นักวิทยาศาสตร์ประกาศ ‘ภาวะฉุกเฉินเต็มรูปแบบ’ เพื่อรักษาประชากรนกในสหรัฐฯ

นักวิทยาศาสตร์ประกาศ ‘ภาวะฉุกเฉินเต็มรูปแบบ’ เพื่อรักษาประชากรนกในสหรัฐฯ

“นักวิทยาศาสตร์ประกาศ นกมากกว่า 1 ใน 3 ของชนิดพันธุ์ทั้งหมดในสหรัฐฯ กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ตั้งแต่ในระดับสูงไปจนถึงปานกลาง”

รายงานฉบับใหม่เผยให้เห็นว่า จำนวนนกทั่วสหรัฐฯ กำลังลดลงอย่างรวดเร็วตามแหล่งที่อยู่อาศัยในธรรมชาติตั้งแต่ทุ่งหญ้า พื้นที่ชุ่มน้ำ ป่า และชายฝั่ง นกทั้งหมดต่างกำลังดิ้นรมท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป

ในทุก ๆ 2-3 ปีนักวิทยาศาสตร์ นักอนุรักษ์ และกลุ่มองค์กรไม่แสวงกำไรจำนวนมากจะรวมตัวกันออกรายงานใหม่ที่ชื่อว่า ‘State of the Birds’ ซึ่งเป็นการตรวจสอบสถานะชีวิตนกในประเทศสหรัฐอเมริกาว่าพวกมันอยู่ดีกินดีหรือไม่ หรือกำลังเผชิญปัญหาอะไรบางอย่างอยู่รึเปล่า

อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ในปี 2025 ล่าสุดนี้ได้เผยให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่าเศร้าและน่ากังวล ชนิดนกที่อาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าและพื้นที่แล้งกำลังได้รับผลกระทบหนักที่สุด ซึ่งทั้งสองได้สูญเสียจำนวนประชากรไปมากกว่าร้อยละ 40 ของประชากรทั้งหมดที่เคยมีอยู่แล้ว

ไม่เพียงเท่านั้น แนวโน้มของแหล่งที่อยู่อาศัยอื่น ๆ ก็ดูย่ำแย่ลงแม้แต่กับสัตว์ปีกตามแหล่งน้ำซึ่งเคยเป็น ‘แสงสว่างแห่งความหวัง’ ในการอนุรักษ์ก็ลดลงอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจราวกับไม่มีใครหยุดยั้งได้

“ทุกครั้งที่เราทำสิ่งนี้ เราต้องตระหนักถึงความเป็นจริง” ไมค์ บราเชอร์ (Mike Brasher) นักวิทยาศาสตร์อาวุโสด้านนกน้ำจากองค์กร ‘Ducks Unlimited’ และประธานร่วมของคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ของรายงาน กล่าว “สิ่งนี้เตือนเราว่าภัยคุกคามต่อนก(และ)ที่อยู่อาศัยของนกในปัจจุบันมีมากเท่าที่เคยเป็นมา และในกรณีส่วนใหญ่ ภัยคุกคามเหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย” 

แนวโน้มที่ไม่สู้ดี

รายงาน ‘State of the Birds’ นั้นมีการเผยแพร่กันมาตั้งแต่ปี 2009 ผ่านการรวบรวมข้อมูลจากโปรแกรมติดตามนกในระบบนิเวศต่าง ๆ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อทำความเข้าใจว่านกแต่ละชนิดดำรงชีวิตกันอย่างไรบ้างและมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร

ข้อมูลจากการสำรวจเหล่านี้ต้องขอบคุณนักวิทยาศาสตร์พลเมืองผู้อุตสาหะในการติดตามนำ กล่าวอีกอย่างได้ว่ารายงานอันมีค่าเหล่านี้เกิดจากผู้คนที่รักนก ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถสร้างแผนที่และฐานข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับนกได้ รวมถึงภาพรวมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นซึ่งดูจะไม่สู้ดีมากนัก

นับตั้งแต่มีการออกรายงานเรื่อง ‘นก 3 พันล้านตัว’ ในปี 2019 ที่เป็นเตือนว่านกทั่วอเมริกาเหนือกำลังสูญเสียประชากรนกไปประมาณ 1 ใน 4 แล้วตั้งแต่ปี 1970 ทว่าแนวโน้มเหล่านั้นก็ยังคงอยู่โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา 

“เรากำลังแสดงให้เห็นว่าแม้ว่าจะผ่านไปแล้วกว่า 5 ปี อเมริกาก็ยังคงสูญเสียนกไป” อแมนดา โรดวัลด์ (Amanda Rodewald) นักชีววิทยาดด้านการอนุรักษ์จากห้องปฏิบัติการณ์ปักษีวิทยาคอร์แนล กล่าว ขณะที่ นิโคล มิเคล (Nicole Michel) ผู้อำนวยการด้านวิทยาศาสตร์ของสมาคมออดูบอนแห่งชาติ เสริมว่า “เราสูญเสียและแหล่งที่อยู่อาศัยก็เสื่อมโทรมเกือบทั้งหมด แต่พื้นที่ทุ่งหญ้าได้รับผลกระทบหนักที่สุด” 

