งานในสวนที่อันตรายที่สุดในโลก

งานในสวนที่อันตรายที่สุดในโลก

“ชุดป้องกันเฮมล็อก ฮ็อกวีด และสารอันตรายอื่น ๆ

คือสิ่งที่ต้องใช้ในการดูแลพืชกว่าร้อยชนิดที่อาจฆ่าคุณได้”

ผู้ดูแลสวนพืชมีพิษในพื้นที่ซึ่งอยู่ติดกับปราสาทแอนิก ในนอร์ทัมเบอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ คาดการณ์ว่าจะมีผู้เป็นลมหมดสติจำนวนมากทุกปี สวนแห่งนี้ซึ่งจัดว่าใหญ่ที่สุดในบรรดาสวนประเภทเดียวกัน ตั้งอยู่หลังประตูเหล็กโอ่อ่า ประดับด้วยหัวกะโหลก และเต็มไปด้วยพืชอันตรายกว่าหนึ่งร้อยชนิดที่คุณเข้าไปเองไม่ได้ หากไม่มีมัคคุเทศก์นำชม

เมื่อการนำชมเริ่มขึ้น มัคคุเทศก์จะเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้สัมผัส เลีย หรือเด็ดพืช ขณะพวกเขาเรียนรู้เกี่ยวกับ นักวางยาพิษในประวัติศาสตร์ ชมการปรุงยาและกิ่งตอนที่ใช้เป็นอาวุธ ตัวอย่างเช่น นักวางยาถ้วยชา (Teacup Poisoner)   ผู้เริ่มฆาตกรรมต่อเนื่องด้วยการให้พืช Atropa belladonna แก่พี่สาวของเขา และหมอมรณะ (Doctor Death) แพทย์ผู้ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆาตกรรมคนไข้ 15 คนด้วยยาพิษที่สกัดจากฝิ่น บ่อยครั้งที่นักท่องเที่ยวเป็นลมล้มพับบนพื้นกรวด ผู้ดูแลสวนบอกว่า อาจเป็นเพราะได้ยินได้ฟังเรื่องราวน่าสยดสยองเหล่านั้น หรือบางทีกลิ่นชวนมึนของยี่โถ สนยู และไนต์เชด ที่อบอวลผสมกันอาจทำให้ผู้ที่ไวต่อกลิ่นนี้หมดสติก็เป็นได้

เมื่อผ่านประตูที่มีคำเตือนเป็นตัวพิมพ์ใหญ่เข้าไปแล้ว นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้อันตรายของพืชมีพิษ รวมถึงพืชในสวนหลังบ้านของคุณเองด้วย การนำชมสวนยังสอดแทรกลูกเล่นและความสนุกปนน่ากลัวของเครื่องประดับสวนอย่างโลงศพที่มีไว้เพื่อใส่ทิป

สวนพืชมีพิษนี้ซึ่งเปิดเมื่อ 20 ปีก่อนเพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดหลอน กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งเมื่อเปิดรับนักวิจัยทุกประเภท ตั้งแต่นักวิทยาศาสตร์ที่อยากรู้เกี่ยวกับสารพิษแปลกๆ ไปจนถึงนักเขียนนิยายอาชญากรรมที่มองหาแรงบันดาลใจ วันหนึ่งในฤดูร้อน เมื่อจำนวนผู้หมดสติประจำปีอยู่ที่ประมาณ 70 คน ไมกี ลีช หัวหน้าผู้ดูแลสวนวัย 38 ปี ตัดใบลอเรลมันวาวที่ยื่นออกมาขวางทางเดิน “นี่เป็นพืชรั้วที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดชนิดหนึ่งในประเทศนี้ครับ” เขากล่าว “ถ้าตัดใบละก็ คุณจะได้ไซยาไนด์ดีๆ นี่เอง”

ปราสาทแอนิกเป็นสมบัติของชาวอังกฤษตระกูลหนึ่งมายาวนานกว่า 700 ปี แต่เดิมเป็นวังของขุนนางชั้นสูงสุดในภูมิภาค ตัวปราสาทและพื้นที่สวนข้างเคียงขนาด 100 ไร่ ตกทอดมาถึงเจ้าของคนปัจจุบัน ราล์ฟ เพอร์ซี ดุ๊กแห่งนอร์ทัมเบอร์แลนด์คนที่ 12 ซึ่งย้ายเข้ามาอยู่ในช่วงกลางทศวรรษ 1990 พร้อมกับเจน ผู้เป็นภรรยา ดัชเชสเริ่มปรับปรุงปราสาททรุดโทรมแห่งนี้ โดยเพิ่มน้ำพุ เขาวงกต และสนามหญ้ากว้างใหญ่ รวมถึงก่อตั้งองค์กรการกุศลชื่อ สวนแอนิก (Ainwick Garden) ซึ่งรวมถึงสวนพืชมีพิษด้วย

