหนาวเย็นของอเมริกาเหนือในขณะนั้นได้ ไพรเมตบางชนิดอาจถึงกับตั้งรกรากอยู่ในแถบอาร์กติกได้เลย ซึ่งรอดชีวิตจากอุณหภูมิสุดขั้วและภาวะขาดแคลนอาหารตามฤดูกาล
การค้นพบเหล่านี้พลิกโฉมเรื่องราวต้นกำเนิดที่เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางมานานกว่าครึ่งศตวรรษ
“หลายทศวรรษที่ผ่านมา แนวคิดที่ว่าไพรเมตวิวัฒนาการมาในป่าเขตร้อนที่อบอุ่นนั้นยังคงเป็นที่ถกเถียง” อาวาเรีย-ยลาตูเรโอ กล่าว “การค้นพบของเราพลิกแนวคิดนั้นไปอย่างสิ้นเชิง ปรากฎว่าไพรเมตไม่ได้เกิดขึ้นจากป่าดงดิบอันอุดมสมบูรณ์ แต่มาจากสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็นตามฤดูกาลในซีกโลกเหนือ”
จากอดีตสู่อนาคต
ตามทฤษฎีของพวกเขา ไพรเมตที่สามารถอยู่รอดได้ในสภาวะแวดล้อมอันโหดร้ายเหล่านี้และเคลื่อนไหวได้เกินขอบเขตของสภาพอากาศในท้องถิ่นนั้นมี ‘ศักยภาพ’ ทางชีวภาพที่จะสามารถสืบพันธุ์และค่อย ๆ เคลื่อนที่ต่อไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ
ด้วยเหตุนี้สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ ๆ จึงวิวัฒนาการขึ้น และเมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้งในอีกหลายล้านปีต่อมา พวกมันก็เคลื่อนที่ต่อไปยังภูมิภาคใหม่ ๆ ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากขึ้น ทีมวิจัยเชื่อว่านี่คือที่มาของการอยู่อาศัยในป่าเขตร้อน
“การทำความเข้าใจว่าไพรเมตโบราณสามารถอยู่รอดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างไรนั้น ช่วยให้เราคิดได้ว่าสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ อาจตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันอย่างไร” อาวาเรีย-ยลาตูเรโอ บอก
สืบค้นและเรียบเรียง
วิทิต บรมพิชัยชาติกุล
ที่มา