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าสาเหตุหลัก ๆ นั้นมาจากทุ่งหญ้าที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกมักถูกเปลี่ยนมาใช้เพื่อการเกษตรกรรมเกือบทั้งหมด แม้จะมีความพยายามด้านการอนุรักษ์มากมายกระนั้นภูมิภาคแห่งนี้ก็สูญเสียพื้นที่ทุ่งหญ้าไปประมาณ 2-5 ล้านไร่ทุกไป ขณะเดียวกันนกชายฝั่งเองก็ลดลงอย่างต่อเนื่องจากระดับน้ำทะเลที่สูงและอุ่นขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อนกอพยพด้วยเช่นกัน

จากแหล่งที่อยู่อาศัยทั้งหมด นกชายฝั่งมี ‘จุดเปลี่ยน’ มากที่สุด เพราะสูญเสียประชากรนกไปมากกว่าครึ่งหนึ่งในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าพวกเขาจะต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเพื่อระบุว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบและจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อให้พวกมันฟื้นฟูกลับมา

ในทางกลับกัน กลุ่มนกน้ำซึ่งเคยได้รับการยกย่องว่าเป็นกลุ่มที่ประสบความสำเร็จในการอนุรักษ์มาอย่างยาวนานเนื่องจากจำนวนประชากรของพวกมันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 24% มาตั้งแต่ปี 1970 โดยเป็นผลมาจากการขยายพื้นที่คุ้มครองพื้นที่ชุ่มน้ำ ทว่าตั้งแต่ปี 2017 แนวโน้มดังกล่าวกลับลดลงและลดลงเรื่อย ๆ

“เราไม่สามารถผ่อนคันเร่งและพูดได้ว่าเราประสบความสำเร็จในภารกิจการอนุรักษ์ของเรา” บราเชอร์ กล่าว 

แนวทางที่มีประสิทธิภาพ 

เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว นักวิจัยกล่าวว่าข้อมูลได้แสดงให้เห็นอย่างหนึ่งที่ชัดเจนนั่นคือ ความพยายามด้านการอนุรักษ์สามารถสร้างความแตกต่างให้กับนกได้ แต่ทั้งนี้ยังคงต้องมีการดำเนินการเพิ่มเติมอีกมากในทุก ๆ ระบบนิเวศและในทุก ๆ ด้านที่เกี่ยวข้อง

ไม่ว่าจะเป็นมาตรการที่เป็นรูปธรรมอย่าง โครงการที่ดินส่วนตัว ความร่วมมือในการทำปศุสัตว์ โครงการฟื้นฟูป่า ฟื้นฟูชายฝั่ง และการโยกย้ายนกทะเล ล้วนแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีในการฟื้นฟูประชากรนกภายใต้สถานการณ์ที่กดดัน

“การอนุรักษ์แหล่งที่อยู่อาศัยของพื้นที่ชุ่มน้ำเชิงกลยุทธ์และเชิงรุกมานานหลายทศวรรษจากทั้งนายพราน เจ้าของที่ดิน หน่วยงานของรัฐ(ท้องถิ่น)และของรัฐบาลกลาง และบริษัทต่าง ๆ ได้ส่งเสริมให้นกน้ำจำนวนมากสามาารถเติบโตได้เมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวย เราแสดงให้เห็นแล้วว่ามันได้ผล และเราต้องทำมากกว่านี้” สตีฟ อแดร์ (Steve Adair) หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ Ducks Unlimited กล่าว

การปกป้องและอนุรักษ์นกเหล่านี้ไม่เพียงแค่จะดีต่อนกเท่านั้น แต่รายงานได้เน้นชัดว่ายังสามารถสร้างผลกระทบในด้านดีต่อชุมชนมนุษย์และระบบนิเวศโดยรวมด้วย 

“โชคดีที่การกระทำหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อนกนั้นก็เป็นประโยชน์ต่อเราด้วย เมื่อเราปกป้องแหล่งที่อยู่อาศัยที่นกพึ่งพา เราก็ปกป้องการสนับสนุนทางระบบนิเวศที่หล่อเลี้ยงเราด้วยเช่นกัน” โรดวัลด์ กล่าว 

หากแหล่งที่อยู่อาศัยเหล่านั้นไม่สามารถรองรับนกได้ นั่นแสดงให้เห็นว่าแหล่งที่อยู่อาศัยดังกล่าวก็จะไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้แม้แต่กับมนุษย์ก็ตาม เนื่องจากระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างเชื่อมโยงกัน

“มันไม่ใช่เรื่องของการเลือกช่วยเหลือกันระหว่างนกหรือมนุษย์” โรดวัลด์กล่าวต่อ “คำถามที่แท้จริงคื เราจะสนับสนุนทั้งสองอย่างไรให้ดีที่สุด” 

ที่มา

https://www.stateofthebirds.org

https://www.audubon.org

https://www.audubon.org

https://www.sciencedaily.com


อ่านเพิ่มเติม : สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก 2%

กำลังเสี่ยงตายจากความร้อน

ถ้าโลกร้อนขึ้นอีก 4 องศา อีก 7.5% อาจสูญพันธุ์

Recommend