ใบของ Salvia divinorum (ซัลเวีย) เป็นสารควบคุม มีคุณสมบัติที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทชั่วคราว

แม้พืชที่มีพิษรุนแรงที่สุดบางชนิดของที่นี่จะนำมาทำยารักษาโรคและยาแก้พิษ เช่น แพงพวยฝรั่ง ซึ่งเมื่อกินเข้าไปจะเป็นพิษต่อตับ แต่ก็ยังใช้ในการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ด้วย ทว่าคุณประโยชน์ของพืชเหล่านี้ไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจหรือความประทับใจให้กับดัชเชสเลย เธอเคยบอกว่า “ฉันรู้สึกว่า สรรพคุณด้านการรักษาของพืชเหล่านี้ฟังดูออกจะน่าเบื่อ สู้การรู้ว่าพืชฆ่าได้อย่างไรไม่ได้หรอก”

พิษที่มีอยู่ทั่วไปในสวนหลังบ้านเราเป็นแรงผลักดันให้นักนิติเคมีกลุ่มหนึ่งทำการทดลองในสวนแห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งปี เพื่อวัดปริมาณสารพิษในพืช 25 ชนิดที่เด็กๆ เผลอกินเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า Atropa belladonna ซึ่งนักวางยาถ้วยชาใช้ เป็นสารพิษอันตรายที่สุดชนิดหนึ่งต่อเด็กๆ และจำเป็นต้องมีการสร้างความตระหนักรู้แก่สาธารณชนมากขึ้นเพื่อป้องกันผลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

Atropa belladonna (เดดลีไนต์เชด) หากกินเข้าไปอาจทำให้เป็นอัมพาต ประสาทหลอน และเสียชีวิตได้

กลับมาที่ห้องพักผู้ดูแลสวน บนไวต์บอร์ดมีรายการงานประจำวันเขียนว่า ตัดหญ้าริมถนนทางเข้า ดูแลต้นแมนเดรกอันตราย 20 ต้น “แมนดราโกรา (Mandragora) เกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์มนุษย์มากครับ” ลีชกล่าวและเสริมว่า เหล่าฟาโรห์ทรงใช้ แมนดราโกราเป็นของมึนเมา ส่วนชาวโรมันใช้เป็นยาสลบในสนามรบ เมื่อไม่นานมานี้ หนังสือแฮร์รี พอตเตอร์ทำให้ต้นแมนเดรกเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยสีสัน ทั้งส่งเสียงกรีดร้องและมีความรู้สึก 

ลีชสารภาพว่า เขาเพิ่งเริ่มศึกษาเกี่ยวกับแมนดราโกราเมื่อฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมานี้เอง หลังจากผู้คลั่งไคล้แมนเดรกคนหนึ่งส่งอีเมลมาว่า ต้องการมอบแมนเดรกที่เธอสะสมไว้ให้สวนแอนิก ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์หายากที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเทือกเขาในเอเชียกลาง ขณะนี้ แมนเดรกที่ได้รับมา 20 ต้นเก็บรักษาไว้ในบริเวณที่มีการป้องกันใกล้ห้องพักผู้ดูแลสวนลีชกล่าวว่า “รากของมันพิษแรงมากครับ เราต้องขังมันไว้ในกรง”

เมล็ด Ricinus communis (ละหุ่ง) มีไรซินซึ่งมีพิษรุนแรง

พืชที่ถูกขังกรงเนื่องจากมีพิษรุนแรงที่สุด ดึงดูดความสนใจมากที่สุดเช่นกัน Ricinus communis ซึ่งเป็นพืชที่ผลิตพิษไรซิน ปลูกเลี้ยงในกรง ส่วน Salvia divinorum นั้น ลีชบอกว่า “ถ้าสูบเข้าไป คุณจะรู้สึกเมาเหมือนกินยาหลอนประสาทเป็นเวลา 30 วินาที”

  เห็นได้ชัดว่า ทำไมนักเขียนนิยายลึกลับจึงชอบมาที่แอนิก ครั้งแรกที่ จิลล์ จอห์นสัน นักเขียนนวนิยายชาวอังกฤษมาเยือน เธอสำรวจทางเดินที่ขนาบไปด้วยต้นเน็ตเทิล มือล้วงกระเป๋าอย่างกังวล แล้วเธอก็ได้แนวคิดเบื้องต้นอันบรรเจิด นั่นคือ นักสืบ-นักพฤกษศาสตร์ ผู้ใช้สวนของตนเป็นเครื่องมือไขคดีอาชญากรรม คล้ายกับตัวละครตัวโปรด มิสมาร์เปิลของ อกาทา คริสตี  ลมหายใจปีศาจ (Devil’s Breath) หนังสือเล่มแรกในชุดปริศนาศาสตราจารย์ยูสเทเซีย โรส ของจอห์นสัน วางจำหน่ายในปี 2023 ตั้งแต่นั้นมา เธอก็กลับมาที่แอนิกเพื่อหาแรงบันดาลใจ 

