การวิจัยนกสุดขั้ว ณ ดินแดนปลายขอบโลก

การวิจัยนกสุดขั้ว ณ ดินแดนปลายขอบโลก

ทุกฤดูร้อน นักวิทยาศาสตร์กลุ่มเล็กๆ จะขึ้นเครื่องบินเล็กมายังหมู่อาคารทางการทหารที่รกร้างเพื่อเปลี่ยนให้เป็นสถานีวิจัยในแนวหน้าสำหรับศึกษาวิทยาศาสตร์ของนกทะเล

หลายสิบปีแล้วที่เกาะมิดเดิลตัน ดินแดนผืนเล็กๆ แบนราบซึ่งถูกลมและน้ำซัดกระหน่ำไม่หยุดหย่อนในอ่าวอะแลสกา เป็นเพียงด่านหน้าที่ถูกลืมเลือน ในช่วงปลายทศวรรษ 1950 กองทัพอากาศสหรัฐฯสร้างสถานีเรดาร์บนเกาะห่างไกลนี้เพื่อตรวจตราท้องฟ้าหาเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามเย็น เพียงเจ็ดปีต่อมา ค่ายนี้ก็ปิดตัวลง อาคารเตี้ยๆ และหอคอยเหล็กถูกทิ้งให้สนิมกัดกิน

หอคอยคอนกรีตที่เคยติดตั้งอุปกรณ์เรดาร์ถูกเปลี่ยนเป็นสถานีวิจัยนกทะเล นักศึกษาปริญญาโท ซิเอร์รา นิโชนี พีต (คนขวา) และ ชินัตสึ นากาจิมะ ตรวจสอบนกคิตติเวกขาดำภายในหอ “ไม่มีที่ไหนอีกแล้วที่คุณจะได้ศึกษานกป่าอย่างใกล้ชิดแบบนี้ค่ะ” พีตบอก

ทุกวันนี้ คุณสมบัติที่ทำให้เกาะมิดเดิลตันเหมาะกับการตรวจการณ์ทางการทหารอย่างสมบูรณ์แบบ คือที่ตั้งอันโดดเดี่ยว ชัยภูมิที่เห็นภาพมุมสูง และไม่มีมนุษย์รบกวน ทำให้ที่นี่เป็นด่านหน้ารูปแบบใหม่ในอุดมคติ ทุกฤดูร้อน นักวิทยาศาสตร์กลุ่มเล็กๆ จะขึ้นเครื่องบินเล็กมายังหมู่อาคารทางการทหารที่รกร้างเพื่อเปลี่ยนให้เป็นสถานีวิจัยในแนวหน้าสำหรับศึกษาวิทยาศาสตร์ของนกทะเล จากจุดที่ทหารอากาศเคยยืนรักษาการณ์ นักวิจัยมองผ่านช่องสังเกตการณ์เพื่อศึกษาปฏิสัมพันธ์อันละเอียดอ่อนระหว่างชีวิตในทะเลกับสภาพภูมิอากาศ โดยใช้นกเป็นหน้าต่างเปิดสู่ความสมบูรณ์ของมหาสมุทร

นกทะเลยึดครองซากปรักของค่ายทหารอากาศบนเกาะมิดเดิลตัน ซึ่งเป็นสถานีเรดาร์ในยุคสงครามเย็น แต่ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่สมบูรณ์แบบสำหรับศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

“นกเป็นบารอมิเตอร์ครับ” นักชีววิทยาสัตว์ป่า สกอตต์ แฮตช์ ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการวิจัยและอนุรักษ์นกทะเล หรือไอเอสอาร์ซี (Institute for Seabird Research and Conservation: ISRC) กล่าว “นกทะเล โดยเฉพาะนกคิตติเวก อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม ดังนั้นพวกมันจึงสะท้อนให้เห็นสภาพการณ์และสุขภาวะของระบบนิเวศในมหาสมุทรครับ” แฮตช์ไปเกาะมิดเดิลตันครั้งแรกกับสำนักงานกิจการปลาและสัตว์ป่าของสหรัฐฯเมื่อปี 1978 และก่อตั้งไอเอสอาร์ซีในปี 2009

เมื่อลูกนกพัฟฟินเปียตัวนี้ฟักออกจากไข่ มันจะถูกศึกษาหาสารพิษ เช่น ปรอท และนักวิทยาศาสตร์จะติดตามศึกษาสุขภาพการสืบพันธุ์ของมันด้วย
โดยเฉลี่ยแล้ว ช่วงฤดูร้อนบนเกาะมีนักวิจัย 12 คน แม้จะมีเต็นท์ของตนเอง บางครั้งนักวิทยาศาสตร์ก็นอนงีบในตึกที่เคยเป็นอาคารทางการทหาร ซึ่งใช้เป็นทั้งห้องครัว สำนักงาน และห้องนั่งเล่นของทีมวิจัย

อุณหภูมิและกระแสน้ำมหาสมุทรที่เปลี่ยนแปลงไปสามารถทำให้ประชากรปลาลดลง ส่งผลให้นกหาอาหารและเลี้ยงลูกได้ยากขึ้น เมื่ออาหารขาดแคลน อัตราการสืบพันธุ์ของนกก็ลดลง เนื่องจากนกทะเลสะสมสารมลพิษ เช่น พลาสติก โลหะหนัก และน้ำมัน ระหว่างกินอาหารและไซ้ขน พวกมันจึงเป็นตัวบ่งชี้ที่มีประโยชน์ถึงระดับการปนเปื้อนมลพิษในระบบนิเวศทางทะเล