ยางของต้น Heracleum sphondylium (ฮอกวีดธรรมดา) อาจทำให้ผิวหนังไหม้ได้เมื่อโดนแสงแดด

เจ้าหน้าที่ดูแลสวนแอนิกเล่าว่า มีตำรวจจริงอย่างน้อยหนึ่งหน่วยขอมาเยี่ยมชมเพื่อ “ปรึกษาเรื่องการใช้พืชและสารพิษที่อาจปรากฏอยู่ในบัญชีเฝ้าระวัง ชนิดที่ตำรวจต้องเฝ้าระวังในอนาคต” ตำรวจหน่วยดังกล่าวปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น แต่ในสหราชอาณาจักรมีคดีวางยาพิษที่เป็นข่าวโด่งดังหลายคดี คดีโด่งดังที่สุดคดีหนึ่ง คือคดีฆาตกรรมชายคนหนึ่งเมื่อปี 2009 ซึ่งกินอาหารเย็นผสมวูล์ฟสเบน (wolfsbane) เข้าไป ลีชชี้ให้เห็นว่า เพียงแค่รากแมนเดรกขนาดเท่าเศษเล็บก็ส่งคนลงหลุมได้แล้ว

สวนแอนิกนำพืชชนิดใหม่มาปลูกเพิ่มอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ยังขาดพืชที่สร้างความเจ็บปวดมากที่สุดชนิดหนึ่งในโลก จนเมื่อไม่นานมานี้เอง Dendrocnide moroides  หรือ “กิมปี-กิมปี” (gympie-gympie) เป็นพืชจำพวกเน็ตเทิลที่อันตรายอย่างยิ่งในออสเตรเลีย เพียงสัมผัสเบาๆ ก็อาจทำให้อาเจียนได้ หลังจากดูวิดีโอเกี่ยวกับพืชชนิดนี้ในยูทูบ จอห์น น็อกซ์ หัวหน้ามัคคุเทศก์นำชมก็ทดลองปลูกจากเมล็ดที่ซื้อทางออนไลน์ แต่เมื่อไม่สำเร็จ เขาจึงติดต่อชายที่เขาเคยอ่านเจอว่าปลูกไว้ต้นหนึ่งขนาดเท่าตุ๊กตาประดับสวนโดยใส่ไว้ในกรงนกในห้องนั่งเล่น  น็อกซ์นำมันไปที่แอนิกโดยใส่ไว้ในกรงสุนัขที่คลุมด้วยถุงขยะเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับหนาม ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบที่เขาอธิบายว่า “เหมือนถูกไฟเผาถูกไฟดูด และถูกกรดร้อนๆ ราดใส่ตัว ทุกอาการที่ว่ามานี้เกิดขึ้นพร้อมกัน”

ดรูว์ เกรย์ กำลังดูแลอุโมงค์เถาไอวี และผู้ดูแลสวนคนอื่นๆ ภูมิใจกับการให้การศึกษาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในงานของพวกเขา

กิมปี-กิมปีซึ่งตอนนี้โตกว่าเดิมมาก ใช้ชีวิตอยู่ในกล่องใสที่ล็อกไว้ตรงปลายสุดของสวน “เราจะไม่เปิดกล่องโดยไม่สวมชุดป้องกันอันตรายครับ” ลีชอธิบาย “ลองนึกภาพดูสิครับว่า ถ้ามีลมแรงๆ พัดมา!” ลีชหาข้อมูลมาเหมือนน็อกซ์ “ความเจ็บปวดจะรุนแรงไปสามหรือสี่สัปดาห์ แล้วอาการจะกำเริบไปอีกสองสามปีครับ” เขาบอก เขาเริ่มทำสวนตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ และบอกว่าชอบทำสวนเพราะเป็นสิ่งที่น่ากลัวน้อยที่สุดที่เขานึกออก แล้วดูสิว่าเขาลงเอยที่ไหน

 

 

เรื่อง ทอม ลามอนต์

ภาพถ่าย คาร์ลอตตา คาร์ดานา

แปล ปณต ไกรโรจนานันท์


อ่านเพิ่มเติม : อดีตที่โลกไม่เคยรู้ถูกเปิดเผย

หลังไม้ใหญ่ล้มกลางป่าแอมะซอน

Recommend