เช่นเดียวกับนกที่พวกเขาศึกษา นักศึกษาปริญญาโทและนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่มายังจุดบรรจบของการศึกษานกแห่งนี้จากส่วนต่างๆของโลก โดยมีโอกาสในการสำรวจความลึกลับของพฤติกรรมและนิเวศวิทยาของนกทะเลเป็นแม่เหล็กดึงดูด

ศูนย์กลางของงานวิจัยนี้คือหอเรดาร์เก่า ซึ่งได้รับการดัดแปลงเป็นสถานีสังเกตการณ์นกทะเลอย่างไม่มีที่ไหนเหมือน เมื่อปี 1993 แฮตช์และทีมงานที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเริ่มติดตั้งรังเทียมที่หอเรดาร์เพื่อให้นกคิตติเวกขาดำและนกกาน้ำม่วงเขียวใช้ทำรัง ช่องสังเกตการณ์ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เฝ้าสังเกตพัฒนาการทุกระยะของนกได้

รังเทียมเอื้อให้นักวิทยาศาสตร์ทำการทดลองในสภาวะควบคุมซึ่งทำไม่ได้ในที่อื่น พวกเขาสามารถวัดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมที่มีต่อประชากรนกทะเลโดยการติดตามความแตกต่างในพฤติกรรมการป้อนอาหารและความสำเร็จในการเลี้ยงลูก

ผู้ช่วยวิจัย เฮลีย์ จี จับนกพัฟฟินเปียในโพรงระหว่างการประเมินสุขภาพ นกพัฟฟินกลับมายังเกาะโดยคาบปลาเล็กปลาน้อยมาเต็มปาก เพื่อป้อนลูกนกที่หิวโหย

การศึกษาระยะยาวเหล่านี้เปลี่ยนนกทะเลของเกาะมิดเดิลตันให้เป็นยามเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงรุนแรงในมหาสมุทร เมื่อเกิดคลื่นอากาศร้อนขึ้นในทะเลระหว่างปี 2014 ถึง 2016 ปลาที่เป็นอาหารของนกทะเลลดลงอย่างมาก ส่งผลให้การผสมพันธุ์ล้มเหลว นกเมอร์ธรรมดาตายไปประมาณสี่ล้านตัว หรือราวครึ่งหนึ่งของประชากรนกเมอร์ในอะแลสกา นี่อาจเป็นการตายหมู่ของสัตว์ป่าชนิดเดียวมากที่สุดที่เคยมีการบันทึกไว้ และเป็นคำเตือนชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศจากสภาพภูมิอากาศเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว รุนแรง และอาจกลับคืนสู่สภาพเดิมไม่ได้

นากาจิมะตรวจดูนิ้วเปื้อนเลือดหลังจากล้วงเข้าไปในโพรง นักวิจัยหลายคนไม่ชอบสวมถุงมือ เพราะทำให้คลำตัวนกเพื่อประเมินสุขภาพในช่วงตรวจร่างกายได้ยาก
สำหรับการอาบน้ำที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก นักวิจัยต้องต้มน้ำบ่อแล้วนำมาเติมในถังน้ำขนาด 20 ลิตร ในภาพ โซลาสซ์สาธิตวิธีใช้งานและคอยสอดส่องพื้นที่รอบๆ
หลังติดตั้งรังเทียมหลายร้อยกล่อง หอเรดาร์เปิดโอกาสที่หาได้ยากให้นักวิทยาศาสตร์ติดตามศึกษาการป้อนอาหาร การผสมพันธุ์ และการอยู่รอดของนกแบบเรียลไทม์

ขณะที่หอสังเกตการณ์นกทะเลอาจดูหรูหราไปสักหน่อยสำหรับนกที่มาอาศัย ชีวิตบนเกาะสำหรับนักวิจัยกลับยากลำบากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย “เราต้องออกไปถ่ายในห้องน้ำด้านนอก และอาบน้ำด้วยน้ำบ่อที่ใช้เตาต้มค่ะ” มอร์แกน เบโนวิตซ์-เฟรเดอริกส์ ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยบักเนลล์ผู้มาใช้เวลาบนเกาะเจ็ดฤดูภาคสนาม กล่าว

แม้จะมีความท้าทาย หรืออาจเป็นเพราะความท้าทายเหล่านี้ นักวิจัยจึงผูกพันกันแน่นแฟ้น พวกเขาใช้เวลาช่วงเย็นขลุกอยู่ด้วยกันในตึกทหารเก่าที่เป็นทั้งครัว สำนักงาน และห้องนั่งเล่น ถึงเวลาอาหารก็แบ่งกันรับประทานบนโต๊ะอาหารตัวยาว พลางพูดคุยกันอย่างออกรส ช่วงพักจากงานภาคสนามที่กินเวลานานหลายชั่วโมง นักวิจัยจะเพลิดเพลินไปกับการเล่นสนุกต่างๆ

“หลังจากใช้ชีวิตบนเกาะมาสามฤดูกาล ฉันพูดได้เต็มปากเลยค่ะว่า สถานที่แห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์” ซิเอร์รา นิโชนี พีต อดีตหัวหน้าทีมวิจัย กล่าว “ฉันคิดเรื่องที่นี่ทุกวัน ทั้งวิทยาศาสตร์เจ๋งๆ วันที่เหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส และมิตรภาพชั่วชีวิตที่ได้จากที่นั่น เกาะมิดเดิลตันทำให้คนอ่อนน้อมถ่อมตนในทางที่ดีที่สุดค่ะ”


อ่านเพิ่มเติม : อัปลักษณ์อย่างมีคุณค่า: เผยพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ของสัตว์โลกผู้อาภัพรูปลักษณ์

Recommend